ความงามของอัปสรายังตราตรึง ปราสาทซึ่งสร้างด้วยกินทรายสีชมพู กำแพงสามชั้นคูน้ำล้อมรอบ สุดยอดของปราสาทที่ไม่เหมือนใคร เมื่อได้เข้าชมต้องตะลึงในศิลปะอันวิจิตร เป็นอีกครั้งที่ได้เขียนถึงปราสาทอันยิ่งใหญ่ในเมืองเสียมราฐ (เสียมเรียบ) ของประเทศกัมพูชา ที่เป็นที่เลื่องลือกันในศิลปะของปราสาทรูปแบบต่างๆ ในอดีตนั้นเสียมราฐเป็นเมืองใหญ่ สวยงามน่าอยู่ แต่ด้วยเหตุการณ์ในอดีตหลายอย่างจึงทำให้เมืองได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงพนมเปญ หนึ่งเดือนกับการอาศัยอยู่ เมื่อเสร็จจากการงาน การท่องเที่ยวจึงก่อเกิด เที่ยวเพื่อให้ได้เห็นและนำไปเล่าต่อในห้องเรียน สถานที่มีส่วนสำคัญในการอาศัยอยู่ในต่างประเทศเราต้องเรียนรู้และล่าประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นกำไรของชีวิต เพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หลังจากนี้เราจะได้กลับหวนมาสถานที่แห่งนี้อีกสักครั้งหรือไม่ ปราสาทนี้ที่กำลังจะนำมาเล่าอาจจะไม่เหมือนปราสาทอีกหลายที่ที่เราไปชมไปดู เพราะเป็นเพียงปราสาทเดียวที่เป็นหินทรายสีชมพู ในเรื่องของความสวยงามของนางอัปสรานั้น อัปสราที่ปราสาทบันทายศรีนั้นสวยกว่าที่นครวัด ด้วยความพิเศษของ คือปราสาทบันทายศรีนี้มีปรางค์ทั้งหมดสามหลัง มองดูแล้วมีความสง่างาม เปรียบเทียบราวกับผู้หญิงที่มีความสมบูรณ์แบบ การแกะสลักของปราสาทนี้มีความละเอียดอ่อน ชัดเจนมองดูแล้วสบายตา เพราะลวดลายที่วิจิตรและคมพริ้วไหวตะหวัดไปมาพริ้วสวยยิ่งมองยิ่งสวยงาม ปราสาทบันทายศรี ประวัติของปราสาทนี้ เป็นปราสาทที่เก่าแก่มีมานานแสนนาน ซึ่งไกด์ได้บอกว่าปราสาทนี้เป็นเพียงปราสาทเดียวที่มีการสร้างปราสาทโดยการใช้ดินทรายสีชมพูและอิฐที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม นอกจากนั้นรอบบริเวณของปราสาทนี้จะมีคูน้ำล้อมรอบ พระปรางค์ทั้งสามนั้นหันไปทางทิศตะวันออก ปรางค์ตรงกลางนั้นมีการประดิษฐาน องค์ศิวลึงค์ ศิวลึงค์ในศาสนาเชื่อว่าคือตัวแทนของเพศชาย นั่นคือพระศิวะ ต่อมาคือปรางค์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือได้สร้างขึ้นมาเพื่อถวายให้กับพระวิษณุ และมาในปรางค์สุดท้ายที่ได้สร้างทางด้านทิศใต้ และเพื่อถวายให้กับพระพรหม การสร้างคูน้ำล้อมรอบ ตามหลักของการรักษาตัวของปราสาท หรือการป้องกันข้าศึก คูน้ำล้อมรอบนั้นทำให้ด้านในของปราสาทมีความชุ่มชื่นและในปราสาทบันทายศรีก็เหมือนกัน ได้สร้างในพื้นที่ราบเล็กๆ มีคูน้ำล้อมรอบตัวของปราสาทไว้ ความงามของการวาดลวดลาย ปราสาทนี้มีความสวยงามและโดดเด่นเป็นอย่างมาก รูปร่างขอบปราสาทนี้มีรูปร่างเพรียวบาง การออกแบบนั้น มีการวาดลวดลายได้ลงตัวที่สุดและพอวาดลงไปในแผ่นหินสีชมพู ยิ่งทำให้ลวดลายคมเข้มสวยชนิดที่ว่ายิ่งมองยิ่งหลงใหล