สวัสดีจ้าทุกคน...บทความของผู้เขียนในวันนี้จะเป็นการเกาะติดสถานการณ์ COVID-19 และเกาะติดเรื่องประเด็นหน้ากากอนามัย ที่มาด้วยข้อถกเถียงของคนในสังคม ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันไวรัสระบาดน้อยลงตามด้วย ด้วยความที่หาหน้ากากอนามัยค่อนข้างยากพอสมควร ซื้อปลีกราคาแพงกว่าที่เคยซื้อและบางร้านหาซื้อได้ยาก แต่ที่น่าแปลก มีประเด็นดราม่ากรณีกักตุนหน้ากากแล้วมีความผิด จึงเป็นกรณีศึกษาที่ดีมากในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีทัศนคติเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยว่า เป็นความหวังสุดท้ายของประชาชนที่อยากจะได้เพื่อดูแล "ป้องกันตัวเอง" หรือหน้ากากอนามัยมีไว้เพื่อเป็น "กลโกง" หรือเกมอะไรกันแน่ที่ประชาชนไม่อาจเข้าใจได้? Credit pic : pexels จุดเริ่มต้นก็คือ...ยกตัวอย่างเคยซื้อชิ้นละ 5-7 บาท ในปัจจุบันต้องซื้อชิ้นละ 10-40 บาท บางร้าน 3 ชิ้น 180 บาท การโก่งราคาหน้ากากอนามัยด้วยราคาสูงลิ่ง เนื่องด้วยหน้ากากอนามัยขาดตลาด จึงเป็นกลโกงของพ่อค้าแม่ค้าบางรายที่จะโก่งราคาสิ้นค้าให้สูงขึ้น จากราคาไม่ถึงสิบบาท กลายเป็นชิ้นที่ขายในราคาหลักสิบ ถ้าโดนโก่งราคาสูงมากก็อาจจะเกือบเหยียบหลักร้อยต่อชิ้น จึงเป็นข้อมูลที่ตกใจ เพราะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปเหมือนเช่นเคย จนเราต้องสั่งทางออนไลน์ หรือฝากหิ้วจากต่างประเทศแทน เพื่อทดแทนของที่ไม่มีในประเทศ Crrdit pic : pexels ช่วงหน้ากากขาดตลาด กลายเป็นสิ่งที่หายากกว่าเครื่องมือตรวจไวรัสโคโรน่าเสียอีก ในสถานการณ์นี้กลายเป็นจุดที่แสวงหาผลประโยชน์ในความทุกข์ของคนอื่น แม้แต่มีหน้ากากอนามัยปลอมจากประเทศเพื่อนบ้าน และหน้ากากอนามัยที่มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง ไม่สนว่าใครจะลำบาก ขอแค่คำว่า "เงิน" เป็นค่าตอบแทนที่หอมหวานเท่านั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบจึงประสบชะตากรรมครั้งใหญ่แบบไม่มีใครเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) เมื่อเกราะป้องกันการหายใจอย่างหน้ากากอนามัยไม่สามารถหาได้ตามปกติอีกแล้ว แล้วนี่หรือ...จะไม่เป็นเกมกลโกงของใครที่อยู่เบื้องหลัง? แต่เราก็ได้คติสอนใจกับเหตุการณ์นี้ได้ดี ภาพที่ประจักษ์แก่สายตามันสื่อให้เห็นภาพว่า ใครยังหลงเหลือความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และใครที่ยังมีสามัญสำนึกต่อเพื่อนร่วมชะตากรรมในการต่อสู้ COVID-19 เหลืออยู่บ้าง Credit pic : pexels ประชาชนเช่นพวกเราก็ยังเกาะติดอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ในตอนนี้คงยากที่บุคลากรทางการแพทย์จะถือประโยชน์ส่วนตน เพราะเพื่อนมนุษย์กำลังตกที่นั่งลำบาก ไม่ว่าจะผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ถึงอย่างไรการต่อสู้กับโรคไวรัสระบาดก็ยังดำเนินต่อไป แม้ว่าด่านหน้ายังสั่นคลอน แต่ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 มากขึ้นจนน่าวิตก ผู้เขียนอยากให้การบริจาคหน้ากากอนามัยส่งถึงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และอยากให้ภาครัฐช่วยให้การช่วยเหลือเข้าถึงคนรากหญ้า ซึ่งการป้องกันน้อยกว่าคนที่รับข่าวสารทั่วถึง การตอบสนองต่อวิกฤตโรคไวรัสระบาดยังล่าช้า จึงไม่ต่างอะไรจากตามหลังความเป็นจริงที่เห็นกับตาถอยไปแล้วหลายก้าว ถึงบุคลากรทางการแพทย์จะอยู่บนความเสี่ยงที่ต้องใช้ซ้ำ แต่พวกเขาเข้มแข็ง อดทน บากบั่นที่จะสู้กับศัตรูตัวฉกาจที่มองไม่เห็นได้ทุกเมื่อ ซึ่งประชาชนที่ได้เห็นต่างก็เห็นใจ และเข้าใจบุคคลเหล่านั้น พร้อมที่จะสู้กับมันด้วยกันอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าจะไม่รู้วันสิ้นสุดของการระบาดครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่ก็ตาม การทำงานของภาครัฐในประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จะแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนฟรีเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ไม่มีใช้ป้องกัน Credit pic : unsplash กลโกงการกักตุนหน้ากากอนามัย จึงมีข้อกฎหมายออกมาชัดเจน โดยเฉพาะการกักตุนขายเกินราคา มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท นี่ก็เป็นมาตรการในการจัดการพ่อค้าแม่ค้าที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ข่าวตามเว็บ รวมทั้งประกาศในแอปพลิเคชันอย่าง Shopee และ Lazada มีกฎระบุออกมาชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมาย ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต่อสู้กับไวรัส COVID-19 และเป็นกำลังใจให้ประชาชนทุกคนก้าวผ่านเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ไปด้วยกัน เพื่อวันที่สดใสสวยงามในวันข้างหน้านะคะ ผู้เขียนขอจบบทความเพียงเท่านี้ สวัสดีจ้า :) Credit pic ภาพปก : pexels