"หงส์แดง" ลิเวอร์พูลกับความท้าทายที่รออยู่ในฤดูกาลหน้า ในช่วงสามฤดูกาลหลังสุดไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลทีมไหนก็ตาม เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่น่าจะมีความเห็นตรงกันก็คือ ทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลเป็นเบอร์หนึ่งหรือสองของเกาะอังกฤษในช่วงสามปีหลังมานี้ ที่แย่งความสำเร็จกับทีมเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซีตี้ ย้อนไปสามฤดูกาลก่อนแม้จะพลาดแชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรปให้กับเรอัล มาดริด ในนัดชิง แต่พวกเขาก็ไม่สูญเสียความมั่นใจสร้างผลงานต่อเนื่อง จนคว้าถ้วยใหญ่ฟุตบอลยุโรปได้ในฤดูกาลที่แล้ว ทั้งยังจบที่สองในลีกห่างจากแชมป์อย่างแมน ซิตี้ เพียง 1 คะแนนเท่านั้น แล้วทีมหงส์แดงก็ทำเช่นเดียวกับฤดูกาลก่อนหน้า คือลงสนามด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์ จนในขณะนี้เพิ่งพบกับความปราชัยไปเพียงนัดเดียวและเก็บได้ถึง 82 แต้มจาก 29 นัด พวกเขาขอชัยชนะอีกเพียงแค่ 2 นัดก็จะเข้าป้ายแชมป์อย่างเป็นทางการ เมื่อทำแต้มห่างอันดับสองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 25 คะแนน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้แข่งน้อยกว่า 1 นัด) ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 9 นัดเท่านั้น สิ่งเดียวที่ขวางทางให้พวกเขายังไม่เป็นแชมป์ในตอนนี้ก็คือ เจ้าโรคระบาด โควิด 19 (COVID-19) ที่สะเทือนไปทุกวงการจนต้องหยุดการแข่งขันชั่วคราว แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียเชื่อว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปีของทีมหงส์แดงคงไม่หลุดลอยไปไหนแน่นอน (ถ้าให้โมฆะก็จะใจร้ายเกินไปล่ะมั้ง ฮ่าฮ่า) ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจาก : https://sport.trueid.net/detail/0vW2zD03Rk89 ในบทความนี้ผมเลยอยากจะขอเอ่ยถึงสิ่งที่ลิเวอร์พูลจะต้องเผชิญในฤดูกาล 2020-2021 ฤดูกาลหลังจากที่พวกเขาผ่านการคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จแล้ว สาเหตุที่ผมเลือกหยิบประเด็นนี้มาพูดคุยก็เพราะ จะสังเกตได้ว่าสองฤดูการล่าสุดที่พวกเขาคว้าแชมป์สโมสรยุโรปและพรีเมียร์ลีกนั้น สิ่งที่เหมือนกันในฤดูกาลก่อนหน้าก็คือ พวกเขาลงเอยด้วยการเป็นรองแชมป์เท่านั้น ซึ่งมันได้กลายเป็นแรงกระตุ้นในฤดูกาลถัดมาจนพวกเขาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แต่หลังจากนี้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวพวกเขาจะเปลี่ยนไป เมื่อลงสนามในฐานะแชมป์เก่าเหมือนในฤดูกาล 2019-2020 นี้ที่ลิเวอร์พูลถูกทีมตราหมีแอตเลติโก มาดริด เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยุโรป เมื่อการเป็นแชมป์ว่ายากแล้วแต่การป้องกันแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแล้วหากนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-2009 ที่ย้อนไปอีกสองฤดูกาลก่อนหน้านั้น ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยมีทีมไหนอีกเลยที่สามารถป้องกันแชมป์ได้ จนมาถึงเมื่อฤดูกาล 2018-2019 ที่แมน ซิตี้ สามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากการหลั่งไหลเข้ามาของนายทุนที่เข้ามาซื้อสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก มันได้เปลี่ยนแปลงการแข่งขันระหว่างทีมปีศาจแดงและทีมปืนใหญ่ ที่ขับเคี่ยวกันมานานหลายปี ส่งผลให้ทีมใหม่ ๆ สามารถก้าวขึ้นมาท้าทายแย่งแชมป์ได้ การป้องกันแชมป์จึงเป็นเรื่องยากแสนเข็ญกว่าเดิม นั่นคืออีกหนึ่งความท้าทายสำหรับลิเวอร์พูล เมื่อในฤดูกาล 2019-2020 นี้หลายทีมมีความเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัการทีมอย่าง อาร์เซน่อล เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างยังไม่สามารถหาความสมดุลให้กับทีมได้เมื่อเลือกใช้ผู้จัดการทีมคนรุ่นใหม่ แต่ในฤดูกาลหน้าจากทิศทางการทำทีมของอาร์เตต้า กุนซือทีมปืนใหญ่ ที่มีเวลาปรับตัวมากขึ้น แม้ไม่อาจบอกได้ว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาท้าทายแชมป์กับลิเวอร์พูล แต่การเผชิญหน้ากันโดยตรงก็คงไม่ใช่งานง่ายในการเอาชนะทีมของอาร์เตต้าแน่นอน เช่นเดียวกับ เชลซี ที่ แลมพาร์ด ได้คุมทีมเป็นปีแรก แล้วยังไม่สามารถผสมผสานทีมได้ลงตัวจนผลงานไม่สม่ำเสมอ แต่ด้วยสไตล์การทำทีมที่เน้นดาวรุ่งแน่นอนว่า