สลิปน้ำมันมีค่าต่อรถยนต์ของคุณ

เวลาไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม หลายๆคน เก็บสลิปเอาไว้แค่เช็คกับใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตแล้วก็ทิ้งไป หรือไม่ก็ทิ้งไปตั้งแต่ได้รับมาเลย

อันที่จริงแล้ว สลิปน้ำมันมีค่าและความหมายมากกว่านั้น เช่น เป็นการบอกเวลา และยืนยันสถานที่อยู่ของคุณ ในกรณีที่คุณถูกกล่าวหา หรืออ้างอิงในคดีอาญาต่างๆ สามารถใช้สลิปน้ำมันยืนยันตัวเองได้ว่า ณ วันเวลาดังกล่าว คุณกำลังเติมน้ำมันอยู่ที่ปั๊มนี้ จังหวัดนี้ และอาจสามารถทวนสอบได้ด้วยโทรทัศน์วงจรปิดของปั๊มน้ำมัน

ในกรณีที่รถยนต์ของคุณเกิดปัญหาขึ้นหลังจากเติมน้ำมันไปแล้ว หากมีเหตุสงสัยว่าเกิดจากคุณภาพของน้ำมัน คุณก็สามารถใช้สลิปนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณเติมน้ำมันชนิดนี้จากปั๊มนี้จริง

แต่วันนี้ผมขอแชร์เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนะครับ

เทคนิคที่ผมใช้ตรวจสภาพรถยนต์คือ การเติมน้ำมัน "เต็มถัง" ทุกครั้ง เพื่อเราจะได้ทราบว่า ในน้ำมันถังที่ผ่านมานี้ เราวิ่งได้ระยะทางไกลแค่ไหน นำมาคำนวณเป็นอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

เมื่อไรก็ตามที่เราพบว่าอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของเรามีค่าต่ำผิดปกติ (คือน้ำมันหนึ่งลิตรวิ่งได้ระยะทางสั้นลง) แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังเกิดปัญหาแล้ว หรือบางครั้งก็อาจมีปัจจัยอื่นประกอบ เช่น การขับรถยนต์ในเมืองจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าการขับนอกเมือง เพราะเราต้องเจอรถติด ซึ่งเผาผลาญน้ำมันไปเรื่อยๆ โดยไม่เกิดระยะทาง

นอกจากนี้สไตล์การขับก็มีผลต่อความสิ้นเปลืองของน้ำมันเช่นกัน คนที่ขับรถนุ่มนวลจะได้ระยะทางมากกว่าคนที่ขับแบบเร่งแรงแซงโค้ง (ดู Fast & Furious มามากไปหน่อย) ซึ่งการเก็บข้อมูลแบบนี้ เทียบถังต่อถังจะทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

รถยนต์ที่ผ่านการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วมักจะประหยัดน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากการหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยครับ

หลังจากเราได้บันทึกข้อมูลเป็นจำนวนมากๆ แล้ว ถ้าผู้อ่านเป็นคนที่ชอบกราฟ ก็อาจจะลองพล็อตกราฟในโปรแกรม Google Sheets ก็ได้ ตามตัวอย่างนี้

กราฟนี้บอกผมว่าตลอดปีที่ผ่านมานี้ ผมมีการขับรถโดยเฉลี่ยเดือนละ 1,097 กม. และรวมทั้งปีก็ประมาณหมื่นสามพันกิโลเมตร ถือว่าน้อยกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางลดลง

ส่วนกราฟนี้เป็นการพล็อตระหว่างอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของน้ำมันแต่ละถัง ซึ่งทำให้พบว่า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยของผมอยู่ที่ประมาณ 13 กม./ลิตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างประหยัด เพราะส่วนใหญ่ขับอยู่นอกเมือง ไม่ค่อยมีรถติด ถ้าจะเฉลี่ยต้นทุนก็ประมาณ 2.11 บาทต่อกิโลเมตร ตัวเลขนี้ช่วยในการประเมินความคุ้มค่า เช่น จะขับรถไปส่งของให้ลูกค้าระยะทาง 20 กม. ไปกลับก็เป็น 40 กม. ค่าน้ำมันประมาณ 84 บาท ก็ช่วยให้เราชั่งใจว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม หรือจะใช้บริการจากบริษัทขนส่งจะคุ้มกว่า

และกราฟสุดท้าย เป็นกราฟที่พล็อตราคาน้ำมัน แก็สโซฮอล91 ของปีนี้ พบว่าราคาน้ำมันขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี ราคาแค่ลิตรละ 23 บาท แต่พอมาถึงปลายปี ราคาขึ้นไปถึง 32 บาท ถือว่าขึ้นไปสูงถึง 40% ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ก็ต้องทำใจ เพราะเราแก้ไขไม่ได้ ได้แต่ยอมรับต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น เพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป

สำหรับคนที่รักตัวเลข ผมหวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณผู้อ่านมองเห็นคุณค่าของสลิปค่าน้ำมันมากขึ้นนะครับ เพราะนี่คือการตรวจสุขภาพรถยนต์ของคุณตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว

ส่วนคนที่ไม่ชอบตัวเลข อาจจะแค่กดรีเซตเลขไมล์ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน และจดเลขไมล์มาหารด้วยจำนวนลิตรของน้ำมันที่เติมไป ก็จะได้ค่าอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์ เมื่อไรที่ตัวเลขนี้มีค่าต่ำกว่าปกติ ก็อาจลองให้ช่างตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ได้นะครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดีในทุกการเดินทางครับ

รูปภาพทั้งหมดและภาพปก โดยผู้เขียน

อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !