สำหรับคนที่ชอบความหนาว และชอบท่องเที่ยวไปในหิมะที่ขาวโพลน ขอแนะนำให้ไปเที่ยวที่ Lapland ค่ะ Lapland เป็นเขตทางเหนือของประเทศFinland สามารถเดินทางด้วยสายการบิน Finair จากสุวรรณภูมิ ไปลงที่เมืองหลวง Helsinki แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องบินภายในประเทศโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงเมือง Rovaniemi ของLapland ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศหนาวประมาณ -16C จากเมือง Rovaniemi เดินทางโดยรถโค๊ชออกไปประมาณ 120 กม ถึงเมืองKemi ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของLapland อยู่ริมอ่าวบอธเนีย (Gulf of Bothnia) บริเวณตอนเหนือของ Baltic Sea ที่เมืองKemi มีสิ่งก่อสร้างจากน้ำแข็งและหิมะหลายแห่ง ซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปชม คือ Snow Castle, Snow Restaurant, Snow Hotel, Snow Chapel กิจกรรมแรกที่น่าตื่นเต้นที่เมือง Kemi ก็คือการได้นั่งเรือตัดน้ำแข็งที่โด่งดัง Sampo Icebreaker ซึ่งเป็นเรือที่ปลดประจำการจากเรือทลายน้ำแข็งในเขตอาร์กติกมากว่า 30 ปี นำมาบริการให้นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือออกไปดูการตัดแผ่นน้ำแข็งที่หนากว่า 1 เมตร น่าตื่นเต้นดี เมื่อลงจากเรือแล้วนักท่องเที่ยวแต่ละคนจะได้รับใบ Certificate ไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ กิจกรรมที่ห้ามพลาดอีกอย่างก็คือการลงไปว่ายน้ำหรือลอยตัวในบ่อน้ำแข็งกลางทะเล (Ice Swimming) ที่อุณภูมิต่ำกว่า -20C ซึ่งทุกคนต้องสวมชุดกันน้ำที่หนาและใหญ่มาก จึงต้องใช้เวลาในการสวมใส่พอสมควร จากนั้นก็เดินต้วมเตี้ยมลงไปในแอ่งน้ำแข็งซึ่งไม่ค่อยใหญ่นัก เวลาขึ้น-ลงจะค่อนข้างลื่น โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ช่วยเหลือ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาลอยตัวอยู่ไม่นานค่ะ สถานที่น่าท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งก็คือหมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ให้เดินเล่นได้อย่างมีความสุขในความหนาวประมาณ -11C มีร้านขายของที่ระลึก และที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งเราสามารถส่งการ์ดกลับบ้านหรือส่งของฝากไปให้เพื่อนๆได้เลย เดินทางจากหมู่บ้านซานตาคลอสไปอีกประมาณ 250 กม ถึงเมือง Saariselka เพื่อจะไปพักที่บ้านอิกลู (Igloo Village Kakslauttanen) ซึ่งตั้งอยู่เหนือเขตเส้นขั้วโลกเหนือในLapland ตลอดเส้นทางที่นั่งรถไปก็มีความสุขกับการชมทิวทัศน์ข้างทางที่สวยงาม มีหิมะปกคลุมต้นสนและบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ห่างๆกัน ราวกับอยู่ในฉากของหนังการ์ตูนเรื่อง Frozen เดินทางมาถึงหมู่บ้านอิกลู (Igloo Village Kakslauttanen) ซึ่งเป็นบ้านไม้และมีโดมกระจก ตั้งอยู่ในป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนานุ่ม ก็ยิ่งประทับใจในความสวยงามค่ะ หิมะที่นี่จะแห้งและหนานุ่ม เวลาเดินไปในลานหิมะต้องเดินตามรอยเท้าของคนก่อนหน้านี้นะคะ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางเพราะเราไม่ทราบเลยว่ามีหิมะปกคลุมพื้นดินอยู่หนามากแค่ไหนอาจจะจมลงลึกลงไปในหิมะได้ค่ะ ภายในบ้าน Igloo มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเหมือนโรงแรม 5 ดาว ในบ้านหลังใหญ่จะมีห้องอบไอน้ำ (Sauna) ส่วนตัวด้วย และมีเตียงนอนสำหรับ 2 คนให้ 2 ชุด ส่วนเตียงที่เพิ่มให้ 1 ชุดนั้นจะอยู่ใต้โดมกระจกให้ได้นอนดูดาวกันตลอดทั้งคืน แต่พอมานอนจริงๆก็นอนไม่หลับค่ะ เพราะจะเห็นต้นสนที่ล้อมรอบเคลื่อนไหวไปมาตามลม และกลัวว่าจะมีใครมาแอบดู เลยต้องกลับเข้านอนบนเตียงในบ้านตามปรกติ ที่นี่ก็มีกิจกรรมที่สนุกและตื่นเต้นในบรรยายกาศที่หนาวเหน็บกว่า -20C คล้ายกับประเทศในเขตหนาวหลายๆประเทศ เช่นการขับขี่สโนว์โมบิล (Snowmobile) ไปในทุ่งน้ำแข็งที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวมาก สำหรับผู้สูงอายุขับขี่เองไม่ไหว ให้นั่งซ้อนท้าย ก็สนุกตื่นเต้นมากเหมือนกันค่ะ โดยทุกคนจะต้องสวมใส่ชุดกันความหนาวแบบเต็มรูปแบบรวมถึงใส่หมวกกันน็อคที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ นอกจากนี้ก็มีการนั่งสุนัขลากเลื่อน โดยใช้สุนัขพันธุ์ฮัสกี้ (Husky) ซึ่งสามารถทนต่อความหนาวได้ดี มีความคล่องตัว ว่องไวและแข็งแรงมาก จึงเป็นสุนัขลากเลื่อนที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางและในการขนสินค้ามาช้านาน ช่วงกลางคืนก็ออกไปนั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ (Reindeer Sledding) ซึ่งกวางสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดี ขณะที่คนเรามองไม่เห็นอะไรเลยในคืนที่มืดสนิท ดังนั้นเวลาที่นั่งให้กวางลากไปในที่มืดก็รู้สึกเกร็งๆค่ะ กิจกรรมสุดท้ายในเขต Lapland และเป็น Highlight ของทริปนี้ ก็คือการล่าแสงเหนือหรือแสงAurora ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง ตามหลักฟิสิกส์ แสงเหนือ-แสงใต้ เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่าง ๆ กันออกไป ขึ้นอยู่กับแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซชนิดไหน เราจะเห็นแสงเหนือได้ในคืนที่มืดสนิทค่ะ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าจะเห็นเป็นพื้นสีดำสนิทและมีดาวระยิบระยับอยู่หนาแน่นมากบนผืนฟ้า สวยงามมาก เวลาที่มองด้วยสายตาของเราเองจะเห็นแสงสีขาวขุ่นๆพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความเร็ว แล้วก็หายไป แล้วก็พุ่งขึ้นมาใหม่เป็นระยะๆ น่าตื่นเต้นมาก เราจะเห็นแสงหนือเป็นสีเขียว สีแดง สีส้ม หรือบางครั้งก็เป็นสีผสมได้ก็ต้องมองผ่านเลนส์กล้องถ่ายรูปค่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมเอากล้องถ่ายรูป หรือโทรศัพท์มือถือที่มีคุณภาพสูงไปด้วย แล้วจะเห็นแสงเหนือเป็นแสงสีต่างๆพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ดำมืด อย่างน่าทึ่งและน่าประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ รูปถ่ายทั้งหมดในบทความนี้ ถ่ายโดยผู้เขียน