ผ่านไปแล้วกับสัปดาห์ที่ 16 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนพักลีกและเริ่มการแข่งฟุตบอลโลก 2022 เป็นสัปดาห์ที่มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นมากมายเลยครับ ฟอร์มของ Big 6 แต่ละทีมเป็นอย่างไร ตอนนี้อยู่ตรงไหนกันของตารางคะแนน ใครน่าเป็นห่วงขนาดไหน เรามาดูกันเลยครับ1. อาร์เซนอลทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลต้องเรียกว่าจากตอนแรกหนาวๆอุ่นๆยังสลัดแมนซิตี้ไม่ค่อยหลุด แต่ในตอนนี้พวกเขาทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ 5 คะแนนแล้ว ก็เรียกได้ว่าหนาวเต็มตัวจ่าฝูงยาวๆไปถึงปลายเดือนธันวากันเลยทีเดียว โดยหลังจากในนัดล่าสุดที่พวกเขาบุกไปถล่มรังหมาป่า วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปได้ด้วยสกอร์ 0-2 โดยในแมตช์นี้ครึ่งแรกทั้งสองฝั่งยังทำอะไรกันไม่ได้ต้องรอถึงครึ่งหล้ง ประตูแรกมาจากการที่ ฟาบิโอ วิเอร่า รับบอลทะลุช่องมาจากเชซุสแล้วเลี้ยงออกข้างมาเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่านบอลปาดหน้าผู้รักษาประตูเข้าไปและ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ไม่พลาดซ้ำจ่อๆเข้าไป อาร์เซนอลขึ้นนำ 0-1 ในนาทีที่ 54 ประตูต่อมาในนาทีที่ 75 โอเลกซานเดอร์ ซินเชนโก้ เปิดบอลเรียดเข้ามาจากทางซ้ายติดบล๊อกของผู้เล่นวูล์ฟ บอลกระฉอกออกมาเข้าทาง กาเบรียล มาติเนลลี่ ยิงซ้ำเข้าไป แต่ก็ยังติดเซฟ บอลกระฉอกมาเข้าทางของ มาร์ติน โอเดการ์ด หวดเน้นๆบอลพุ่งเสียบตาข่าย อาร์เซนอลขึ้นนำห่าง 0-2 และจบเกมไปด้วยสกอร์นี้ อาร์เซนอลเก็บสามแต้มกลับบ้านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เหนือกว่าทั้งการสร้างโอกาสและการครองบอล ประจวบเหมาะกับที่ทางด้านของแมนซิตี้ก็พลาดท่าแพ้ในสัปดาห์นี้ ถือว่าเป็นการปิดเลกแรกที่ดีของอาร์เซนอล ผู้เล่นที่ติดทีมชาติพร้อมที่จะแบกความมั่นใจไปบอลโลก ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ไม่ได้ไปบอลโลกก็จะได้พักรักษาตัวตั้งรับการมาถึงของบ๊อกซิ่งเดย์ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ตัวสำรองของอาร์เซนอลยังดูขาดๆเกินๆอยู่บ้าง ถ้าพวกเขาพลาดแพ้แมนซิตี้ไปกลับก็โบกมือลาแชมป์ลีกได้เลย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่อาร์เตต้าต้องรีบจัดการให้ได้ในช่วงตลาดหน้าหนาว ปัจจุบัน อาร์เซนอล แข่งไป 14 นัด มี 37 คะแนน อยู่อันดับที่ 1 สำหรับการมาอยู่ในจุดนี้ของอาร์เซนอลก็ถือว่าดีเหมาะสมกับความพยายามของพวกเขา และเรียกได้ว่าดีเกินความคาดหมายของแฟนบอลไปเยอะ พวกเขามีทีมเวิร์คที่ดี เชื่อฟังโค้ช ตั้งใจเล่น เป็นทีมพลังหนุ่มที่พลังงานสูงพร้อมบุกขยี้อีกฝ่ายได้ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันโค้ชอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ก็มีประสบการณ์ที่มากขึ้น