วันนี้ขอมาแนะนำหนังเก่าเรื่องหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนังเศร้าอันดับหนึ่งในใจของใครหลายๆคน ดูกี่ครั้งก็ต้องเสียน้ำตากันมากมายเลยทีเดียว “Aftershock 1976” เป็นหนังสัญชาติจีน เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อปี 2010 เรื่องราวของหนังได้อ้างอิงถึงเหตุการณ์จริงซึ่งเป็นการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.8 ริกเตอร์ ที่เมืองถางซาน มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1976 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าสองแสนราย และได้รับบาดเจ็บกว่าแสนคน หนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งซึ่งมีพ่อแม่และลูก 2 คน วัย 7 ขวบ (ลูกแฝดหญิงชาย) เหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด พ่อและแม่ออกไปทำงาน ในขณะที่ลูกทั้ง 2 คนนอนหลับอยู่ในบ้าน เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง อาคารบ้านเรือนพังถล่มเสียหายไปทั่วทั้งเมือง ลูกทั้ง 2 คนติดอยู่ในบ้าน แม่จะวิ่งเข้าไปช่วยแต่พ่อผลักแม่ออกมาแล้ววิ่งเข้าไปช่วยเอง ตึกถล่มลงมาเรื่อยๆไม่หยุดและได้ทับร่างของพ่อจนเสียชีวิต หลังจากแผ่นดินไหวสงบลง ลูกทั้ง 2 คนยังคงติดอยู่ในซากตึกโดยมีแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ทับอยู่ ลูกทั้ง 2 คนติดอยู่คนละฝั่งของแผ่นคอนกรีต แม่ร้องเรียกให้คนอื่นๆมาช่วยลูกทั้ง 2 คน แต่คนเหล่านั้นบอกว่าสามารถช่วยได้เพียงคนเดียวเพราะหากยกแผ่นคอนกรีตด้านหนึ่งขึ้นอาจจะทับอีกด้านหนึ่งทำให้คนที่อยู่อีกด้านเสียชีวิต แม่ต้องเลือก เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่โอกาสรอดก็ยิ่งน้อยลง แม่ร้องเรียกชื่อลูกทั้ง 2 คน แต่แม่ได้ยินเสียงตอบจากลูกชายเพียงคนเดียว ลูกชายร้องให้ช่วยอยู่ตลอด ไม่มีใครได้ยินเสียงตอบจากลูกสาว ลูกชายตะโกนบอกแม่ว่าได้ยินเสียงพี่สาวใช้หินเคาะพื้น แต่ท้ายที่สุดทุกคนลงความเห็นว่าลูกสาวอาจจะเสียชีวิตแล้ว เพราะไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากลูกสาวเลย แม่กระซิบบอกชายคนหนึ่งว่า “ช่วยลูกชาย” ภาพตัดมาที่ใบหน้าของลูกสาวที่ถูกซากตึกทับอยู่ ลูกสาวได้ยินคำตอบนั้น น้ำตาของเด็กน้อยก็ไหลลงมาอาบแก้ม หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น แม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายที่แขนขาดและต้องอยู่กับความรู้สึกผิดต่อลูกสาว โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ ลูกสาวรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่กลายเป็นเด็กไม่พูด จมอยู่กับความเศร้า เพราะคำพูดของแม่ยังก้องอยู่ในความทรงจำ ลูกสาวได้ย้ายไปอยู่กับครอบครัวทหารครอบครัวหนึ่งที่ขอรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม จนกระทั่ง 32 ปี ต่อมา ในปี 2008 ได้เกิดแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทุกคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวและลำดับเหตุการณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี โทนสีที่ใช้ในเรื่องและดนตรีประกอบทำให้รู้สึกถึงความทรงจำในอดีตที่ยากจะลืมเลือน หนังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาวจีนที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว อย่างเช่นฉากที่แม่วางมะเขือเทศลูกโตไว้ในชาม 2 ลูก ซึ่งลูกชายได้ทานทั้ง 2 ลูก ลูกสาวอยากทานบ้างแต่แม่บอกให้เสียสละให้น้องชายก่อน ส่วนฉากที่ทำให้เสียน้ำตามีมากมายเหลือเกิน แต่ฉากที่สะเทือนใจมากที่สุดคือตอนที่แม่เลือกให้ช่วยลูกชาย ความรู้สึกมันบีบคั้นหัวใจมาก แม่หัวใจแทบสลาย ไม่ต่างกับลูกสาวที่คำตอบของแม่ได้ฝังลึกลงไปในความทรงจำตอกย้ำความรู้สึกว่าแม่ไม่รัก สำหรับผู้เขียนมองว่าแต่ละคนน่าสงสารไม่ต่างกัน แม่ไม่ยอมย้ายบ้านไปจากเมืองถางซานเพราะกลัวว่าวิญญาณของพ่อกับลูกสาวจะหาทางกลับบ้านไม่ได้ แม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดต่อลูกสาว ทุกปียังคงซื้อหนังสือให้ลูก 2 ชุดเสมอ พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดสำหรับลูกชาย และไม่ยอมแต่งงานใหม่ แม่พูดเสมอว่า “ถ้าไม่เคยสูญเสีย ไม่มีทางเข้าใจ” ส่วนลูกชายแขนขาดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ลูกชายไม่อยากเรียนหนังสือ โดดเรียนบ่อย อยากหางานทำมากกว่า ลูกชายก็รู้สึกว่าตนเองทำให้แม่ไม่สบายใจในหลายๆครั้ง และเคยถามแม่ว่าแม่คิดว่าช่วยลูกผิดคนหรือเปล่า แม่เคยคิดว่าควรช่วยพี่สาวมากกว่าหรือเปล่า พอพูดจบแม่ตบหน้าลูกชายแต่ไม่ได้ตอบอะไร ส่วนลูกสาวกลายเป็นเด็กไม่พูด มักบอกพ่อแม่บุญธรรมว่าจำเหตุการณ์ต่างๆไม่ได้ แต่ความเป็นจริงคือไม่เคยลืม ลูกสาวเป็นคนเรียนเก่งและเป็นนักศึกษาแพทย์ พ่อแม่บุญธรรมให้ลูกสาวออกตามหาญาติที่ถางซานแต่ลูกสาวไม่เคยตามหาและไม่อยากกลับไปที่นั่น “Aftershock 1976” เป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำให้ทุกๆคนได้ดู แม้ว่าจะเป็นหนังเศร้าแต่รับรองว่าเป็นหนังดีที่น่าประทับใจและไม่ผิดหวังแน่นอน อย่าลืมพกทิชชู่ไว้ด้วยนะ ได้ใช้กันแน่ๆ (เครดิตภาพ)