ผมเผ้าเป็นเรื่องสำคัญทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการรักษาความสะอาด หลายคนดูแลส่วนอื่นจนลืมดูแลสุขภาพผมและหนังศีรษะ ขยี้หัวทีรังแคกระจายเป็นอันจบเห่ บางคนประสบปัญหาผมแตกปลาย ผมแข็งกระด้าง ชี้ฟูไม่เป็นทรง จึงสรรหาผลิตภัณฑ์มาบำรุงอย่างเต็มเหนี่ยว แต่กลับลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจไม่แพ้กัน คือความถี่ในการสะผมของแต่ละคน รูปภาพโดย RyanMcGuire : Pixabay 'เราควรสระผมบ่อยแค่ไหน' เป็นคำถามยอดฮิตที่ทุกวันนี้ถกเถียงกันไม่จบ บางคนไม่สระผมเพียงวันสองวัน หัวก็มันแผล็บจนไม่น่ามอง บางคนสระผมทุกวันยิ่งทำให้ผมแห้งแข็งกระด้าง จึงเป็นปัญหาที่ต้องค่อย ๆ แก้กันไป สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผมของเราแข็งแรงมีสุขภาพดี สะบัดทีสลวยสวยเก๋แบบในโฆษณา ไม่ได้มาจากการดูแลเส้นผมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใส่ใจสุขภาพหนังศีรษะก่อนเป็นอันดับแรก รูปภาพโดย Jackmac34 : Pixabay เพราะเหตุใดเราจึงต้องใส่ใจกับหนังศีรษะก่อนเส้นผม เพราะส่วนของหนังศีรษะนี่เอง เป็นอวัยวะที่ผลิตไขมัน (Sebum) ซึ่งเป็นน้ำมันธรรมชาติที่จะไปเลี้ยงเส้นผมทุกเส้นให้เจริญเติบโต มีสุขภาพแข็งแรง พูดง่าย ๆ ว่า ผมจะสลวยดกดำหรือแห้งกร้านแตกปลาย ล้วนมาจากความเหมาะสมในการดูแลหนังศีรษะ เมื่อเราสระผมบ่อยเกินไปก็เป็นการใช้แชมพูไปกำจัดไขมันที่หนังศีรษะสร้างขึ้นมา ผมของเราจึงแห้งกร้าน แต่หากเราปล่อยให้หนังศีรษะสร้างน้ำมันในปริมาณมากเกินไป เส้นผมของเราก็จะเหนียวเหนอะหนะ และมีกลิ่นเหม็นจากการหมักหมม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างให้คำตอบกับเรื่องนี้ว่า เราต้องสังเกตหนังศีรษะของเราก่อน ว่ามีความมันมากหรือน้อย แล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสระผมให้อยู่ในระดับที่พอดี หากหนังศีรษะของเรามีความมันมาก การสระผมทุกวันด้วยแชมพูก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย เพราะหนังศีรษะยังสามารถสร้างน้ำมันออกมาทดแทนได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว แต่หากหนังศีรษะของเรามีความมันน้อย การสระผมด้วยแชมพูสองวันต่อหนึ่งครั้งน่าจะเพียงพอ ในขณะที่วันอื่น ๆ สามารถใช้น้ำเปล่าล้างผมแล้วเช็ดทำความสะอาดได้ตามปกติ รูปภาพโดย Eric Larregui : Unsplash คำแนะนำสำหรับคนที่หนังศีรษะมีความมันน้อยหรือค่อนข้างแห้งอีกหนึ่งข้อนั่นคือ สามารถใช้ครีมบำรุงผมชะโลมโคนผมได้ทุกวัน แล้วใช้น้ำสะอาดล้างออกตามปกติ เพราะครีมบำรุงผมจะช่วยเติมสารอาหารให้หนังศีรษะ สร้างสมดุลการผลิตไขมันให้อยู่ในระดับปกติ หรืออาจใช้น้ำมันบำรุงหนังศีรษะ จำพวกน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว โดยการหยดลงกลางศีรษะแล้วลูบให้ทั่วทุกคืนก่อนนอน นอกจากจะป้องกันหนังศีรษะที่แห้งหลุดลอกเป็นแผ่นได้แล้ว น้ำมันพืชเหล่านี้ยังเป็นอาหารผมที่ช่วยทำให้เส้นผมของเราดกดำเงางาม รูปภาพโดย Igorovsyannykov : Pixabay สรุปแล้วคำถามที่ว่า เราควรสระผมบ่อยแค่ไหน ก็ไม่มีคำตอบที่เป็นสูตรสำเร็จตายตัว แต่เราต้องพิจารณาจากสภาพหนังศีรษะของเราก่อน แล้วปรับเปลี่ยนความถี่ในการสระผมให้เหมาะสม สิ่งสำคัญคือเลือกผลิตภัณฑ์สระผมที่ใช้สารเคมีในปริมาณน้อย เพื่อช่วยป้องกันการทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผม หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผมเสีย ทั้งการกัดสีผม การทำสีผม การใช้ความร้อนเป่าผมบ่อยเกินไป และหมั่นดูแลสุขภาพผมและหนังศีรษะด้วยครีมบำรุง น้ำมันธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพผมที่เสียและบำรุงให้กลับมาเงางาม มีสุขภาพแข็งแรงได้อีกครั้ง รูปภาพหน้าปกโดย SocialButterflyMMG : Pixabay