พร้อมพาทีมลุ้นแชมป์ได้เต็มตัว คุณภาพทีมอาจจะยังไม่เท่าแมนซิตี้แต่ก็ดีพอที่จะลุ้นแชมป์ ในโลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมเรือใบสีฟ้าแมนซิตี้ดันมาพลาดท่าแพ้ในช่วงที่ไม่ควรมากที่สุด และยังเป็นการพลาดให้กับทีมเล็กอย่างทีมเบรนท์ฟอร์ดคาบ้านของตัวเอง โดยในนัดนี้แมนซิตี้ได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กลับมาสบทบอีกครั้ง ไลน์อัพจัดเต็ม แต่รอไม่นานในนาทีที่ 16 เบรนท์ฟอร์ดก็ทำงามไส้จากจังหวะฟรีคิกระยะไกลโยนยาวมาถึงเขตโทษของซิตี้ผู้เล่นเบรนท์ฟอร์ดโหม่งชงให้กับ อิวาน โทนี่ โหม่งต่อบอลย้อยข้ามมือของเอแดซอนเข้าประตูไป เบรนท์ฟอร์ดขึ้นนำเจ้าบ้าน 0-1 แต่แมนซิตี้ก็ไม่ยอมแพ้บุกกดเบรนท์ฟอร์ดอย่างไม่หยุดยั้ง จนมาถึงนาทีที่ 45+1 เควิน เดอบอยน์ เปิดลูกเตะมุมพุ่งมา อาคานจี วิ่งเข้าไปตวัดเปลี่ยนทางบอล ฟิล โฟเด้น ได้โอกาสที่บอลมาเข้าทาง หวดวอลเล่เน้นๆ บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม แมนซิตี้ตีเสมอได้ 1-1 ก่อนจบครึ่งแรกแบบฉิวเฉียด พอเริ่มครึ่งหลังได้แมนซิตี้ก็ครองบอลบุกใส่ไม่ยั้ง ลากยาวไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษที่ต้องต่อมากถึง 10 นาที จนในนาทีที่ 90+8 เรียกได้ว่าเป็นนาทีบาปอย่างแท้จริง เบรนท์ฟอร์ดได้จังหวะสวนกลับใส่แมนซิที่พับสนามบุก และก็เป็น อิวาน โทนี่ เจ้าเก่าเจ้าเดิมวิ่งเข้าฮอร์ตเน้นๆ เบรนท์ฟอร์ดขึ้นนำแมนซิตี้อีกครั้ง 1-2 และก็จบเกมไปได้ด้วยสกอร์นี้ เป็นการแพ้แล้วปิดช่วงไปเลย นั่นอาจทำให้เป๊ปติวนักเตะเพื่อแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่นัก เพราะนักเตะคงโฟกัสกับบอลโลกกันแล้ว กว่าจะได้ติวเข้มกันก็คงต้องรอให้นักเตะเหล่านั้นตกรอบบอลโลกซะก่อน แต่คิดว่าแค่ 5 แต้ม แมนซิตี้น่าจะยังมีลุ้นแชมป์ได้อยู่ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่งไป 14 นัด มี 32 คะแนน อยู่อันดับที่ 2 สำคัญการอยู่ในอันดับ 2 ของแมนซิตี้แบบนี้ก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร แมนซิตี้เป็นทีมที่มีคุณภาพ การที่พวกเขาไม่ได้เป็นจ่าฝูงในช่วงต้นฤดูกาลเป็นสิ่งที่เราเห็นกันได้เป็นปกติอยู่แล้ว และเมื่อผ่านช่วงปีใหม่ไปพวกเขาก็จะขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้ซะเกือบทุกครั้งไป คิดว่าปีนี้แมนซิตี้ถ้าเน้นดีๆก็คงกลับมาจ่าฝูงได้ไม่ยาก แต่ด้วยความที่แมนซิตี้อาจจะอยากเน้นถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในปีนี้ ซึ่งเป็นเพียงถ้วยเดียวที่พวกเขาไม่เคยได้ นี่อาจจะมาเบี่ยงเบนความจริงจังในลีกของพวกเขาออกไปและอาจจะทำให้พวกเขาไม่ได้แชมป์ลีกในปีนี้ แต่ถ้าเราดูตามสถิติปีก่อนๆก็ยังเห็นได้ชัดว่าแมนซิตี้ยังคงเป็นเต็ง 1 ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก 3. ท็อตแนมฮ็อตสเปอร์สำหรับแมตช์ล่าสุดต้องเรียกว่าเป็นแมตช์คัมแบคสุดเดือดของสเปอร์เลยก็ว่าได้ พวกเขาตั้งรับการมาเยือนของลีดส์ยูไนเต็ด ประตูแรกมาจาก ซัมเมอร์วิล ของลีดส์วิ่งฉีกหนีแนวรับแล้วซัดเข้ามุมแคบในนาที่ที่ 10 ลีดส์ขึ้นนำ 0-1 ต่อมาในนาทีที่ 25 แฮรี่ เคน กองหน้าตัวเก่งของทัพไก่ เกี่ยวบอลจากจังหวะเตะมุมแล้วหวดเน้นๆเข้าไป สเปอร์ตีเสมอ 1-1 ต่อมาไม่นานนักในนาทีที่ 43 โรดริโก้ เก็บบอลโหม่งชงจากเพื่อนได้และหวดเข้าไปเน้นๆ ลีดส์ขึ้นนำ 1-2 จากนั้นเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน สเปอร์ได้ลูกทุ่ม คูรูเซฟสกี้รับบอลแล้วลากเข้าไปเปิดยัดเข้าไป เคนยิงติดเซฟ บอลเด้งออกมา เบน เดวิส ยิงแบบไม่จับ สเปอร์ตีเสมอ 2-2 ต่อมาในนาทีที่ 76 ลีดส์ได้จังหวะสวนกลับ โรดริโก้แปบอลหนีมือโกลไปเข้าที่เสาสอง ลีดส์ขึ้นนำ 2-3 แต่ไม่นานจากนั้น นาทีที่ 81 เบนทันกูเก็บบอลจากการโหม่งสกัดของลีดส์ได้แล้ววอลเล่เข้าไป สเปอร์ตีเสมอ 3-3 และต่อมาไม่นานนัก นาทีที่ 83 คูลูเซฟสกี้ลากบอลเข้าไปจากด้านขวาเลี้ยงจี้ให้ผู้รักษาประตูหลุดตำแหน่งแล้วส่งบอลให้ เบนทันกู ซัดเน้น สเปอร์ขึ้นนำ 4-3 และจบลงด้วยสกอร์นี้ ต้องเคารพหัวจิตหัวใจของทัพไก่จริงๆ จะโดนนำกี่ครั้งพวกเขาก็กลับมาได้ แต่การเสีย 3 ประตูให้ลีดส์ แสดงให้เห็นว่า คอนเต้ ต้องหาทางแก้เรื่องเกมรับของสเปอร์ให้ได้ปัจจุบัน ท็อตแนมฮ็อตสเปอร์ แข่งไป 15 นัด มี 29 คะแนน อยู่อันดับที่ 4 การลุ้นทอป 4 ถือเป็นเรื่องปกติของทัพไก่เดือยทอง การมาอยู่อันดับนี้ในช่วงนี้ของพวกเขาถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก พวกเขาเป็นขาประจำในทอป 4 อยู่แล้ว ถึงแม้จะมีนิวคาสเซิลขึ้นมาเบียดอยู่ในอันดับที่ 3 ทำให้ลุ้นทอป 4 ยากขึ้น แต่การที่จะประคองตัวให้ติดทอป 4 ไปได้เรื่อยๆก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกินคาดมากนัก สเปอร์ในมือของ อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่น่าที่จะทำตัวเองให้หลุดมาตรฐานได้ แต่นี่ก็นานเกินไปแล้วสำหรับการล้างแชมป์สเปอร์ควรที่จะเน้นมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นถ้วยไหน เพื่อให้มีถ้วยรางวัลสักถ้วยให้แฟนๆได้ดีใจบ้าง4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสัปดาห์นี้พวกเขาต้องออกไปเยือนฟูแล่ม เริ่มเกมมาไม่นาน ในนาทีที่ 14 บรูโน่ แฟนันเดส ผ่านบอลให้ คริสเตียน อิริกเซ่น เข้าฮอร์ตทำประตูได้ แมนยูออกนำก่อน 0-1 ถึงจะนำก่อนแต่แมนยูก็มีรูปเกมที่ดูน่าเบื่อจนกระทั่งต้องรอถึงนาทีที่ 62 แคนี่ เปิดบอลเรียดเข้าไปในเขตโทษแมนยูให้แดเนียล เจมส์ ได้เข้าฮอร์ต ฟูแล่มตีเสมอได้ 1-1 แมนยูเริ่มตาสว่างขึ้นอีกครั้งจนต้องส่งกานาโช่ลงมาช่วยเกมรุก