ในช่วงสถานการณ์ที่มีโรคระบาด Covid-19 แบบนี้ อาจทำให้เราต้องห่างไกล จากการพบปะสังสรรค์กันไปบ้าง แม้อยากพบเจอ อยากทานอาหารอร่อยๆ ร่วมกัน ระบายทุกข์ แบ่งปัน สุขต่างๆ พอให้มีกำลังใจใช้ชีวิตต่อไปบ้าง แต่ฝันก็ต้องสลาย เพราะทุกอย่างปิด ปิด และปิด!! หลังจากอดทนมาร่วม 3 เดือน สาวExtrovert(คนที่ชอบการสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจ)อย่างดิฉันและผองเพื่อนก็เริ่มอับเฉา ประหนึ่งดอกไม้ในแจกันที่น้ำหล่อเลี้ยงเริ่มแห้งขอด ฉับพลัน!ก็มีน้ำหล่อเลี้ยงรดลงมาจากสวรรค์ มอบหนทางรอดให้พวกเราที่กำลังจะเฉาตาย โฆษณาลดราคาห้องพักในกรุงเทพ ถึง 80% เด้งขึ้นมาในFacebook ดิฉันจึงก็เกิดการ ปิ๊ง! ไอเดีย....จะเป็นอย่างไรนะ? ถ้าเราจะจองโรงแรมสักหนึ่งคืน เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้พวกเราชาวแกงค์ ได้มีโอกาสเจอกัน อย่างปลอดภัยและไม่ติดเคอร์ฟิว ไม่รอช้า ดิฉันรีบโทรไปนำเสนอแผนให้เพื่อนๆฟังทันที เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว สถานีต่อไป... จองห้องพัก!! สำหรับครั้งนี้ พวกเราเลือกเข้าพักที่โรงแรม Asoke Residence Sukhumvit by UHG ซึ่งจริงๆแล้วมีโรงแรมในเครือUHG อีกมากมาย ที่ตบเท้ากันมาออกโปรโมชั่นลดราคา ซึ่งจุดเด่นของโรงแรมในเครือนี้ คือเดินทางสะดวกสบาย ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า เช่น สยาม พร้อมพงษ์ อารีย์ และอโศก แต่พวกเราพร้อมใจกันเลือก Asoke Residence Sukhumvit by UHG เนื่องจากเดินทางสะดวกมาก เพราะสามารถเดินทางมาได้ทั้ง MRT สถานีเพชรบุรี BTS สถานีอโศก หรือจะเดินทางมาโดย Airport link สถานีมักกะสันก็ย่อมได้ และที่สำคัญโรงแรมอยู่ใกล้กับ มหาวิทยาลัยศรีนครรินทรวิโรฒ ถิ่นเก่าของชาวเรา ก็ถือว่าเป็นการ reunion รำลึกความหลังไปในตัว ซึ่งนอกจากนี้ ตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมก็แสนจะสะดวกสบาย หน้าปากซอยมีseven-elevenขนาดใหญ่ เดินย้อนขึ้นไปเล็กน้อยจะเจอตลาดรวมทรัพย์ และตึกMidtown Asok ซึ่งภายในตึกมีร้านอาหารมากมาย โดยทางเราขอแนะนำเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของตึก ติดกับร้านPizza ต้องบอกเลยว่าอร่อยและราคาย่อมเยา ข้าวหน้าเนื้อต่างๆราคาเพียงแค่ 59 บาทเท่านั้น แต่หากไปอุดหนุนในช่วงนี้ ต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้นนะค้า! นอกจากนี้ระหว่างทางก็จะมีร้านค้า เรียงรายตลอดทาง เรียกได้ว่า หมดกังวลเรื่องปากท้องได้เลยทีเดียว ซึ่งในส่วนของโรงแรมนั้นก็จัดได้ว่าสะอาด และสะดวกสบายมาก มี สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่นและ ห้องฟิตเนต รวมถึงดาดฟ้าสำหรับอาบแดดไว้คอยบริการด้วย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด และแดดอันร้อนแรงแผดเผาของประเทศไทยในเวลานี้ ดิฉันและผองเพื่อนจึงตรงดิ่งเข้าห้องพักหลังจาก เช็คอินในทันที เนื่องจาก เดอะแกงค์ของเรา มีจำนวน 4 คน ห้องที่เราเลือกพัก คือ Two-Bedroom Family Suite ซึ่งจะเป็นห้องชุด ที่ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน 2ห้องน้ำ (มีอ่างอาบน้ำ 1 ห้อง) ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และห้องครัวขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งตู้เย็น ไมโครเวฟ แม้แต่มีด และ จานชามก็มีตระเตรียมให้พร้อมสรรพ ในส่วนของห้องน้ำนั้น น้ำร้อนกำลังดี โชคดีที่เราพกพงออนเซ็นที่หิ้วจากญี่ปุ่นมาเผื่อไว้ จึงได้ แช่น้ำร้อนๆหอมๆ สุดแสนจะสบายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฟิน!