อากาศช่วงกรกฎาคม ฝนตกสลับกับร้อนอบอ้าวแบบนี้ จะหลบไปหาที่เย็นๆแบบยุโรปก็กลายเป็นหน้าร้อนของเค้าอีก ไปทางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ก็เข้าหน้าหนาว หนาวเกินไป เราขยับมาที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเราแบบฮอกไกโดกันดีกว่า เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯตั้งแต่กลางดึก บินบนเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมงกว่า ตื่นเช้ามาก็มาลงที่สนามบิน New Chitose ทริปนี้เราวางแผนเดินทางกันด้วยรถเช่านะ เมื่อมาถึงขั้นตอนแรกก็คือออกเดินทางไปรับรถเช่ากันก่อน เราจองรถไว้กับ times car rental มีบริการรถรับส่งจากสนามบินไปที่รับรถเลย สะดวกดี เป้าหมายแรกของเราคือออกเดินทางไปเมือง Noboribetsu เมืองแห่งน้ำพุร้อน จากจุดรับรถ เดินทางประมาณชั่วโมงกว่า แวะไปชม Jigokudani หรือหุบเขานรก มีควันลอยฟุ้งสวยงามมาก ที่ชื่อว่านรกของหุบเขานี้ เพราะมาจากการที่มีควันพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นจุดต้นกำเนิดน้ำพุร้อนออนเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ยังไม่ทันเดินชมดีๆ ฝนกลับตกหนักซะอย่างนั้น เลยต้องรีบหลบฝนแวะกินข้าวเที่ยงกันก่อน มาเจอร้านเนื้อไม่รู้มีชื่อรึป่าว แต่ฝนกับลมแรงมาก ไม่มีทางเลือกเลยต้องลองดู รสชาติดีทีเดียวแต่ราคาก็เอาเรื่องเหมือนกัน เนื้อลายสวยมาก ละลายในปาก หมดอย่างรวดเร็วยังไม่ทันอิ่มเลย แต่ราคาสูง สั่งข้าวมากินเพิ่มแทน555 เดินชมอยู่ดีๆฝนตก แผนการเดินเที่ยวล่มทันที แผนแรกคือเดินเที่ยวชมเมืองอีกสักนิด แต่รอจนกินเสร็จฝนยังไม่มีทีท่าจะหยุดตก เลยเปลี่ยนแผนออกเดินทางไปต่อเร็วขึ้น เข้าสู้เมือง Hakodate กัน เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่ตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจาก Noboribetsu ประมาณ 3 ชั่วโมง (ฝนตกด้วยขับรถลำบาก) เมือง Hakodate นี้ขี้นชื่อมากเรื่องอาหารทะเลสดและตลาดปลา ที่พักของเราอยู่ใกล้กับตลาดปลาเลย คือเดินไปได้ง่ายๆจากที่พัก เนื่องจากเดินทางมาไกลแถมเมื่อคืนนอนกันบนเครื่อง หลับไม่ค่อยต่อเนื่อง วันนี้เราเลยเดินหามื้อเย็นกับแแถวที่พัก แล้วกลับไปนอนเอาแรงก่อนเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ หลังจากที่อ่านรีวิวร้านอาหารสักพัก พบว่าส่วนใหญ่บอกว่าไม่ค่อยต่างกันมากทั้งราคาและรสชาติ เราเลยเลือกกินมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารที่ติดกับที่พัก เป็นร้านอาหารทะเลสดๆ มีกุ้งหอยปูปลาแหวกว่ายกันเป็นๆ Sashimi สดและหวานมาก เสร็จจากร้านอาหาร เหนื่อยกันมามากแล้ว ขับรถมาทั้งวันนานและไกล เราจึงรีบกลับเข้าที่พัก นอนพักผ่อนเตรียมตัวเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้กันต่อ ที่พักเราไม่ได้เน้นอะไรมาก ขอให้สะอาดและใกล้แหล่งท่องเที่ยวก็พอ วันที่ 2 ตื่นแต่เช้า มุ่งหน้าไปตลาดปลาทันที (Hakodate Asaichi) ด้วยความหิวโหย ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา ร้านขายอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป รวมทั้งร้านขายอาหาร ข้าวหน้าปลาดิบ sashimi เรียงรายเต็มไปหมด ชั่งปูกันสดๆ ปูที่เห็นข้างล่างไม่ได้ตายแล้วนะ มันยังเป็นๆอยู่และกำลังพยายามเดินหนี!! สุดท้ายเลือกร้านอาหารที่คนเยอะๆมาร้านหนึ่ง อาหารที่นี่ราคาไม่แพงเลยเทียบกับคุณภาพและปริมาณที่ได้ จากนั้นเราเดินทางไปต่อที่ Goryokaku Tower หรือป้อมรูปดาว หอคอยแห่งนี้สูง 107 เมตร สร้างเสร็จเมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว จุดชมวิวของที่นี่สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบสวนสาธารณะ Goryokaku ทั้งหมดได้ ภาพนี้คืออนุสาวรีย์ของฮิจิกะตะ โทะชิโซ เป็นบุคคลสำคัญ เนื่องจากท่านเป็นอดีตรองหัวหน้ากลุ่มตำรวจพิเศษของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ซึ่งหลังจากรัฐบาลโชกุนโทกุงะวะล่มสลาย เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพของสาธารณรัฐเอะโสะในการต่อต้านการฟื้นฟูสมัยเมจิจนกระทั่งเสียชีวิตในการรบการรบที่ Hakodate เมื่อฝ่ายโทะกุงะวะยึดครองป้อม Goryokaku ในแวดวงนักดาบญี่ปุ่นนับถือกันว่าฮิจิกะตะเป็นนักดาบผู้มีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่คนหนึ่ง จากนั้นเราเดินเล่นชมเมือง แวะชมท่าเรือและบรรยากาศริมทะเลไปเรื่อยๆ เป้าหมายปลายทางคือไปขึ้น Hakodate ropeway บรรยากาศดีมาก แต่เริ่มโชคไม่ดี เมฆเริ่มครื้มๆมาอีกแล้ว สุดท้ายก็มาถึง Hakodate ropeway ตามที่วางแผนไว้ เริ่มมีฝนปรอยๆลงมา เจ้าหน้าที่ให้เรารอข้างล่างก่อนยังไม่ให้ขึ้นไปเพราะขึ้นไปด้านบนลมแรงและเย็นมาก แถมฟ้ามืดเมฆมาก มองวิวไม่เห็น เราเลยต้องนั่งรอข้างล่างสักครู่รอลุ้นว่าฟ้าจะเปิดหรือไม่ รอมาชั่วโมงกว่า ในที่สุดฟ้าเหมือนจะเริ่มเป็นใจ เราจึงได้ขึ้นกระเช้าไปด้านบนสักที ใช้เวลาแค่ 3 นาทีก็ถึงยอดเขา ภาพเลยไม่สวยเท่าที่ควรเลย เนื่องจากฟ้ายังเมฆเยอะอยู่ ข้อดีอย่างเดียวเลยคือคนน้อยยังพอมีที่ว่างให้เข้าไปเก็บภาพได้ เราอยู่รอจนมืดเพื่อชมทั้งบรรยากาศกลางวันและกลางคืน จบภารกิจวันนี้ เราเดินทางกลับที่พัก เพื่อเตรียมออกเดินทางต่อไปเมืองต่อไปในวันพรุ่งนี้... ภาพทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียนบทความ