สมัยเป็นนักเรียน ฉันว่าเป็นครูนี่สบ๊าย สบาย ไม่ต้องทำการบ้านส่ง ไม่ต้องอ่านหนังสือสอบ ไม่มีวันสอบตก เพราะครูออกข้อสอบเองนี่นา จนมาเป็นครูเอง ถึงได้รู้ว่างานของครูไม่ได้มีแค่สั่งการบ้านและออกข้อสอบ เด็กทะเลาะกัน เราต้องเป็นผู้พิพากษาหาคนผิด รองเท้าเด็กหาย เราต้องเป็นตำรวจช่วยตามหา โรงเรียนเลิกแล้ว แต่ผู้ปกครองยังไม่มารับ เราต้องเป็นยามนั่งเฝ้า ถ้าคุณครูเบื่อกับการทำแฟ้มประเมิน เหนื่อยกับการตามล่านักเรียนโดดเรียน และหน่ายกับการเชิญผู้ปกครอง ฉันขอแนะนำหนังสือเติมเชื้อไฟให้คุณครูสัก 3 เล่ม ถือว่าเป็นการเยียวยาจิตใจที่ห่อเหี่ยวของคุณครูนะคะ 1. สติ๊กเกอร์เด็กไม่ดี Bad Boy Sticker วรรณกรรมเยาวชนเกาหลีเล่มบาง ที่ผู้ใหญ่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็อ่านจบ มาร่วมอ่านเรื่องราวในโรงเรียนประถมของ อี คอน อู เด็กชายเกเร ผู้ได้รับสติ๊กเกอร์เด็กไม่ดีอยู่เสมอ ผ่านลีลาการเขียนที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่สะเทือนความทรงจำของฉันว่า ที่ผ่านมา ฉันตัดสินลงโทษนักเรียนอย่างถูกต้องแล้วจริง ๆ เหรอ พวกเขาอาจจะอยากลงโทษฉันบ้างก็ได้ หรือว่าบางที ฉันไม่อาจเชื่อเฉพาะสิ่งที่ตาฉันมองเห็นเท่านั้น หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมในประเทศเกาหลี จนขึ้นแท่นเป็นหนังสือ bestseller เลยทีเดียว 2. โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง ฉันกล้าพูดว่า ในวงการนักอ่าน ไม่มีใครไม่รู้จักหนังสือแปลจากประเทศญี่ปุ่นเล่มนี้ ตัวฉันเองอ่านครั้งแรกตั้งแต่เป็นเด็กประถม อ่านซ้ำหลายครั้ง สนุกทุกครั้ง เป็นครูแล้วก็ยังอ่าน และก็ยังสนุกเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือฉันอ่านจากมุมมองของคนเป็นครู จึงเป็นการอ่านที่ได้รสชาติที่ต่างออกไป หนังสือเปิดเรื่องด้วยการ "ป่วน" เพื่อนร่วมชั้นเรียนของคุณ คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ หรือ “โต๊ะโตะจัง” เธอโดนไล่ออกจากโรงเรียน เนื่องจากคุณครูเล็งเห็นว่า เธอมี “พฤติกรรมไม่พึงประสงค์” เป็นโชคดีของเธอที่คุณแม่ไม่ได้ดุด่า แต่หาโรงเรียนที่เหมาะสมกับเธอได้ และเป็นบุญของเธอที่ได้เจอคุณครูโคบายาชิ คุณครูใหญ่แห่งโรงเรียนโทโมเอ โรงเรียนทางเลือกแห่งประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีรถไฟเป็นห้องเรียน และมีผักสด เป็นของรางวัลจากการแข่งกีฬา อ่านเถอะค่ะคุณครู แล้วคุณครูจะรู้ว่า เด็กที่พูดมาก ๆ ก็เพราะเขามีเรื่องจะเล่า และทุก ๆ เรื่องที่เขาจะเล่า ล้วนสำคัญเท่ากันหมด เราแค่รับฟังอย่างเพลิดเพลิน ปล่อยให้เขาพูดไปจนเหนื่อยเดี๋ยวก็หยุด 3. ครูแท้แพ้ไม่เป็น ฉันได้ทำความรู้จักกับหนังสือเล่มนี้ ในวันที่ฉันเป็นครูได้เกือบ 10 ปีแล้ว ได้ผ่านการไม่เข้าใจ ผ่านการทำความเข้าใจ ผ่านการเบื่อหน่าย ผ่านการยินดี มาได้ระยะหนึ่ง ณ นาทีที่หยิบ “ครูแท้แพ้ไม่เป็น” จากชั้นในร้านหนังสือ ฉันไม่ได้คาดหวังความสนุกเพลิดเพลินเหมือน 2 เล่มแรก แต่คาดหวังการเติมเชื้อไฟ และประโยชน์ในเชิงวิชาการ ตามคำโปรยล่างชื่อหนังสือว่า “เทคนิคและกำลังใจ เพื่อครูมือใหม่ ถึงครูวัยเก๋า” ประกอบกับคุณสมบัติของ เรฟ เอสควิท เจ้าของเรื่อง ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น “ครูประถมที่เขย่าวงการศึกษาของสหรัฐอเมริกา” แต่ผิดคาด มันสนุกจนฉันอ่านรวดเดียวจบ ครูเรฟ ไม่ได้ “บรรยาย” เทคนิคของนักวิชาการชั้นสูง แต่ครูเรฟ “แบ่งปัน” การทำงานของครูในโรงเรียนจริง ๆ โรงเรียนที่มีนักเรียนเกเร โรงเรียนที่มีผู้ปกครองหยาบคาบ โรงเรียนที่ไม่มีอุปกรณ์อัจฉริยะ ครูเรฟ ไมใช่วิทยากรจบนอก ที่กระทรวงส่งมาแนะนำนโยบายที่ปฏิบัติไม่ได้ แต่ครูเรฟ คือเพื่อนร่วมงานที่เดินมาบ่นให้คุณฟังในห้องพักครู ในยุคที่เราต้องกักตัว อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อป้องกันโควิท คุณสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ https://www.se-ed.com/ อันที่จริงมีหลายข้อความ ที่ฉันถือเป็น “วรรคทอง” จากหนังสือหนังสือทั้ง 3 เล่ม ขอยกมาจากหนังสือเล่มสุดท้าย เป็นการบอกลาคุณในวันนี้ “การสอนทำให้เราเจ็บปวดได้ ทำตัวให้เคยชินไว้” ภาพโดย : ผู้เขียน