หากเราไม่ถนัดหรือไม่ชอบเสี่ยงทำธุรกิจ การลงทุนในตลาดหุ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้เราได้ แต่การเริ่มต้น ย่อมมีอุปสรรคเสมอ ดังนั้นหากเราได้เรียนรู้จากประสบการณ์จากคนอื่นๆ จะทำให้ไม่ลงทุนแบบผิดวิธี หรือเสียโอกาสและเวลามากเกินไปเมื่อเราได้ศึกษาตลาดหุ้นจากจุดที่ตลาดเจอวิกฤติ ไปจนถึงจุดที่สูงสุดขอบวงจรเศรษฐกิจแต่ละรอบนั้น สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ ได้แก่ ภาพจาก https://www.freepik.com/free-photo/man-enjoying-water-sports_858976.htm 1.ตลาดหุ้นไม่ได้เหมาะที่จะทำกำไรตลอดเวลาเราจะต้องรู้จักประเมินสถานการณ์ว่า เราควรลดพอร์ต หรือออกจากตลาดไปก่อน และบริหารความเสี่ยง ไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน หากอยู่ในสถานการณ์ที่ราคาหุ้น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ยิ่งสำหรับคนที่ฐานะการเงินไม่แข็งแรงพอ แล้วออกมาเทรดหุ้นแบบ Full time จะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากสภาพตลาดที่ไม่เป็นใจกินเวลานานกว่าที่คิดไว้ ภาพจาก https://www.freepik.com/free-photo/children-are-playing-jenga-wood-blocks-tower-game_3762448.htm 2.การลงทุนหุ้นเป็นเส้นทางที่ทำได้ง่ายกว่า การเก็งกำไร แม้คนที่ไม่เก่งก็สามารถประสบความสำเร็จได้หลายคนที่เข้ามาในตลาดหุ้น เพื่อคาดหวังส่วนต่างราคาในเวลารวดเร็ว มักจะพบการขาดทุนเสมอ เมื่อตลาดเข้าสู่ขาลงและมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ชนะตลาดจากการเก็งกำไรส่วนต่างราคาในเวลารวดเร็ว แต่หากเปลี่ยนเป็นการลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ที่ให้เงินปันผลสม่ำเสมอ โอกาสที่เราจะเจ๊งหมดตัวมีน้อยกว่าการเก็งไร ยกตัวอย่างกรณีเลวร้ายที่สุด ถ้าเราซื้อหุ้นปันผลช่วงเวลาจุดสูงสุดก่อนเกิดวิกฤติปี2540 ก็ยังมีหุ้นหลายตัว ที่18ปีต่อมา ราคาหุ้นกลับมาทำ New High ตามสภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นรอบใหม่ เช่นKBANK จาก 136 บาท ขึ้นมาเป็น 252 บาทSCC จาก 148 บาท ขึ้นมาเป็น 528 บาทADVANC จาก 51 บาท เป็น 311 บาทCPF จาก 10 บาท ขึ้นมาเป็น 41 บาทโดยในระยะเวลา 18 ปี ดังกล่าว เพียงเงินปันผลที่ได้รับ ก็ได้เงินทุนคืนมามากแล้ว นอกจากส่วนต่างราคาแล้ว ยังมีเงินปันผลที่เติบโตขึ้นได้อีกในปีต่อๆไป จากผลประกอบการที่ดีขึ้น เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ และอัตราเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ล้วนส่งผลให้รายได้ของธุรกิจเพิ่มขึ้น ภาพจาก https://www.freepik.com/free-photo/man-jumping-impossible-possible-cliff-sunset-background-business-concept-idea_1151017.htm 3.ในวิกฤติมีโอกาสเสมอหากใครได้ศึกษาตลาดหุ้นช่วง ปี 2008 วิกฤติซับไพร์ม จะมีหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกหลายตัว และเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ตลาดหุ้นก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพราะ ทุกคนยังคงต้องใช้สินค้าและบริการต่อไป ดังนั้นการเลือกลงทุนหุ้นที่มีสินค้าคุณภาพดี และเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าหากวันข้างหน้าตลาดหุ้นกลับมาเจอวิกฤติอีกครั้ง สิ่งที่เราควรถามตนเอง คือ เราจะเก็งกำไรรอบสั้น หรือแบ่งเงินมาลงทุนดีกว่ากัน โปรดอย่าลืมว่า ไม่ว่าเราจะลงทุนหุ้นถือยาวหลายปีหรือไม่ หุ้นพื้นฐานดี ก็สามารถทำ New high และมีเงินปันผลที่เติบโตได้เสมอ แต่ถ้าเรานำเงินทั้งหมดมาเก็งกำไร หากผิดพลาด เราอาจไม่ได้กำไรเลยจากตลาดกระทิงรอบใหญ่รอบนั้น และเวลาที่สูญเสียไปไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดได้