สวัสดีครับนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ฉายทาง Netflix นั่นคือเรื่องThe Breakfast Club ซึ่งเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่น่าประทับใจมาก ๆ แต่พอเห็นปีที่สร้างหนังเรื่องนี้แล้วผมยังแอบตกใจ เพราะหนังเรื่องสร้างไว้ตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งก็ผ่านมานานถึง 35 ปีแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเนื้อหาในหนังนั้นยังเป็นอะไรที่ดูร่วมอะไรสมัย และยังสะท้อนปัญหาของวัยรุ่นได้ดีไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยแล้วก็ตาม เรื่องของเรื่องมันก็เริ่มต้นตรงที่ เด็ก ม.ปลาย 5 คนที่บุคลิกแตกต่างกันสุดขั้ว แต่บังเอิญทำผิดกฏของโรงเรียนในเวลาไล่เลี่ยกันจึงต้องถูกลงโทษตามกฏของโรงเรียนนั่นคือการถูกกักบริเวณในห้องสมุดทั้งวันในวันเสาร์ที่ควรจะเป็นวันหยุด เด็กทั้ง 5 คนประกอบไปด้วยสาวไฮโซนางฟ้างานพรอมอย่าง แคลร์ สแตนดิช หนุ่มนักกีฬาสุดเท่อย่าง แอนดรูว์ คลาร์ก หรือแม้แต่เด็กเนิร์ดที่ดูไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าระเมิดกฏโรงเรียนจนโดนลงโทษได้อย่างไบรอัน จอห์นสัน รวมไปถึงสาวสุดเพี้ยนอย่าง แอลลิสัน เรย์โนลด์ส และเด็กหนุ่มจอมเกเรอย่าง จอห์น เบนเดอร์ ในช่วงแรกนั้นดูเหมือนว่าพวกเด็ก ๆ จะเข้ากันไม่ได้เอาเสียเลย โดยเฉพาะมีหัวโจกอย่างจอห์นทีคอยกวนประสาทเพื่อน ๆ และคุณครูสุดเฮี๊ยบจนทุกคนแทบอยู่ไม่สุข แต่ก็เป็นเพราะความป่วนของจอห์นนั่นแหละที่ทำให้เด็กทั้ง 5 คนได้พูดคุยกัน มิตรภาพของพวกเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น แม้จะต่างนิสัยต่างที่มาต่างสังคมแต่สิ่งที่พวกเขาหรืออาจจะรวมถึงเด็กวัยรุ่นอีกนับล้านคนมีคล้าย ๆ กัน นั่นคือบาดแผลในจิตใจที่ถูกกระทำโดยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือคุณครูที่โรงเรียนต่างล้วนแล้วแต่มีส่วนในการสร้างบาดแผลเล็ก ๆ ในจิตใจของเหล่าวัยรุ่นทั้งสิ้น บาดแผลที่ที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัวจากความคาดหวังในบางเรื่องที่มากเกินไป หรือการใส่ใจในบางเรื่องน้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่พยายามเข้าใจในตัวพวกเขา เพราะในสายตาของพวกผู้ใหญ่มักจะตัดสินพวกเขาจากสิ่งที่เห็นเพียงด้านเดียว ความเข้าใจหัวอกซึ่งกันซึ่งและกันจึงก่อเกิดเป็นมิตรภาพของเด็กทั้ง 5 คนที่เกิดขึ้นในวันเดียวและอาจจะจบลงเพียงแค่วันเดียวเช่นกัน เพราะเมื่อถึงวันจันทร์เมื่อพวกเขากลับมาโรงเรียนอีกครั้งพวกเขาก็คงต้องกลับไปสู่สังคมของตัวเอง แต่แม้จะเป็นมิตรภาพในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาได้ทำอะไรที่มันสุดเหวี่ยงร่วมกันชนิดที่แต่ละคนคงจะต้องจดจำไปทั้งชีวิต แต่จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ทำให้พวกผู้ใหญ่ดูใจร้ายเกินไป เพราะยังมีการสะท้อนมุมมองของผู้ใหญ่อย่างครูเวอร์นอน คุณครูฝ่ายปกครองสุดเฮี๊ยบที่เด็ก ๆ แสนขยาด เพราะเอาเข้าจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อย่างทำตัวเองให้ดูน่ากลัว เขาก็อยากจะเป็นครูที่พวกเด็ก ๆ รัก เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเด็กมาก่อน แต่ทว่าการเป็นผู้ใหญ่นั้นมันก็ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่จะต้องรับมือกับเด็กแสบทั้งหลายอย่างเขา หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ดู เด็ก ๆ ดูก็น่าจะชอบเพราะเนื้อหาที่ครบรสไม่ว่าจะ ตลก เศร้า ซึ้ง ส่วนผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อแม่ที่กำลังมีลูกอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อถ้าได้ดูก็อาจจะทำให้เข้าใจในตัวเด็ก ๆ ได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อยเพื่อจะสร้างบาดแผลในใจของพวกเขาให้น้อยที่สุด หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สอนใจได้ดีสำหรับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับผมมันตราตรึงใจมาก ๆ ถ้ามี 10 คะแนน ผมก็คงให้เต็ม 10 เพราะไม่รู้จะหักคะแนนตรงไหน สามารถรับชม The Breakfast Club อยากถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix สามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ ขอบคุณภาพประกอบจาก imdb : ภาพที่ 1 | ภาพที่ 2 | ภาพที่ 3 | ภาพที่ 4 | ภาพที่ 5