#วิธีการคิดบวก #Positive Thinking #Gratitudeคืออะไร #จิตวิทยา #พัฒนาตัวเอง คำว่า Gratitude แปลว่า ความกตัญญู หรือความสำนึกรู้คุณ ส่วนคำว่า Journal แปลว่า วารสาร หรือการบันทึก เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงสามารถแปลเป็นคำที่สละสลวยได้ว่า “การบันทึกความรู้สึกขอบคุณ” ซึ่งมีตั้งแต่การรู้สึกขอบคุณผู้คนอย่างบุคคลในครอบครัว ต่อเพื่อน ต่อครูบาอาจารย์ หรือเพื่อนร่วมงาน จนถึงการขอบคุณต่อสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างสิ่งของต่างๆ ซึ่งการเขียน Gratitude Journal นี้เองจะช่วยปรับให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น และเกิดการให้ความหมายหรือแง่มุมใหม่ๆต่อคน สัตว์ สิ่งของ และเหตุการณ์นั้นๆ ได้ดียิ่งขึ้น และเราจะไม่จมปลักกับความทุกข์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจนเกิดเป็นโรคซึมเศร้าตามมาภายหลัง การเขียน Gratitude Journal มีขั้นตอนการเขียนอย่างไร?หลายๆคนอาจสงสัย วันนี้เรามาไขความสงสัยให้กระจ่างกัน ซึ่งวิธีนี้เกิดจากประสบการณ์ที่นำมาปรับใช้กับตัวผู้เขียนเอง เริ่มที่ข้อแรกกันเลย1. หาสมุดสักเล่มหาสมุดสักเล่มที่คุณชื่นชอบ ควรเลือกลายที่สวยงามตรงใจและกระตุ้นให้คุณอยากเขียน หรือสมุดแบบใดก็ได้ที่คุณสามารถนำมาเขียนรวบรวมความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ได้2. หาปากกาหรือดินสอดีๆสักแท่งหาปากกาหรือดินสอดีๆ สักแท่งมาช่วยให้คุณเขียนความรู้สึกบนกระดาษได้อย่างลื่นไหลและสะดวก3. วางกรอบแนวคิดการเขียนควรวางกรอบแนวคิดในการเขียน ยกตัวอย่าง กระดาษหนึ่งหน้าของเรา ในกระดาษหนึ่งหน้าเราอยากจะขอบคุณผู้คน และสิ่งต่างๆ ทั้งหมด 10 ข้อด้วยกัน โดยจะกำหนดให้ข้อ 1- 3 ขอบคุณคนในครอบครัว ข้อ 4-5 ขอบคุณเพื่อนๆ ข้อ 6-7 ขอบคุณเพื่อนร่วมงาน ข้อ 8-9 ขอบคุณสิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น และข้อสุดท้ายข้อที่ 10 ผู้เขียนจะเขียนขอบคุณตัวเอง ซึ่งทุกข้อจะบอกเหตุผลประกอบหมดว่าขอบคุณพวกเขาเหล่านี้ทำไม หรือหากใครจะไม่เขียนขอบคุณตามแบบที่ผู้เขียนทำ อาจจะทำตามรูปแบบด้านล่างนี้ได้ ในที่นี้ ยกตัวอย่างมา 2 รูปแบบด้วยกัน4. สร้างวินัยในการเขียน ขอบอกก่อนเลยว่าตัวผู้เขียนไม่ได้เขียนทุกวัน แต่กำลังพยายามทำให้ได้ทุกวัน เพราะยิ่งเราเขียนถึงเรื่องดีๆ ของคนอื่น หรือสิ่งต่างๆ ในชีวิตของเรามากเท่าไหร่ เราจะยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น เราเคยลองเขียนทุกวันติดๆกันแล้ว มันดีขึ้นมากจริงๆ ความจริงแล้วอยากเขียนให้ได้ทุกวัน แต่ชอบลืมตลอดเลย แฮะๆ ฉะนั้น แนะนำให้เขียนให้ได้ทุกวันค่ะสุดท้ายนี้การสร้าง Gratitude เชื่อมโยงกับกฎแรงดึงดูดอันเลื่องลือหลายคนอาจจะเคยรู้จักหรือได้ยินเรื่องกฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction มาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าการเริ่มต้นทำให้ตัวเอง ‘รู้สึกดี’ นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างกฎแรงดึงดูดให้ตัวเอง และเมื่อเรารู้สึกดีกับตัวเองและผู้อื่นแล้ว เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เพราะฉะนั้นใครสนใจวิธีการสร้างพลังงานคิดบวกให้ตัวเองโดยการเขียน Gratitude แนะนำให้ทำเลยค่ะ หาสมุดสวยๆ ไม่ได้ ก็ใช้กระดาษ หรือสมุดสักเล่มแบบไหนมาเขียนก็ได้ หรืออยากศึกษากฎแรงดึงดูดให้มากขึ้น ก็แนะนำหนังสือเรื่อง ‘เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนต์อยู่ในใจ’ สำหรับคนที่รู้สึกดีกับตัวเองในสภาวะปกติ หรือเต็มร้อยอยู่แล้ว ขณะเดียวกันแนะนำหนังสือเรื่อง ‘ด้านมืดของผู้ตามหาแสงสว่าง’ สำหรับคนที่รู้สึกทุกข์ใจอยู่ตอนนี้แล้วอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น โดยให้อ่านด้านมืดของผู้ตามหาแสงสว่างก่อน แล้วค่อยอ่านเราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนต์อยู่ในใจ รับรองว่าคุณจะสามารถใช้กฎแห่งแรงดึงดูด ดึงดูดแต่สิ่งดีๆ และสิ่งที่คุณปรารถนาเข้ามาในชีวิตได้อย่างแน่นอนขอบคุณภาพจากภาพปกภาพที่1.1/ภาพที่1.2/ภาพที่1.3/ภาพที่1.4/ภาพที่1.5ภาพที่2.1/ภาพที่2.2/ภาพที่2.3/ภาพที่ 2.4/ภาพที่ 2.5/ภาพที่ 2.6/ภาพที่ 2.7ภาพที่3.1/ภาพที่3.2/ภาพที่3.3/ภาพที่3.4/ภาพที่ 3.5 /ภาพที่ 3.5ภาพที่4.1/ภาพที่4.2/ภาพที่ 4.3/ภาพที่ 4.4