สวัสดีค่ะ สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่ในช่วงนี้เผชิญภาวะวิกฤติไปพร้อมกัน กับเจ้าไวรัสตัวร้าย CORONA หรือในชื่อที่เรียกโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า Covid-19 และพวกเราต่างก็หาทางรับมือกับเจ้าไวรัสตัวร้าย ด้วยการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อกันหลายรูปแบบ อาทิ การล้างมือบ่อย ๆ การใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาด และการใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การใส่หน้ากากอนามัยก็มีปัญหาต่าง ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สะกิดใจตามมาไม่ว่าจะเป็น หายใจไม่ออกเวลาใส่หน้ากากอนามัยเนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท ปัญหาอาการเจ็บหลังใบหูที่เกิดจากการเกี่ยวหูของหน้ากากเป็นเวลานาน และอีกหนึ่งปัญหาที่เป็นอันดับต้น ๆ ของการใส่หน้ากากอนามัย คือ ปัญหาการเกิดสิวค่ะ หลายคนบ่นกันในโลกออนไลน์ว่า หลังจากใส่หน้ากากอนามัย สิวขึ้นตามกรอบหน้าบ้าง สิวขึ้นที่แก้มบ้าง วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างไรให้หน้าใส ห่างไกลสิวกันค่ะ (ขอขอบคุณภาพจาก www.Pixabay.com) ก่อนอื่น ต้องวิเคราะห์ก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นคือสิว ไม่ใช้ผื่นแพ้ที่เกิดการจากแพ้หน้ากากอนามัย หรือผื่นที่เกิดจากการแพ้เหงื่อ ถ้าเช็คดีแล้วว่าเป็นสิวแน่นอน การเกิดสิวจากการใส่หน้ากากอนามัยนั้น สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ผู้เขียนขอมาแนะนำวิธีต่าง ๆ เป็น 5 ข้อด้วยกัน ดังนี้ค่ะ 1.เลือกหน้ากากอนามัยที่ขนาดพอดีกับขนาดหน้าของตนเอง หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าหน้ากากอนามัยที่อยู่ตามท้องตลาดนั้น มีหลายขนาดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไซส์ที่เหมาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะ หรือใช้สำหรับผู้ใหญ่ ที่มีความกว้างของหน้ากากแตกต่างกัน หากท่านใส่หน้ากากอนามัยผิดไซส์อาจจะเล็กเกินไป ก็จะทำให้สวมใส่ไม่สบาย คับเกินไป ทำให้เกิดการกดทับ ซึ่งจะกระทบกระเทือนกับผิวหน้า จะทำให้เกิดสิวตามมาได้ 2. ไม่ใช้หน้ากากอนามัยซ้ำ หลายคนอาจจะคิดว่า ในภาวะที่หน้ากากอนามัยขาดตลาด หายากยิ่งกว่าทองคำนี้ จึงคิดวิธีประหยัดโดยการใส่หน้ากากอนามัยซ้ำกันหลายวัน จะเป็นการประหยัดอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนนั้นขอแนะนำสาว ๆ อย่างนี้ว่า เราเป็นผู้ใส่หน้ากากเอง เราจะรู้ว่าหน้ากากที่เราใส่อยู่นั้น เปรอะเปื้อนหรือสกปรกและควรที่จะเปลี่ยนใหม่หรือยัง แต่การใส่หน้ากากอนามัยซ้ำนั้น จะทำให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกทั้งด้านที่สัมผัสกับผิวหน้าและด้านที่สัมผัสอากาศภายนอกด้วย ท่านใดที่ใช้หน้ากากชนิดผ้าแบบซักได้นั้น ขอให้คำนึงถึงความสะอาดกันด้วยนะจ้ะ ใช้น้ำยาซักผ้าที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและอ่อนโยนต่อผิวหน้า ตากหน้ากากชนิดผ้าให้แห้งสนิท ก่อนนำมาใช้ซ้ำ 3. ทำความสะอาดหน้าให้ครบขั้นตอน สาว ๆ หลายคนบ่นกันอุบอิบว่า ทำงานก็เหนื่อยแล้ว งั้นเข้าห้องน้ำล้างหน้า ใช้โฟมล้างหน้าขั้นตอนเดียวไปเลยละกัน ไม่ได้นะจ้ะ ไม่ได้เลย สาว ๆ อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางหรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า “คลีนซิ่ง” เพราะเครื่องสำอางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น แป้งผสมรองพื้น หรือครีมกันแดดที่เราทากันนั้น มีส่วนผสมที่จะทำให้รูขุมขนเราอุดตันได้ง่าย การล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอย่างเดียว จะทำให้เกิดสิวอุดตันในรูขุมขนได้ และเมื่อต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดวันด้วยแล้วการทำความสะอาดหน้าให้ครบขั้นตอนจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยล่ะค่ะ (ขอขอบคุณภาพจาก www.pixabay.com) 4. ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าหรืออุปกรณ์แต่งหน้าต่างๆ หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าแปรงแต่งหน้าหรือุปกรณ์แต่งหน้านั้นเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่างๆมากมาย ทั้ง เครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่ที่แปรง และฝุ่นผงต่างๆ โดยวิธีทำความสะอาดง่ายๆ คือการนำแปรงแต่งหน้าไปล้างในน้ำสบู่อ่อน ๆ โดยต้องระวังไม่ให้น้ำ โดนส่วนที่ต่อกันระหว่างตัวด้ามแปรงกับขนแปรงเพราะอาจจะทำให้กาวหลุดและขนแปรงจะหลุดออกมา และผึ่งแปรงไว้ให้แห้งก่อนจะนำมาใช้แต่งหน้าต่อค่ะ (ขอขอบคุณภาพจาก www.pixabay.com) 5. บำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้าของตัวเอง ในหลาย ๆ ครั้ง เรามักจะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าตามคำโฆษณาหรือคำเชิญชวน โดยที่ไม่รู้ว่าผิวหน้าของตัวเองนั้น เหมาะกับครีมประเภทใด เช่น ถ้าเป็นคนผิวหน้าแห้งควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเติมน้ำให้กับผิว หรือคนไหนที่มีผิวหน้ามัน ก็ควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือจะหลีกเลี่ยงการใช้ครีม ใช้เป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้าแทน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้านั้น จะทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง สุขภาพดี ไม่บอบบาง หากมีอะไรมารบกวนผิวหน้า เช่น หน้ากากอนามัย ก็จะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เกิดสิวได้ (ขอขอบคุณภาพจาก www.pixabay.comwww.pixabay.com) ถ้าทุกคนทำตามคำแนะนำทั้ง 5 ข้อแล้ว อาการสิวที่เกิดจากกากใส่หน้ากากอนามัยยังไม่ดีขึ้น ขอแนะนำวิธีสุดท้าย คือ หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่สาธารณชน หรืออยู่ให้น้อยที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นต้นตอของการเกิดสิวค่ะ อย่างไรก็ตาม ยอมให้สิวขึ้นดีกว่าติดเชื้อโคโรน่า จริงไหมคะ เราป้องกันการติดเชื้อด้วยวิธีง่ายๆ ดีกว่ามารักษาโรคทีหลังค่ะ ผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจจะมีสิวขึ้นบ้าง เจ็บหน้าบ้าง เจ็บหลังหูบ้าง ขอให้ทุกคนอดทนเพื่อสุขภาพของตนเอง ผู้เขียนเองส่งใจไปให้ผู้อ่านทุกคน แล้วเราจะก้าวผ่านภาวะวิกฤติช่วงนี้ไปด้วยกันค่ะ