เสน่ห์ที่ 6: เข้าหานาย...อย่าอายหน้าเราปกติคนเราถ้าไม่ทำเรื่องอะไรผิดพลาด ก็จะไม่หลบหน้าใครโดยเฉพาะนาย แต่ที่เราเห็นอยู่บ่อย ๆ คือคนที่มีเรื่องปกปิด และทำอะไรผิดมา มักจะคอยหลบหน้า ไม่อยากเจอหน้าใครเพราะกลัวเดี๋ยวจะมีคนจับได้...เช่นเดียวกัน เวลาเราเดินอยู่ เจ้านายเดินผ่านหรือเดินมาหาเรา เราจะเผชิญหน้านาย หรือ เราจะหลบนาย...แน่นอน เรามักจะเห็นว่าหลาย ๆ ครั้งใครที่มีคดีติดตัวอยู่ ก็มักจะเดินเลี่ยงไปซ้ายที หรือหลบขวาที...แต่ที่แปลกกว่านั้น คนไทย เวลาต้องเดินผ่านคนต่างชาติที่ทำงานบริษัทเดียวกัน โดยเฉพาะฝรั่ง แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งหน้าที่เท่ากัน...คุณเชื่อหรือไม่ เขามักจะหลบไปเฉย ๆ ซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยมีหลายคนเคยถามว่า จะทำอย่างไรดี เมื่อเจ้านายเราไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายที่ดี ฟังแต่คำสั่งนายใหญ่อยู่อย่างเดียว...ไม่เคยปกป้องลูกน้องมนุษย์เงินเดือนแบบเราเลย...ไม่เคยฟังความคิดเห็นเราบ้างเลย...ไม่เคยให้เรารู้เรื่องนโยบายอะไรบ้างเลย เก็บไว้คนเดียวจนเราไม่รู้ว่าจะต้องทำงานอะไรและทำงานอย่างไรต่อ และเมื่อนายใหญ่ถามเรา...เราก็ไม่กล้าบอกว่าเจ้านายเราไม่เคยบอกอะไรเราเลย...ฟังอย่างนี้แล้วเราควรทำอย่างไรดี ?????คำถามนี้ต้องถามกลับว่า...คุณคิดว่าใครเป็นคนที่เราสมควรฟังมากที่สุด ก็ฟังคนนั้น...แต่เป็นเรื่องจริงที่ว่า ต้องฟังคนที่สามารถตัดสินชีวิตมนุษย์เงินเดือนแบบเรา ขนาดเจ้านายโดยตรงเรายังต้องฟังนายใหญ่เลย...ถ้าเป็นผม จะขอคุยนอกรอบกับนายโดยตรงก่อนว่าเรารู้สึกอึดอัดใจขอเรียนปรึกษา แต่ถ้าเขายังไม่สนใจ ผมก็จะหาวิธี หาเวลาไปคุยปรึกษากับนายใหญ่ โดยใช้กลยุทธ์ว่ามีเรื่องขออัปเดต แต่เราจะต้องมีวิธีในการตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังว่าเราข้ามหัวนายโดยตรง..."ผมขอปรึกษาพี่หน่อยครับ เพื่อจะได้ทราบว่าแนวทางของพี่กับสิ่งที่ผมกำลังดำเนินการเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และไปในแนวทางเดียวกันครับ พี่เขาบอกให้ทำแบบนี้....แต่ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นแบบนี้....ด้วยเหตุผลแบบนี้....แบบนั้น....แต่หาข้อสรุปไม่ลงตัว เลยอยากเรียนปรึกษาพี่เผื่อพี่จะให้แง่คิด หรือปรับมุมคิดที่ตรงกับนโยบายบริษัทครับ"การเข้าหานาย...ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวมากไปกว่าการที่ถูกนายเรียกพบ เพราะการเข้าหานายเป็นการที่เรามีการเตรียมตัวมาก่อน ก่อนจะเข้าไปพบเจ้านาย แต่การที่ถูกนายเรียกหา ถือว่าเป็นการเซอร์ไพรส์ เพราะเราไม่รู้ว่าจะพบเจอกับเรื่องดี หรือไม่ดี และที่สำคัญคือเราไม่มีเวลาในการเตรียมตัวการเข้าหานายอย่าอายหรือกลัว เพราะจะยิ่งทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ และผลก็คือมีโอกาสโดนนายยิงคำถามแบบปืนเด็กเล่น หรือปืนกลก็ได้ อาจจะโดนยิงกราด...อู้ย น่ากลัวจังไม่อยากคิดถึงมันเลย...เพราะฉะนั้นเราต้องคิดบวกว่าเราไม่มีเรื่องอะไรที่ผิดพลาด เราทำงานเต็มที่แล้ว ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับเราอีกแล้ว และนี่แหล่ะคือ การสร้างความมั่นใจก่อนเข้าพบนายการเข้าหานาย...