อื่นๆ

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา กับปริศนาอาถรรพ์

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา กับปริศนาอาถรรพ์

ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาที่มักจะเจอคือรายนามการสูญหายอันยาวเหยียดของเรือและเครื่องบินที่หายไป และมีหลายทฤษฎีที่สอดรับไปกับมัน เช่น สนามแม่เหล็ก นางเงือก ฟองมีเทนใต้น้ำขนาดยักษ์ ที่อยู่ของพวกต่างดาว วังวนแห่งเวลา แอตแลนติส คราเคน เป็นต้น เรื่องแปลกๆ ในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเกิดขึ้นมานานแล้ว หลายคนคิดว่าน่าจะตั้งแต่สมัยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจและนักเดินเรือชาวอิตาลี ผู้เคยเห็นแสงแปลกๆ บนท้องฟ้าที่ซานซัลวาดอร์ นับจากนั้นอีก 5 ศตวรรษ เรืออีกนับไม่ถ้วนได้หายไปในผืนมหาสมุทรขนาด 1,200,000 ตารางเมตรนี้ คาดกันว่ามีซากเรือ 3,000,000 ลำ กองอยู่ใต้มหาสมุทรและถูกค้นพบไม่ถึง 1% แน่นอนว่ามีเหตุผลที่จะอธิบายที่มาของซากเรือทั่วเบอร์มิวดา ตั้งแต่โขดหินที่คมกริบ การจราจรที่คับคั่ง หรือแม้เแต่พายุเฮอร์ริเคน แต่กระนั้นผู้คนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อและเน้นไปที่เรื่องอาถรรพ์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอันตรายมากกว่ามหาสมุทรอื่นๆ ของโลกจริงนะหรือ แซม เชอริแดน นักเขียนและนักผจญภัย ได้วิเคราะห์อาถรรพ์ที่โด่งดังที่สุดของโลกในเชิงนิติวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาความจริงสำหรับเรื่องราวปริศนาลึกลับหรือความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา โดยเขาได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เครื่องบินตก เรือล่ม และการหายไปของลูกเรือหรือที่เรียกว่าเรือผี ดังนี้

Advertisement

Advertisement

เบอร์มิวดาภาพจาก : Nutshell School/nutshellschool.com

ส่วนที่ 1 ปริศนาเครื่องบินตก  : การหายสาบสูญของเครื่องบินเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งที่โด่งดังและได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก และก่อให้เกิดปริศนาลึกลับที่สร้างจินตนาการชวนสะพรึง คือ การหายสาบสูญของฝูงบิน 19 ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ปี 1945 เครื่องบินกองทัพเรือ 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 14 นาย บินออกจากฟลอริดาเพื่อทำการฝึกซ้อมได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นหนึ่งในเครื่องบินกู้ภัยที่ออกไปค้นหาพวกเขาก็หายไปด้วย เรือและเครื่องบินกว่า 300 ลำ ออกค้นหาทางน้ำอยู่ 5 วัน แต่ไม่พบแม้แต่เศษซากใดๆ

เครื่องบินภาพจาก : history.navy

เทอร์รี่ รัช นักบินจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่าว่า "ฝูงบิน 19 เป็นเที่ยวบินฝึกซ้อม พวกเขาบินออกไปทิ้งระเบิดที่ซากเรือเอสเอส ซาโปนา นอกชายฝั่งบิมินิ และบินตรงไปทางตะวันตกประมาณ 96 - 112 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวไปทางทิศเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา มันเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้"  ซากเรือเดินสมุทรที่นอกชายฝั่งบิมินิ คือหลักฐานชิ้นสุดท้ายของฝูงบินที่สูญหาย คำพูดสุดท้ายของชายจากฝูงบิน 19 ถูกนำมาศึกษาและถ่ายทอด ทุกๆ ประโยค ทุกๆ คำพูด ถูกวิเคราะห์ในเชิงลึกในรายงานหลังปฏิบัติการของกองทัพเรือ

