ใครจะคิดว่าศัตรูพืชตัวฉกาจอย่างหอยทาก ทุกวันนี้กลับกลายเป็นที่ต้องการของตลาดความงามระดับโลก เพราะเจ้าหอยทากมีน้ำเมือกสุดอัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้มันมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการซ่อมแซมรักษาตัวมันเอง น้ำเมือกของมันยังมีประโยชน์ต่อวงการสกินแคร์ทั่วโลก เรียกได้ว่าผลิตภัณฑ์ความงามสมัยนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบำรุงผิว ล้วนแล้วแต่โฆษณาว่ามีส่วนผสมของสารสกัดจากเมือกหอยทากด้วยกันทั้งนั้น รูปภาพโดย eden5 จากเว็บไซต์ Unsplash : https://unsplash.com/photos/HfBoElgqVAM ความจริงนักวิทยาศาสตร์เริ่มมีความสนใจในคุณสมบัติของน้ำเมือกหอยทากมานานกว่า 60 ปี จากการวิจัยแล้วพบว่าน้ำเมือกหอยทากมีเอนไซ์ที่เป็นประโยชน์หลายชนิด มีคอลลาเจน อมิโนแอซิด และโปรตีนเข้มข้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีสรรพคุณในการรักษาด้านผิวหนังด้วยกันทั้งสิ้น ในประเทศฝรั่งเศสมีการบริโภคหอยทาก ชาวนาที่เลี้ยงหอยทากส่งตามภัตตาคาร สังเกตพบโดยบังเอิญว่า จากการสัมผัสหอยทากทุกวัน มือของเขานุ่มลื่น ไม่แห้งกร้าน ต่างกับตอนที่เขาทำไร่ข้าวสาลี แม้ว่าจะทำงานเป็นเกษตรกรเหมือนกันก็ตาม รูปภาพโดย eden5 จากเว็บไซต์ Unsplash : https://unsplash.com/photos/6-pcQrF0doI เมื่อได้รับการวิจัยทดลองว่าเมือกหอยทากมีสรรพคุณที่เป็นมิตรต่อการดูแลผิวพรรณ เมือกหอยทากจึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นในตลาดความงาม แม่แต่ในประเทศไทยเอง จากที่หอยทากเคยเป็นศัตรูพืชในนาข้าว ไม่เป็นที่ถูกใจของเกษตรกรนัก แต่ปัจจุบันมีการเลี้ยงหอยทากป้อนตลาดความงามเป็นอาชีพ ตลาดส่งออกที่สำคัญของเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยทากชาวไทยคือเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเลี้ยงหอยทากประมาณ 1,000 ตัว สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรกว่า 20,000 บาทต่อเดือน รูปภาพโดย summa จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/31VxDJ6 นอกจากสรรพคุณที่ดีต่อผิวหนังแล้ว เมือกหอยทากยังมีสรรพคุณในการรักษาระบบหายใจ แก้คัดจมูก ทำให้หายใจโล่ง นอกจากนี้ยังนำมาสกัดใช้เป็นยาชาเฉพาะจุด สมานแผลไฟไหม้ได้ดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็สามารถที่จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณที่มีส่วนประกอบจากเมือกหอยทากได้เช่นเดียวกัน เพราะในทางการแพทย์วิจัยแล้วว่าเมือกหอยทากสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ช่วยทำให้ผิวเต่งตึง กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง และที่สำคัญผลิตภัณฑ์เมือกหอยทากไม่ได้มีราคาที่สูงจนเกินไป สามารถซื้อหามาใช้กันได้ไม่ยาก ประโยชน์ดีราคาโดนแบบนี้ เมือกหอยทากคงฮิตติดเทรนด์ตลาดความงามทั่วโลกได้อีกนาน รูปภาพหน้าปกโดย pixel2013 จากเว็บไซต์ Pixabay : https://bit.ly/2tWStLo