และก็ได้ผลในนาทีที่ 90+3 กานาโช่ วิ่งทะลุช่องแล้วยิงเล่นทางบอลเข้าเสาสอง แมนยูขึ้น 1-2 และจบเกม ถือเป็นการยิงในนาทีบาปที่น่าจดจำอีกหนึ่งครั้ง ชนะได้ก็ดีอยู่แต่ในเรื่องของรูปเกมยังคงต้องให้เวลากับเทนฮากปรับปรุงสิ่งนี้ต่อไป นอกจากแมตช์นี้แล้วยังมีเรื่องการสัมภาษณ์ของโรนัลโด้กับเดอะซันที่แมนยูยังต้องจัดการอยู่ ทั้งการจัดการกับโรนัลโด้ และต้องปรับแก้ไขสโมสรให้ดีขึ้นตามที่โรนัลโด้ได้บอกชี้ปัญหาของสโมสรเอาไว้ในการสัมภาษณ์ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข่งไป 14 นัด มี 26 คะแนน อยู่อันดับที่ 5 ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรสำหรับอันดับนี้เมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน แต่เมื่อเราพูดถึงการเสริมตัวของพวกเขาในตลาดนักเตะรอบล่าสุดแล้ว พวกเขาเสริมผู้เล่นอายุน้อยที่กำลังมีกระแสร้อนแรงและผู้เล่นบิ๊กเนมเข้ามาด้วยราคาสูงทั้ง แอนโทนี่ ลิซานโดร มาติเนส คาเซมิโร่ นี่อาจจะยังอยู่ในจุดที่ไม่ดีเพียงพอเมื่อเทียบกับมูลค่าในตลาด ถ้าจะบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ ก็ควรที่จะเข้าใกล้การลุ้นแชมป์มากกว่านี้5. ลิเวอร์พูลทัพหงส์แดงเริ่มแก้อาการเมาหมัดได้แล้ว พวกเขาเก็บชัยในบ้านได้ จากการเอาชนะเซาต์เทมป์ตัน 3-1 โดยประตูแรกจากลูกโหม่งสุดสวยของ โรแบโต้ ฟิมิโน่ ในนาทีที่ 6 พวกเขาขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานนัก เซาต์แทมป์ตันก็เอาคืนได้เป็น 1-1 จากลูกโหม่งของ เช อดัม ในนาทีที่ 9 ต่อมานาทีที่ 21 เอลเลียตเปิดบอลให้นูนเยสยิงอย่างสวยงาม ตามด้วยยิงเบิ้ลในนาทีที่ 42 จากการเข้าฮอร์ตสุดเพอร์เฟก จบเกม ลิเวอร์พูล 3-1 เซาต์แทมป์ตัน นูนเยสยิ้มแป้นพกความมั่นใจลุยบอลโลกได้อย่างเต็มเปี่ยม ส่วนมิลเลอร์เล่นครบ 600 นัดในพรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อย ขอแค่ลิเวอร์พูลเคลียเรื่องอาการบาดเจ็บได้ พวกเขาก็กลับมาเป็นทีมที่โคตรคลาสได้ไม่ยาก ตลาดหน้าหนาวนี้ควรได้กองกลางมาสนับสนุนอีกสักตัวจะดีมากปัจจุบัน ลิเวอร์พูล แข่งไป 14 นัด มี 22 คะแนน อยู่อันดับที่ 6 การอยู่ในอันดับที่ 6 อาจจะดูผิดคาดไปสักนิดสำหรับทีมที่ลุ้นแชมป์มาตลอดหลายปี ตอนเปิดฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลอาจจะเจอมรสุมชีวิตหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของ ซาดิโอ มาเน่ การปรับสไตล์การเล่นใหม่เมื่อไม่มีมาเน่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และการที่ ดาวิน นูนเยส ได้ใบแดงโดนแบน 3 นัด ไหนจะตัวผู้เล่นชุดหลักบาดเจ็บกันค่อนทีม ทำให้ฟอร์มเปิดตัวทำได้ไม่ดีนัก อาจจะมีคืนฟอร์มโรบินฮู้ดเก็บแต้มทีมใหญ่แจกทีมเล็กไปบ้าง แต่คิดว่าหลังจากพักบอลโลก ลิเวอร์พูลจะต้องกลับมาดีกว่านี้ได้อย่างแน่นอน เจเก้น คล๊อป เป็นกุนซือระดับโลก เป็นที่รักของแฟนบอลลิเวอร์พูล และเป็นคนที่นักเตะลิเวอร์พูลทุกคนเคารพรัก เขาจะพาทัพหงส์แดงกลับขึ้นมาลุ้นพื้นที่ทอป 4 ได้อย่างแน่นอน6. เชลซีตอนนี้เรียกได้ว่าเมาหมัดซ้ำซาก ไม่ชนะ 5 เกมติดต่อกัน และเป็นการแพ้ใน 3 นัดล่าสุด โดยในนัดล่าสุดพวกเขาแพ้นิวคาสเซิลไปด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกยิงของ โจ วิลลอค ในนาทีที่ 67 วิลลอคในตอนนี้โชว์ฟอร์มได้ดีมาก จนงงว่ากัลลาเกอร์ของเชลซีมันติดชาติได้ไง ทำไมเซาต์เกตไม่เรียกวิลลอคไปแทน มีเรื่องให้พอตเตอร์ต้องปรับแก้อีกเยอะ โดยเฉพาะการเซ็ตเกมรุกที่ไร้มิติ มีโอกาสยิงน้อยครั้ง ในนัดล่าสุดพวกเขามีโอกาสยิงเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น รูปแบบการเล่นก็ดูไม่ชัดเจน เป็นบอลไม่มีทรงปัจจุบัน เชลซี แข่งไป 14 นัด มี 21 คะแนน อยู่อันดับที่ 8 ผิดคาดสุดๆแล้วสำหรับเชลซี จากทีมที่มีลุ้นแชมป์มากมายและยังเป็นจ่าฝูงในยาวนานในช่วงต้นฤดูกาลก่อน ตอนนี้ดันไปอยู่กลางตารางคะแนน ทีมลุ้นแชมป์แบบเชลซีไม่ควรต้องมาอยู่ในจุดนี้ สาเหตุก็ไม่ต้องสืบกันให้มากความ เริ่มจากการที่ โรมัน อับบราโมวิส โดนรัฐบาลอังกฤษแบน จนต้องปล่อยทีมให้กับ ท๊อด โบลี่ มหาเศรษฐีจากอเมริกา และเมื่อเชลซีได้เจ้าของใหม่แนวทางของสโมสรหลายๆอย่างก็ถูกปรับเปลี่ยน โบลี่ไล่บุคลากรในฝ่ายบริหารชุดเก่าออกทั้งหมด และยังไล่โค้ชระดับโลกอย่าง โทมัส ทูเคิล ออกไป ตามด้วยการจ้างงาน แกรมห์ พอตเตอร์ โค้ชของทีมกลางตารางอย่างไบร์ทตันเข้ามารับงานแทน ในขณะเดียวกันกับที่ผู้เล่นตัวหลักในแดนกลางอย่าง เอนโกโล่ กองเต้ และแบคตัวหลักอย่าง เบน ชิลเวล และ รีส เจมส์ มีอาการบาดเจ็บ พอตเตอร์ต้องใช้นักเตะที่ตัวเองไม่ได้เสริมเข้ามา และปัญหาในการเล่นมากมายก็ได้เกิดขึ้น ต้องมาลุ้นกันว่าหลังพอตเตอร์ได้เสริมผู้เล่นที่ต้องการแล้ว ทีมจะดีขึ้นหรือไม่ หากใครอยากอ่านเกี่ยวกับปัญหาของเชลซีเพิ่มเติม ก็กดเข้าไปอ่านกันได้เลยที่บทความเก่าก่อนหน้านี้ครับ LONDON IS RED 4 เรื่องที่ต้องพูดหลังแมตช์ เชลซี พบ อาร์เซน่อลบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมคนเดียวชี้วัดอะไรทั้งหมดไม่ได้ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ ผู้อ่านทุกท่านสามารถคอมเม้นต์ติชมกันได้อย่างอิสระครับ สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณครับ เครดิตภาพ ภาพปก โดย : Arsenal / Arsenal / Manchester City ภาพที่ 1 โดย : Premier Leagueภาพที่ 2 โดย : Premier Leagueภาพที่ 3 โดย : Premier Leagueภาพที่ 4 โดย : Premier Leagueภาพที่ 5 โดย : Premier Leagueภาพที่ 6 โดย : Premier Leagueภาพที่ 7 โดย : Premier Leagueอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'