มารู้จัก “สาคูต้น” กันเถอะ ร้านค้าออนไลน์หลายๆ ร้านในช่วงนี้กำลังโปรโมทผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งชื่อว่า “สาคูต้น” เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงเป็นอาหารหวานมีแหล่งที่มาจากภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมและอีกไม่นานคงได้ขึ้นทำเนียบสินค้าโอท็อป (จะกี่ดาวมารอดูกัน) ส่วนขนมสาคูที่เราเห็นอยู่ทั่วไปในท้องตลาดแปรรูปมาจากแป้งมันสำปะหลัง (บางคนบอกว่าเป็นสาคูปลอมไม่ได้ปลอมค่ะ แค่วัตถุดิบที่ผลิตแตกต่างกัน) เพราะราคาถูกกว่า หาง่าย สาคูต้นมีน้อย หายากจะมีเฉพาะภาคใต้เท่านั้น ส่วนรสชาดก็จะต่างกันสาคูจากต้นจะให้ความเหนียวนุ่มละมุนลิ้นมากกว่าสาคูจากแป้งมันสำปะหลัง สาคูเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ส่วนมากจะเติบโตรวมกันเป็นกลุ่มจึงเรียกว่า ป่าสาคู ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ที่ชุ่มชื่นริมน้ำ ผู้ผลิตจะเลือกตัดเฉพาะต้นที่มีอายุ 8 ปีขึ้นไปลักษณะอวบใหญ่อุดมสมบูรณ์ เมื่อตัดแล้วจะทำการปอกเปลือกเอาเฉพาะเนื้อด้านในที่เป็นสีขาวจากนั้นขูดเนื้อแป้งออกจนถึงขอบเปลือกไม้ และนำไปคั้นกับน้ำกรองเอากากออก พักไว้ให้แป้งตกตะกอนและเทน้ำออก พักทิ้งไว้อีก 1 คืนเพื่อให้น้ำระเหยออกจากแป้ง รุ่งขึ้นนำแป้งมาร่อนให้เป็นเม็ดๆ อาจจะต้องทำขั้นตอนนี้ 6-7 ครั้ง เพื่อจะแยกขนาดเม็ดที่ใกล้เคียงกัน จากนั้นนำไปตากแดดจนแห้งสนิท วิธีเช็คว่าเม็ดสาคูแห้งสนิทหรือยังให้บีบเม็ดสาคูจนแตก ถ้าแตกละเอียดไม่มีแป้งติดมือถือว่าแห้งใช้ได้แล้ว แต่ถ้ายังมีแป้งติดมือเราอยู่ก็ตากต่อไปอีก เม็ดสาคูต้นที่แห้งสนิทแล้วสามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเป็นปี เม็ดสาคูที่ดีจะมีสีน้ำตาลแกมชมพูและมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ วิธีการผลิตเม็ดสาคูจากต้นยังเป็นกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรเพราะยังถือว่าเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนและช่วยสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในกลุ่มอีกด้วย วิธีปรุงขนมหวานจากสาคูต้น 1. ตั้งน้ำจนเดือดเติมเม็ดสาคูตามปริมาณคนที่รับประทานกวนเม็ดสาคูไปทางเดียวกันจนสุก (เม็ดใส) เติมน้ำตาล ชิมรสตามชอบ สามารถเติมมะพร้าวอ่อนหรือเมล็ดข้าวโพด เนื้อขนุนฉีก ลูกเดือยตามชอบยกลงจากเตา 2. เวลารับประทานสามารถราดน้ำกะทิด้านบนเพิ่มความหอมมันอร่อย **สาคูต้น สามารถดัดแปลงแป้งจากเป็นเม็ดมาเป็นแป้งขนมครองแครงได้สวยงาม น่ารับประทานเช่นกัน** คุณประโยชน์ของสาคูต้น 100 กรัม (สาคูต้นมีน้ำตาลน้อยกว่าข้าว แต่ให้พลังงานสูง) โปรตีน 70 มิลลิกรัม ไขมัน 20 มิลลิกรัม คาโบร์ไฮเดรต 847 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.01 มิลลิกรัม แคลเซียม 11 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม เหล็ก 150 มิลลิกรัม ให้พลังงาน 353 มิลลิกรัม ขอขอบคุณข้อมูลโภชนาการจาก แลต๊ะแลใต้ https://www.facebook.com/watch/?v=2468718543396229 ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน