อย่างที่ทราบกันดีในกระแสตอนนี้ในโลกออนไลน์เกิดดราม่าขึ้นระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับ " โขน " ว่าเป็นของประเทศใด จึงเกิดการเป็นดราม่าขึ้นไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือ Twitter อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน วันนี้เราจะมาหาข้อสรุปกันว่า " โขน " เป็น ของใครกันแน่ มาดูกันเลยค่ะ โขน เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของหลากหลายประเทศ มีอิทธิพลมาจากอินเดียที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อย การแสดงประเภทหนึ่งที่ใช้ท่ารำตามแบบละครใน แตกต่างเพียงท่ารำที่มีการเพิ่มตัวแสดง เปลี่ยนทำนองเพลงที่ใช้ในการดำเนินเรื่องไม่เหมือนกับละคร แสดงเป็นเรื่องราวโดยลำดับก่อนหลังเหมือนละครทุกประการ ซึ่งไม่เรียกการแสดงเหล่านี้ว่าละครแต่เรียกว่า " โขน " แทน เรามากันที่ " โขนไทย " กันก่อนดีกว่าเนาะ " โขนไทย " มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากหลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศษในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการกล่าวถึงการแสดงโขนว่า เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอและเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผู้แสดงจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าตนเองและถืออาวุธ ในสมัยโบราณ ตัวพระและตัวเทวดาต่างสวมหัวโขนในการแสดง ต่อมาภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงไม่ต้องสวมหัวโขน และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.35 น. ตามเวลาประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 13 ที่เมืองพอร์ตลูอิส ประเทศมอริเชียส องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน "โขน" ประเทศไทย ภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Khon, masked dance drama in Thailand" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในประเภท "รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity" นับเป็นการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้รายการแรกของประเทศไทย " ละโคนโขล " (เขมร: ល្ខោនខោល) เป็นนาฏกรรมสวมหน้ากากอย่างหนึ่งในประเทศกัมพูชา มีลักษณะใกล้เคียงกับการแสดงโขนของประเทศไทย ปัจจุบันมีละโคนโขลในกัมพูชาสองรูปแบบได้แก่ ละโคนโขลวัดสวายอัณแดต และละโคนโขลคณะระบำหลวงกัมพูชา แต่เดิมจะใช้ผู้หญิงในการแสดง ต่างจากโขนของไทยที่จะใช้ผู้ชายแสดง เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 กระทรวงวัฒนธรรมของประเทศไทยได้ประกาศขอขึ้นบัญชี " โขน " เป็นมรดกโลก ทำให้ประชาชนในประเทศกัมพูชาไม่พอใจ และพากันแสดงความคิดเห็นว่าโขนเป็นวัฒนธรรมของคนกัมพูชาเท่านั้น พอล เชมเบอร์ (Paul Chamber) จากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่าเป็นการปลุกกระแสชาตินิยมกัมพูชามากกว่าจะการโต้เถียงเกี่ยวกับมรดกทาง ศิลปวัฒนธรรม และยูเนสโกได้พิจารณาขึ้นทะเบียน ละโคนโขลคณะวัดสวายอัณแดต (ល្ខោនខោល វត្តស្វាយអណ្ដែត) เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 แต่อย่างไรก็ตาม " โขน " ทั้งสองก็ล้วนได้รับการยอมรับจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ทั้งคู่ และล้วนแล้วได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย ดังนัั้นแล้ว " โขน " จึงเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยของทุกคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นดินแดนเดียวกันในดินแดนสุวรรณภูมิ จึงไม่แปลกที่จะวัฒธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่คล้ายกัน ฉะนั้นแล้ว เราทุกคนควรที่จะช่วยกันอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ให้ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอย่าให้หายสาบสูญไปตามกาล ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน ขอให้คุณใช้วิจารณญาณในการอ่านและการรับรู้ข่าวสารด้วยค่ะ ขอบคุณภาพจาก i.ytimg.com image.dek-d.com www.chiangmainews.co.th https://scontent-fbkk5-7.us-fbcdn.net www.prachachat.ne อ้างอิง wikipedia