Advertisement

Advertisement

คอลลีน เคลเลอร์ สเตอร์ริง นักวิเคราะห์อาวุโสกลาโหมและอวกาศ เล่าว่า เธอได้ตรวจสอบรายงานจำนวน 500 หน้า ของกองทัพเรือที่มีการเผยแพร่ ตรวจสอบการสื่อสารทุกจุดเรดาร์ที่จับได้ แล้วเขียนลำดับเหตุการณ์การบินของฝูงบิน 19 เธอวิเคราะห์เส้นทางการบิน ช่วงเวลา และนำความเร็วลมกับทิศทางมาคำนวณ และพบว่าระหว่างการเลี้ยวพวกเขาอาจโดนลมพัดไปอีกทิศทางหนึ่ง "จากบทสนทนาทางวิทยุของฝูงบิน 19 พวกเขาพูดว่าเข็มทิศดูไม่ปกติ และเขาเริ่มสับสน จ่าฝูงคิดว่าพวกเขาต้องบินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเขาคิดว่าพวกเขาอยู่เหนือฟลอริดาคียส์ แต่ทีมสืบสวนได้รับการยืนยันจากเรดาห์ค้นหาที่มาจากเรือบรรทุกเครื่องบินโซโลมอน ระบุว่าเครื่องบินมุ่งลงใต้เหนือพื้นดิน"

กว่า 70 ปี ที่การหายไปครั้งนี้ได้สร้างจินตนาการมากมาย และคาดเดาว่าพวกเขาคงตกลงไปในทะเล แต่แบบจำลองจากการวิเคราะห์บอกว่ายังมีพื้นที่ค้นหาอื่น คอลลีน ได้ระบุจุดค้นหาใกล้เขตอนุรักษ์เต่าทางตอนกลางของฟลอริดา จากการค้นหาโดยไลดาห์ โดรน พบจุดน่าสงสัยและได้เจอกับซากเครื่องบินตก แต่ท้ายที่สุดแล้วการตรวจสอบเลขประจำเครื่องบินบอกว่ามันไม่ใช่เครื่องจากฝูงบิน 19 แต่ก็นั้นแหละยังคงมีการค้นหาซากฝูงบิน 19 เพื่อค้นหาความจริงต่อไป

Advertisement

Advertisement

ทฤษฎีของจอห์น ไมร์ นักค้นคว้าเรื่องฝูงบิน 19 คือ เมื่อถึงจุดหนึ่งเครื่องบิน 5 ลำ ต่างแยกย้ายหลังไปถึงฝั่งตะวันออกของฟลอริดา จอห์นคิดว่าจริงๆ แล้ว FT 81 ได้มาถึงพื้นดิน แผนผังที่เขาวาดระบุว่า FT 81 ตกในบริเวณหนึ่งของฟลอริดาเมื่อน้ำมันหมด

ส่วนที่ 2 ปริศนาเรือล่ม  : มีอุบัติเหตุนับไม่ถ้วนเป็นล้านๆ ครั้งในโลกมหาสมุทร นับตั้งแต่ชาวเรือกลุ่มแรกออกทะเลเมื่อราว 50,000 ปีก่อน ส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย ความผิดพลาดของมนุษย์ หรืออุปกรณ์/ชิ้นส่วนของเรือชำรุดเสียหาย แต่ยังไม่มีคำอธิบายการหายไปของเรือเอยูเอสเอส ไซคลอปส์ ในเดือนมีนาคม ปี 1918 สัญญาณสุดท้ายที่เรือส่งมาขณะอยู่ในน่านน้ำของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พวกเขาบอกว่าท้องฟ้าสดใสและอากาศดี แล้วจากนั้นเรือก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีการแจ้งเหตุร้าย ไม่พบร่องรอยของซากเรือ ชาย 309 คนสูญหาย

มีการพบซากเรือขนส่งที่ล่มในช่วงต้นยุค 90 ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุหลังเจอกับพายุเฮอริเคนแอนดรูว์ ที่บาฮามาส บิมินิ คอสท์ เรือขาดเป็นสองท่อน ซากครึ่งหลังของเรือจมอยู่ที่ก้นทะเล และซากเรือนี้อาจให้เบาะแสในการค้นหาความจริง

