วันนี้มีเพื่อนมาปรึกษาเรื่องสำคัญ กรณีสามีภริยาที่หย่ากันไปแล้ว จะมีสิทธิในกองมรดกได้หรือไม่ สิทธิในการรับมรดกของผู้ตายนั้น จะต้องดูว่าเจ้าของทรัพย์สินมรดกนั้น ได้ทำพินัยกรรมไว้หรือไม่ ถ้าหากว่าทำพินัยกรรมไว้ และกำหนดชื่อผู้รับมรดกไว้ชัดเจน ทรัพย์สินมรดกก็จะตกทอดแก่ผู้รับมรดกที่เจ้ามรดกได้ระบุไว้ตามประสงค์ก่อนที่ตนจะตาย แต่ในกรณีที่เจ้ามรดกผู้ตายไม่ได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ มรดกจะได้กับผู้ใด มาดูตัวบทกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีหลักกฎหมายว่าการตกทอดแห่งทรัพย์มรดก “เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท” และ “กองมรดกย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายหรือโดยพินัยกรรม ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม” ทั้งทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม”” อย่างกรณีคู่สามีภริยาได้หย่ากันแล้ว หากฝ่ายใดตายไป โดยไม่ได้เขียนพินัยกรรมให้กับใครไว้เลย หรือแม้เขียนพินัยกรรมไว้ แต่ไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมาย อีกฝ่ายที่มีชีวิตอยู่ จะมีสิทธิเข้ารับมรดกได้ไหม กฎหมายว่าไว้ “ถ้าผู้ใดตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้หรือทำพินัยกรรมไว้แต่ไม่มีผลบังคับได้ ให้ปันทรัพย์มรดกทั้งหมดแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายนั้นตามกฎหมาย” “ทายาทโดยธรรม" มี 6 ลำดับ แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลัง ดังนี้(1) ผู้สืบสันดาน คือ ลูก หลาน เหลน ลื่อ(2) บิดามารดา (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย (6) ลุง ป้า น้า อา ส่วนคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม” และกฎหมายยังว่าอีก “ตราบใดที่มีทายาทซึ่งยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ยังไม่ขาดสายแล้วแต่กรณีในลำดับหนึ่ง ๆ ที่ระบุไว้...ทายาทผู้ที่อยู่ในลำดับถัดลงไปไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายเลย” “แต่ความในวรรคก่อนนี้มิให้ใช้บังคับในกรณีเฉพาะที่มีผู้สืบสันดานคนใดยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่กัน แล้วแต่กรณีและมีบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ ในกรณีเช่นนั้น ให้บิดามารดาได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร” อธิบายให้เข้าใจได้ดังนี้ ลำดับของทายาทโดยธรรม 6 ลำดับนั้น จะมีสิทธิเข้ารับมรดกได้ เมื่อผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ และ1. ทายาทต้องยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่ยังไม่ขาดสาย ในลำดับหนึ่ง2. กรณีมีผู้สืบสันดาน อันได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ คนใดยังมีชีวิตอยู่ หรือมีผู้รับมรดกแทนที่กัน และบิดามารดาของผู้ตายที่เป็นเจ้ามรดก ยังมีชีวิตอยู่ จะได้รับมรดกและได้ส่วนแบ่งเท่ากับทายาทชั้นบุตรด้วย3. ส่วนสามีหรือภริยาอีกฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ก็นับเป็น "ทายาทโดยธรรม" แต่ต้องเป็นสามีภริยาที่จดทะเบียนกันตามกฎหมาย คู่สามีภริยาที่หย่ากัน จะไม่มีสิทธิในกองมรดกของอีกฝ่าย เพราะตอนหย่ากันได้จัดการสินสมรส สินส่วนตัว กันไปแล้ว แต่อาจรับมรดกได้ กรณีเช่นมีลูกด้วยกัน เมื่อพ่อหรือแม่ฝ่ายใดได้ตายลง แล้วยกทรัพย์มรดกให้กับลูก ต่อมาลูกได้ตายไปอีก ลูกไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินกองมรดกก็จะตกทอดกับลูกของลูก คือหลาน หากพ่อหรือแม่ของลูกที่ตายลง ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมมีสิทธิเข้ารับส่วนแบ่งมรดกเท่ากับหลานด้วย เพื่อป้องกันปัญหาขัดแย้งแย่งชิงมรดก เจ้ามรดกที่รับทรัพย์มรดกมาจากพ่อหรือแม่ที่หย่ากันไป ควรทำพินัยกรรมก่อนตาย เผื่อไว้ให้ชัดเจนว่าจะยกทรัพย์มรดกให้ใคร ให้ลูกตนเท่านั้น ใครบ้าง ชื่ออะไรว่าไป เมื่อตายไปทรัพย์สมบัติก็จะตกไปยังคนที่อยากจะให้แท้จริงตามเจตนา หากไม่ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินมรดกย่อมตกไปตามสิทธิ "ทายาทโดยธรรม" ตามกฎหมาย โดยเจ้ามรดกที่เป็นปู่หรือย่าที่หย่ากันนั้น ต้องการยกมรดกให้กับลูก แต่ลูกตายลง แล้วไม่ทำพินัยกรรมไว้ สมบัติจึงตกกับทั้งหลาน และปู่หรือย่า ที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ปู่หรือย่าได้หย่ากันแล้วก็ตาม สถานะความเป็นพ่อหรือแม่ของผู้ตายที่เป็นลูก ยังมีอยู่ อีกฝ่ายที่หย่าและยกมรดกไว้ให้ลูก ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะตายไปแล้ว และลูกที่ตนมอบทรัพย์มรดกให้ มาตายลงโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้อีก ทรัพย์มรดกนั้นจึงตกเป็นของหลาน และปู่หรือย่าของหลาน ที่ยังมีชีวิตอยู่ นั่นเอง หลานที่เป็นผู้รับมรดกจะยึดทรัพย์สินนั้นไว้ผู้เดียว หรือไม่ยอมแบ่งตามส่วน ทำไม่ได้ จะมีความผิดทางอาญา ถูกดำเนินคดีได้ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ที่สุดถูกตัดจากกองมรดกก็ได้ สินะ..จะบอกความ.รูปภาพปก, ภาพประกอบที่ 1, 2, 4 ขอบคุณ pixabay / ภาพประกอบที่ 3 โดยผู้เขียน