ให้เรารวบรวมอาวุธหรือเสน่ห์ทั้งหมด 5 เสน่ห์ ดังที่นำเสนอในบทก่อนหน้านี้มา (ใครจำไม่ได้ หรือยังไม่อ่านรีบกลับไปอ่านให้ครบ 5 ตอน 5 เสน่ห์นะครับ) พกเสน่ห์เหล่านี้ติดตัวเข้าไปด้วย แล้วนำออกมาใช้อย่างระมัดระวัง มีจังหวะและมีแบบแผน...โดยเฉพาะการแสดงสีหน้าและดวงตา...ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะเป็นตัวชี้ชะตาชีวิตเราได้ ให้เรานึกว่าเรากำลังแสดงภาพยนต์ และนายเป็นผู้ร่วมแสดง เรามีอีกบทบาทคือผู้กำกับการแสดง ให้เรากำกับบทและสีหน้าที่เหมาะสมกับสถานะการณ์ในช่วงเวลานั้นว่าจะเป็นบทบู้สู้กันจนเลือดสาด หรือร้องไห้แบบแม่น้ำร้อยสาย หรือหัวเราะแบบขำกลิ้ง...เราต้องทำได้ทุกบทบาท หรือตีบทให้แตกการใช้สายตาให้เป็น...ไม่หลบหน้า จะเป็นการบ่งบอกถึงความพร้อม และความมั่นใจ ถ้าทำได้ก็จ้องท่านเลยแต่เป็นสายตาที่ดูจริงใจ...ไม่ดุเหมือนเสือ...นุ่มนวล...ถึงจะพูดผิดก็กลายเป็นถูกได้..."ตัวเลขกลุ่มสินค้า A ติดลบอยู่ครับ แต่มีแนวโน้วที่ดีขึ้นเยอะเลยครับ จากเดือนที่แล้ว เราติดลบอยู่ประมาณ 5% เดือนนี้ตัวเลขดีขึ้น ติดลบเหลือ 2% และคาดว่าจะไม่ติดลบแล้วในเดือนหน้าครับ เพราะ......."การนำเสนอ ก็มีส่วนในการช่วยให้การสนทนาเริ่มต้นและจบลงด้วยการแฮปปี้เอนด์ดิ้งได้ เราสามารถพูดผิดให้เป็นถูก หรือเบาลงได้ และพูดถูกให้เป็นถูกมากยิ่งขึ้นได้การฟัง ก็มีส่วนสำคัญ เพราะคำถามแต่ละคำถามต้องการคำตอบแบบมีตรรกะ มีเหตุมีผล...คุณลองคิดดูว่าคนเรานั้น อยากฟังเรื่องดี ๆ หรืออยากฟังเรื่องร้ายมากกว่ากัน...คอนเฟิร์ม...เรื่องดี ๆ แน่นอน เราต้องพูดให้เป็นเรื่องที่คนฟังอยากได้ยิน...คำถามแต่ละข้อ สมองเราต้องสั่งการอยู่ตลอดเวลา และคิดเสมอว่าเราควรจะตอบหรือไม่ตอบข้อนี้ หรือควรเลี่ยง เลี่ยงอย่างไร...คิดให้เป็นระบบก่อนจะตอบ...ยาก...แต่ต้องฝึกฝนเราต้องเก่งเสนองาน พร้อมทั้งบริหารความคาดหวังของคนฟังให้ได้ บางครั้งไม่มีเรื่องอะไรจะนำเสนอ เราก็เดินโฉบไปโฉบมาแถว ๆ หน้าห้องนายก็ได้ เพื่อไม่ให้นายลืมเรา...พอเห็นหน้านายก็กล่าวคำทักทาย "สวัสดีครับ เผอิญผ่านมาเลยแวะมาทักทายนายครับ สบาดีนะครับ" เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการโปรยเสน่ห์แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งหมอผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือยาเสน่ห์ใด ๆ แถมประหยัดเงินได้อีกด้วย เราต้องรู้เรื่องของเรา ว่าตอนนี้อะไรเป็นเรื่องกำลังฮิต อะไรเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองอยู่ อะไรเป็นเรื่องที่นายพูดถึงหรือถามถึงอยู่บ่อย ๆ อะไรเป็นเรื่องที่นายชอบและไม่ชอบ นายเราเป็นคนอย่างไร...คนตรง...ดุ...ไม่ชอบคนโกหก หรือชอบฟังคำหวาน...เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ ค้นคว้า เสาะหาข้อมูลให้มากที่สุดจากประสบการณ์...เรื่องที่เป็นโปรเจคหลัก ๆ นายมักไม่ค่อยอยากฟังรายละเอียดว่าคุณต้องทำอะไร ทำอย่างไร แต่นายต้องการรู้ว่า ผลรับ...ทำได้ประสบความสำเร็จหรือไม่ ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือเปล่า...หรือถ้าไม่สำเร็จ เรามีแผนในการแก้ไขอย่างไร...เพราะนายเราก็ต้องไปรายงานให้กับนายใหญ่เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจนายเราด้วยครับ... ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.pexels.comภาพประกอบที่ 1: pexelsภาพประกอบที่ 2: pexelsภาพประกอบที่ 3: pexelsภาพประกอบที่ 4: pexels