ทิม แจนส์ นักสมุทรศาสตร์กายภาพ มีทฤษฎีอิงวิทยาศาสตร์ที่อธิบายการหายไปอย่างฉับพลันได้  คือ คลื่นยักสุดสะพรึง กว่าหลายศตวรรษที่แวดวงวิทยาศาสตร์ระบุว่าแนวคิดเรื่องคลื่นยักเป็นแค่นิทานของพวกกะลาสีขี้เมาที่เกินจริงและเชื่อไม่ได้ แต่ช่วงกลางยุค 90 แท่นขุดเจาะน้ำมันดรอพเนอร์ก็ได้เจอกับคลื่นขนาดประมาณ 12 เมตร และจู่ๆ ก็เจอกับอสูรกายที่โผล่ขึ้นมาด้วยความสูงประมาณเกือบ 27 เมตร

เรือล่มภาพจาก : Myriams-Fotos/pixabay.com

ถ้าเรือสินค้าเจอพายุและคลื่นสูงประมาณ 30 เมตร กำลังโถมเข้าใส่ คลื่นยักอาจเพิ่มแรงดันบนเรืออย่างที่ไม่เคยปรากฎ และอาจมีคลื่นลูกใหญ่อยู่ตรงกลางเรือจนเรือลอยขึ้น ส่วนอีกด้านก็ไม่มีอะไรพยุงทำให้แรงกดไปอยู่ตรงกลางเรือ และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้เรือเหล็กยาวประมาณ 167 เมตร ขาดเป็นสองท่อน แต่เรือหายไปเพราะคลื่นยักหรือไหมคำถามนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป

ส่วนที่ 3 ปริศนาเรือผี  : มหาสมุทรเป็นสถานที่อันตราย แต่เหตุการณ์ที่รายล้อมไปด้วยปริศนาซึ่งยากจะหาสาเหตุและชวนสงสัยที่สุดคงไม่พ้นพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา และเหตุการณ์ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เรือผี จากการสำรวจทางชลศาสตร์ เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเริ่มในปี 1887 ของสหรัฐฯ พบว่ามีเรือผี 1,600 ลำ ลอยอยู่ในทะเลโดยไม่มีคนอยู่บนเรือ คำอธิบายของนักวิทยาศาสตร์ คือ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับภูมิภาคกึ่งเขตร้อน ที่ลมจะเคลื่อนที่ไปทางขั้วโลก หรือทางเส้นศูนย์สูตร ลมที่พัดผ่านเหล่านี้เป็นผลมาจากพื้นที่ที่มีแรงกดอากาศสูงซึ่งมีลักษณะเป็นลมสงบที่มีแดดและฝนน้อย หรืออาจไม่มีเลย เมื่อเรือเข้าสู่เขตลมสงบแล้วจะไม่สามารถไปต่อได้เนื่องจากขาดลม ช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 มีแต่เรือใบ ซึ่งพวกมันต้องใช้ลมในการเคลื่อนที่ เรือเลยจอดนิ่งเมื่ออยู่ในเขตลมสงบ ทำให้คนเรือมักขาดน้ำอยู่เสมอ  ความกดดันขั้นสุดทำให้สมองส่วนอะมิกดะลาซึ่งเป็นสมองส่วนของความกลัวควบคุมสมองส่วนหน้าที่มีเหตุผลมากกว่า มนุษย์จึงเริ่มทำสิ่งที่ไร้เหตุผล อาจทำบางอย่างในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง เช่น การออกไปจากเรือ นอกจากนี้ถ้ามนุษย์มีอาการขาดน้ำอาจจะเกิดอาการประสาทหลอน และนั่นยิ่งทำให้เกิดตำนานเกี่ยวกับนางเงือก อสูรกาย กระแสน้ำวน สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เพราะฉะนั้นเรือผีไม่ได้เกิดจากอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา รูปแบบของสภาพอากาศต่างหากที่ทำให้เรือจอดนิ่ง และสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด

เรือผีภาพจาก :Mysticsartdesign / pixabay.com

แม้จะมีคำอธิบายที่เป็นไปได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ของเหตุการณ์เหล่านี้ แต่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังคงสถานะของความอาถรรพ์ เรื่องลึกลับที่ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้อย่างแจ่มชัดเกี่ยวกับการหายสาบสูญของเรือเดินสมุทร และเครื่องบินในดินแดนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ

ข้อมูลจาก : natgeotv.com (Atlas of Cursed Places)

ภาพปกจาก : techexplorist.com


เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์