อย่าบอกใคร โรงแรมมีของใช้ในห้องน้ำเตรียมไว้ให้ด้วย เช่น แปรงสีฟัน ยาสระผม หมวกคลุมอาบน้ำ สบู่เหลว และสบู่ล้างมือ เอาเป็นว่าพกมาแต่กระเป๋าเสื้อผ้า และใจเหงาๆก็เข้าพักได้เลยยยย สำหรับค่าเสียหายในการสังสรรค์ครั้งนี้ เราจองห้องพักผ่าน App Agoda โดยราคารวมภาษี จะตกอยู่ที่ 1,275บาท หารกันแล้วตกประมาณคนละ 300 บาท (ราคาในแต่ละAPP แต่ละวันจะต่างกัน) โดยเราเลือกแบบไม่รวมอาหารเช้า แต่หากจองผ่านโรงแรมโดยตรงจะตกประมาณ 2,100 บาท รวมอาหารเช้าแล้ว 4ท่าน ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก แต่เราเลือกแบบไม่มีอาหารเช้า เพราะอยากหาอะไรทานเอง ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะเมื่อออกมาเดินเล่นละแวกนั้น ในยามเช้า ก็พบร้านโจ๊ก ปาท่องโก๋ และสารพัดร้านกาแฟสดมากมาย ให้เราได้ซื้อกลับมาทานอย่างเอร็ดอร่อยในห้องพัก เพราะมีจานชามให้ใช้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าอิ่มสบายท้องแล้วยังสบายกระเป๋าอีกด้วย พักผ่อนกันได้อีกชั่วครู่ใหญ่ ก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าแยกย้าย โดยทางโรงแรมใจดี สามารถให้เช็คอินเลท ได้ถึง 13.00-14.00 น.เลยทีเดียว สำหรับดิฉันการพักผ่อนในครั้งนี้ ถือว่าประทับใจมาก เพราะในสถานการณ์ปกติเราอาจะไม่มีโอกาส เข้าพักโรงแรมในกรุงเทพ ในราคาที่ถูกแสนถูกแบบนี้ (ดิฉันแอบไปเช็คราคาเต็มมา อยู่ที่7,000บาท โอ้แม่เจ้า! เกินเอื้อมมากๆในสถานการณ์ปกติ) ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง ซึ่งก็จะได้บรรยากาศคนละแบบกับเวลาไปพักโรงแรมตามสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังเป็นการอุดหนุน ผู้ประกอบการให้พอมีรายได้ดำเนินธุรกิจต่อไปในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ และที่สำคัญยังสามารถพบปะสังสรรค์ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง เคอร์ฟิวอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเราต่างก็มั่นใจในสุขภาพของตัวเอง แต่ก็ยังคงปฏิบัติตามหลักการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยการใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนใครช้อนมัน และนั่งห่างกัน(แต่ไม่ห่างไกล) ซึ่งห้องพักนั้นกว้างขวางมาก เราสามารถแยกตัวไปอยู่ตามมุมห้อง ตามหลักการ Social distancing ได้อย่างไร้ปัญหา ในช่วงที่เราทุกคนต่างอ่อนล้า เหน็ดเหนื่อยกับปัญหา และความเหงาใจต่างๆ การได้มาพบ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึก และเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เผชิญกันมา กับผู้ที่เปรียบเสมือนSafe Zone อย่างเพื่อนสนิท ก็ทำให้พวกเราได้พอมีแรงใจ ที่จะแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด จนกว่าจะได้พบกันใหม่ ในสถานการณ์ปกติ ซึ่งดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน