จะไปเยือนอีกสักกี่ครั้งฉันก็ยังหลงเสน่ห์หลวงพระบาง เมืองที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลกทางวัฒนธรรมของมวลมนุษย์ชาติ” ตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งยกให้เป็นมรดกโลกแบบเป็นทั้งเมือง นั่นหมายถึงทั้งวัดวาอาราม รวมถึงอาคารบ้านผู้คน โบราณสถานทุกอย่างจนไปถึงวิถีการใช้ชีวิตทางวัฒนธรรมของผู้คนด้วย ซึ่งทุกอย่างล้วนมีคุณค่าแก่การเข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาเรียนรู้ ครั้งล่าสุดที่ฉันได้ไปเยือนคือปลายปีที่แล้ว เมื่อมีคนอาสาที่จะเลี้ยงลูกให้ คิดคำนวณแล้วฉันมีเวลาแบกเป้เดินทางได้ถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียว หยิบโทรศัพท์หาตั๋วเครื่องบินและที่พักทันที ไม่ถึงครึ่งชม.ฉันก็ได้ตั๋วขาไปพร้อมที่พักสองคืนแรกก่อน ส่วนที่เหลือค่อยไปวางแผนเอาข้างหน้าต่อ ยุคที่มีแพลตฟอร์มด้านท่องเที่ยวและที่พักให้เราเลือกใช้สะดวกแบบนี้ ฉันไม่เคยกลัวเลยแม้เป็นผู้หญิงที่แบกเป้เดินทางเพียงคนเดียว ขอให้มีเน็ตใช้ ทุกอย่างก็ง่ายแค่ปลายนิ้ว ตามมาเที่ยวหลวงพระบางด้วยกันเลยจ้า หลังจากเดินทางด้วยสายการบินสองต่อ ก็มาถึงเมืองในฝัน เมืองที่ฉันเคยฝันไว้ว่าจะมาใช้ชีวิตหลังเกษียนกับคนที่ฉันรัก ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นเมืองในฝันแต่คนที่ฉันรักนั้น เปลี่ยนไปรักคนอื่นเสียแล้ว อ้าว…เยิ่นเย้อออกนอกเรื่องไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว เอาเป็นว่าใครอยากเห็นวิวภูเขาสวยงามสุดลูกหูลูกตาตอนที่เครื่องจะบินลงที่สนามบินหลวงพระบาง ให้เลือกที่นั่งติดหน้าต่างไว้นะคะ รับรองจะตื่นตะลึงในความงดงาม แต่ฉันเองรอบนี้เช็คอินกับเครื่องอัตโนมัติ เลยถูกสุ่มให้นั่งแถวริมทางเดิน เสียดายจัง กรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองและเข้าแถวปั๊มพาสปอร์ตเสร็จ ฉันก็ตรงบึ่งไปซื้อซิมเน็ตลาวทันทีเลยค่ะ ยื่นโทรศัพท์ให้น้องที่ขายแล้วยิ้มหวานบอกว่าช่วยทำให้ด้วยนะคะ ไม่อยากปวดหัวเรียนรู้ค่ะ อย่าลืมเก็บซิมเก่าเรากลับมาด้วยนะคะ หนึ่งร้อยบาทใช้ได้ห้าวันค่ะ ครบห้าวันก็ค่อยไปซื้อบัตรเติมเงินตามร้านต่างๆมาเติมได้อีกจ้า ง่ายๆไม่ยุ่งยาก เพียงแต่ตอนนี้ใครโทรหาเบอร์เดิมเราไม่ได้แค่นั้นเอง แล้วก็เดินมาที่ป้ายแท็กซี่เข้าเมือง ซึ่งก็อยู่ติดๆกัน ซื้อตั๋วห้าหมื่นกีบ ซึ่งมาหนึ่งคนหรือสองคนก็จ่ายห้าหมื่นกีบเท่ากัน งงไหม เมื่อถามคนขับเขาบอกว่าถ้าลงที่เดียวกันก็คิดราคาเดียว ดังนั้นถ้าใครอยากประหยัดก็หาเพื่อนให้ได้ก่อนซื้อตั๋ว แต่ต้องพักอยู่ในเมืองเหมือนกัน เมื่อลงจากรถแล้วค่อยเดินหาที่พัก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บริเวณที่เดินถึงกันได้หมดจ้า เมื่อรถมาส่งถึงเกสต์เฮาส์ที่จองไว้ ก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีbooking number ซึ่งจองผ่านเวปอโกด้าให้พนักงานดูพร้อมพาสปอร์ต ก็เรียบร้อย ฉันไม่รอwelcome drink และขนมอะไรทั้งนั้น ฝากเป้แอบไว้ข้างเคาเตอร์ เอาแต่เป้ใบเล็กติดตัวรีบวิ่งไปขึ้นพระธาตุภูสีเพื่อดูพระอาทิตย์ตกก่อน ซึ่งความงดงามของพระอาทิตย์ตอนที่หล่นลงแอบซบแม่น้ำโขงนี้ ใครไปหลวงพระบางห้ามพลาดโดยเด็ดขาด และจุดที่จะดูได้สวยแบบ360องศานั้น ก็ต้องวิ่งขึ้นไปบนภูเขากลางเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุภูสีนี่แหละ ถือว่าเยี่ยมที่สุด แต่ต้องแย่งเบียดกับฝรั่งตัวโตๆนะ เพราะแต่ละวันจะมีคนขึ้นไปเยอะมาก จนแทบจะไม่มีที่ยืนเลยล่ะ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมฉันถึงได้วิ่งหน้าตั้งขึ้นไปรีบจองพื้นที่ก่อนใครอื่น อ้อ ..