ประสบการณ์การลงสนามที่มากขึ้นในฤดูกาลหน้า บวกกับเงินหนา ๆ ของเสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช หลังจากทีมพ้นโทษแบนการซื้อขายนักเตะ ก็น่าจะเพิ่มเขี้ยวเล็บให้ทีมได้อีกมาก ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจาก : https://sport.trueid.net/detail/0vW2zD03Rk89 อีกหนึ่งคู่แข่งที่ผมคิดว่าลิเวอร์พูลจะมองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่แหละ แม้หลายคนจะยังตั้งคำถามกับผู้จัดการทีมอย่าง โซลชา จากผลงานที่ผ่านมา แต่หากจะบอกว่าเขาไม่มีของดีเลยก็คงพูดยาก เมื่อการเผชิญหน้ากับทีมใหญ่เขาสามารถเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ ยิ่งกับผลงานในระยะหลังที่ได้ตัว บรูโน่ แฟร์นันส์ เพลเมคเกอร์ชาวโปรตุเกสมา ผลงานของทีมก็กระเตื้องขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยังไม่นับช่วงปิดฤดูกาลที่คงมีการเสริมทัพในตำแหน่งที่เป็นจุดอ่อนของทีม และอีกหนึ่งทีมร่วมเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แม้อนาคตจะยังเป็นคำถามอยู่กับเรื่องการถูกแบนในฟุตบอลยุโรป พวกเขาจะสูญเสียสตาร์นักเตะไปบ้างหรือไม่ แต่ด้วยมันสมองของกุนซืออย่าง เป็บ กวาดิโอล่า หากเขายังคุมทีมอยู่ต่อไป เชื่อว่าจะสามารถหาทางออกให้กับทีมได้อย่างแน่นอน “ที่นี่คือพรีเมียร์ลีก” ไม่เฉพาะเพียงทีมยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถท้าทายแชมป์เก่าได้ ทีมขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็สามารถโค่นแชมป์เก่าได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะสเปอร์ที่ได้ โชเซ่ มูริญโญ่ มาคุมทีม แม้พวกเขาจะประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บมากมายในฤดูกาลนี้ ประกอบกับอนาคตที่เป็นคำถามของนักเตะตัวหลักบางคน แต่ด้วยมันสมองระดับมูริญโญ่แล้วคงไม่มีทีมไหนกล้าประมาทในการเผชิญหน้าแข่งขันหรอก กระทั่งทีมร่วมเมืองลิเวอร์พูลอย่างทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน พวกเขามีกุนซือระดับคาร์โล อันเชล็อตติ จอมแท็กติกมากุมบังเหียน ทีมม้ามืดอย่าง วูลฟ์แฮมตัน ทีมจอมล้มยักษ์ที่มักสร้างความลำบากใจให้ทีมใหญ่ และที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจอมเซอร์ไพส์แห่งพรีเมียร์ลีก ที่ในวันฟอร์มเข้าฝักพวกเขาก็สามารถเอาชนะได้ทุกทีมเช่นกัน รวมทั้งทีมที่เหลือซึ่งผมไม่ได้เอ่ยถึง หากใครเป็นแฟนบอลพรีเมียร์ลีกแล้วล่ะก็ คงรู้ดีถึงความบันเทิงของที่นี่ ฟุตบอลลีกที่ทีมเล็กหรือทีมน้องใหม่สามารถขย่มทีมยักษ์ใหญ่ให้สั่นสะเทือนได้ คู่แข่งสุดท้ายของทีมหงส์แดงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวพวกเขาเอง ด้วยความที่พวกเขาโชว์ผลงานได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง สามารถคว้าแชมป์ที่รอคอยมาอย่างยาวนานได้แล้ว เปลวไฟ ความกระหายของนักเตะจะยังลุกโชนอยู่ไหม เหล่าสตาร์นักเตะจะอยากออกไปหาความท้าทายกับทีมยักษ์ใหญ่ต่างลีกหรือไม่ เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ก็มีข่าวกับ เรอัล มาดริด มาตลอด ว่าอยากจะดึงตัวไปทดแทนนักเตะตัวเก๋าที่ร่วงโรย หากเสียผู้เล่นสำคัญเหล่านี้ไปตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ จะสามารถปรับตัวได้ทันทีหรือไม่ มันก็เป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบได้จนกว่าฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้น ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจาก : https://sport.trueid.net/detail/0vW2zD03Rk89 มันจึงไม่ใช่งานง่ายสำหรับทีมหงส์แดงในการป้องกันแชมป์ เมื่อที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายไล่ล่าทีมอื่น แต่สำหรับฤดูการหน้าแล้วพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ถูกไล่ล่าเสียเอง มีอีก 19 ทีมที่เหลือในลีกรอท้าทายแชมป์เก่าอย่างพวกเขาอยู่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสุดยอดของลิเวอร์พูล ว่าจะสามารถก้าวไปเป็นแชมป์เหนือแชมป์ด้วยการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้หรือไม่ ซึ่งแฟนบอลอย่างเราต้องมารอลุ้นกันในฤดูกาลหน้า ว่าแต่ว่าฤดูกาลนี้พี่ โควิด 19 (COVID-19) ช่วยหลีกทางก่อนได้ไหม ฮ่าฮ่า ขอบคุณเครดิตรูปภาพหน้าปกจาก : https://sport.trueid.net/detail/zDpEdvpoYOp0 เขียนโดยแอดมิน เพจ ปีนรั้วดูหนัง