ทุกครั้งที่ขึ้นไปบนพระธาตุต้องจ่ายค่าเข้าสองหมื่นกีบนะคะ ประมาณแปดสิบบาทค่ะ เกินคุ้มจริงๆกับการยืนดูความสวยงามของทั้งวิวแม่น้ำโขง ทั้งพระอาทิตย์ตกและเมืองหลวงพระบางจากมุมสูง มืดค่ำแล้วจึงค่อยลงมาจากพระธาตุภูสี ซึ่งตรงลานถนนข้างล่างจะจัดเป็นตลาดมืด โดยมองลงมาเห็นร่มสีสันสวยงาม ของที่ขายก็คล้ายกับเชียงใหม่บ้านเรา คือพวกผ้าทอมือ หมวก และเหล้าต่างๆ ซึ่งที่ลาวนี่เขาหมักเหล้าขายกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายค่ะ และวางขายอยู่ทั่วไป ฉันเดินดูของเสร็จก็เข้าซอยเล็กๆที่ขายอาหาร ลองกินปลาแม่น้ำโขงย่าง กับส้มตำหลวงพระบางตามด้วยเบียร์ลาว แซ่บสุดๆจริงๆค่ะ แล้วก็เดินกลับที่พัก ถามน้องพนักงานว่าพรุ่งนี้จะไปถ่ายรูปตักบาตรข้าวเหนียวตรงไหนดี และขอให้บอกทางเดินเพื่อไปลงเรือเที่ยวล่องน้ำโขง ซึ่งใครมาหลวงพระบางแนะนำให้เที่ยวดูวิถีผู้คนริมน้ำโขงนะคะ ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ ตื่นเช้าแต่งตัวเสร็จรีบไปหาจุดที่น้องเขาบอกว่าถ่ายรูปสวยค่ะ ประมาณตีห้าครึ่งซึ่งก็ยังมืด พระก็เริ่มเดินเป็นแถวมารับข้าวเหนียว ผู้คนปูเสื่อแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมผ้าสไบเฉียง ถือกระติ๊บพร้อมมืออีกข้างปั้นข้าวเหนียวใส่บาตร มองดูช่างงดงามจริงๆ หลังจากใส่ข้าวเหนียวเสร็จ ผู้คนก็นำกับข้าวตามไปถวายพระในวัดค่ะ ฉันเดินตามเณรน้อย เห็นเณรโยนข้าวเหนียวให้กับคนที่เอาถาดมารออยู่ข้างทาง ช่างเป็นการแบ่งปันที่สวยงาม รีบเดินกลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วเดินแกมวิ่งไปท่าเรือ ซื้อตั๋ว65,000 กีบ เป็นเรือรวมค่ะ ไปร่วมกับคนอื่นอีกห้าคน เขาจะแจกหมายเลขให้ แล้วเรียกลงเรือตามหมายเลข ใครมาก่อนได้ลงก่อน เรือฉันมีฝรั่งสูงวัยสองคู่และฉันคนเดียว เรือก็ออกเลยเพราะหาคนที่มาคนเดียวไม่ได้อีก คนอื่นเขามาเป็นกลุ่มและเป็นคู่หมด วิวสองข้างทางงดงาม วิถีชีวิตผู้คนริมน้ำโขงที่นี่ยังย้อนยุคกว่าบ้านเรามาก บางช่วงก็จะเห็นช้างลากซุงอยู่ริมตลิ่ง เรือแล่นไปสักพักก็จะเห็นสะพานที่กำลังสร้างทั้งทางถนนและทางรถไฟ ข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งสร้างมาจากเมืองจีนและผ่านหลวงพระบางไปเชื่อมกับเวียงจันท์เข้าไทย ก็ใจหายเหมือนกันนะ เมื่อสร้างเสร็จผู้คนคงหลั่งไหลเข้าเมืองมรดกโลกนี้กันอย่างล้นหลาม เรือพาพวกเราแวะชมหมู่บ้านทอผ้า หมู่บ้านทำเหล้า ซึ่งก็มีของขายราคาถูกให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกัน แล้วก็ก็ไปถ้ำติ่ง ซึ่งมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับศาสนามาอย่างยาวนาน ข้างในถ้ำมีพระพุทธรูปสวยงามและคงไว้ซึ่งความขลังและศักดิ์สิทธ์ จากการเป็นสถานที่ที่เคยผ่านพิธีกรรมทางศาสนา บ่ายสองเรือก็พาเรากลับมาส่งตรงท่าเรือที่เดิม พวกกลุ่มเราห้าคนเริ่มสนิทกันแล้ว เลยหาเช่ารถไปเที่ยวต่อที่น้ำตกตาดกวางสี เป็นน้ำตกที่สวยและน้ำใสมาก เหมือนสวรรค์กลางป่าหลวงพระบาง บรรยากาศสดชื่นมากๆ พวกเราดื่มด่ำกับบรรยากาศจนใกล้ค่ำ แล้วจึงเดินทางกลับ ฉันจะค่อยๆใช้ชีวิตอย่างช้าๆที่นี่ ยังมีอีกหลายสถานที่ให้เราเยี่ยมชม พรุ่งนี้วางแผนไว้แล้วว่าจะเดินเที่ยวตลาดเช้าแล้วต่อด้วยพิพิธภัณฑ์ แล้วไหนยังมีความงดงามของวัดอีกมากมายหลายวัด ฉันต้องการเก็บเกี่ยวความสุขจากเมืองมรดกโลกนี้อย่างละเมียดละไม ไว้จะมาเล่าเรื่องอื่นๆอีกนะคะ ภาพทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