ความพิเศษของปราสาทนี้ ปราสาทนี้ถ้าเรามองไปที่ประตูนั้นด้านบน เราจะเห็นการสลักเรื่องราววรรณคดี ซึ่งเป็นเรื่อง รามเกียรติ์ หน้าประตูเป็นภาพสลักที่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างน่าทึ่งและมีความสวยงามมากกว่าปราสาททุกหลัง ปราสาทนี้มีระยะเวลาอายุมากกว่าชั่วอายุคน ตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งคนที่สร้างนั้นคือพราหมณ์ที่มีชื่อว่า ยะชะวะราหะ สร้างอุทิศให้กับศาสนาพราหมณ์ รอบๆปราสาทนั้นจึงมีนางอัปสรามากกว่า 1500 องค์ พื้นที่ของปราสาทนั้น เราสามารถเดินเข้าไปด้านในได้อย่างสบายใจ เพราะว่าในส่วนของตัวหลังคานั้นเปิดโล่ง ยิ่งเดินเข้าไปจะยิ่งมองเห็นความสวยงามของอิฐที่เป็นลักษณะของทรงสี่เหลี่ยมเรียงกัน จัดไว้อย่างสวย ก่อนที่เราจะเดินเข้าประตูทุกที่ จะต้องระวังการก้าวข้ามธรณีของประตู ห้ามเหยียบ ซึ่งปราสาทนี้มีให้เห็นอยู่หลายที่ เพราะฉะนั้นเวลาที่เรานั้นก้าวเดินให้มองด้านล่างด้วย ความชอบส่วนของ ปราสาทบันทายศรี ในหลายๆ ปราสาทที่เดินชมมานั้น ไม่ค่อยได้สนใจเพราะมันดูเหมือนๆกันหมด แต่พอมาเดินเข้าชมปราสาทนี้ ชอบแรกคือ พื้นที่ของปราสาทนี้ไม่ค่อยกว้างขวาง ไม่ต้องออกแรงเดินรอบและมีเรื่องราวเล่าก่อนที่จะเข้าประตู เมื่อเดินมาถึงก็จะยืนฟังบรรยายเรื่องราวลวดลายที่แกะอยู่ด้านบนของประตู การแกะสลักที่ไม่เหมือนการแกะบนหิน แต่เป็นการแกะสลัก ที่มีลักษณะเหมือนการแกะสลักเงินบนทองแดง การเดินเข้าด้านในสักพักก็เดินรอบ ถึงจะเล็กแต่ความรู้แน่นสำหรับปราสาทนี้ ฟังจากศิลปะการสร้าง นั้นเป็นสถาปัตยกรรมแบบบันทายศรี ศิลปะของปราสาทเองไม่เหมือนปราสาทอื่น ปราสาทนี้ถ้าเราเดินทางออกมาจากเมืองเสียมเรียบ จะอยู่ห่างกันประมาณ 39 กิโลเมตร ปราสาทนี้ถ้าเรามองในรูปนั้นจะเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ เพราะพื้นที่โดยรอบนั้นมีต้นไม้ขึ้นล้อมรอบทำให้ร่มรื่น และในปราสาทนี้ยังมีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบตัวปราสาทนี้หนาถึงสามชั้น เรียกได้ว่าแข็งแรงทนทาน และนอกจากนั้นยังมีแผ่นหินศิลาแลงปูลาดยาวไปทางทิศตะวันออก ถ้าเดินตามไปเรื่อยๆ ก็จะพบโคปุระที่แกะสลักอย่างประณีต ตอนที่เดินไต่ศิลาแลงไปนั้นมีความสุขมากเพราะความรู้สึกที่ได้เดินบนแผ่นหินศิลาแลงดูเหมือนว่าได้เข้าไปในโลกอดีตย้อนรอยไปในสมัยนั้น เราคงยังเป็นฝุ่นอยู่แน่นอน ที่กองกระจัดกระจายอยู่นี้ทางไกด์บอกว่าเป็นแผ่นหินศิลาแลงที่ยังหาที่ลงไม่ได้ อยู่ในขั้นตอนของการสำรวจ และหาที่ของมันจึงพากันมานอนเรียงไว้ ซึ่งสังเกตดูหินแต่ละก้อนคือใหญ่และหนามากถ้าจะยกคงจะต้องเป็นเครื่องทุ่นแรงช่วย คนคงไม่ไหว ป้ายบอกสถานที่ต่างๆ สำหรับคนที่สนใจ มุมตรงนี้ที่มีการถ่ายไว้เพราะความชอบส่วนตัว เพราะในการเดินชมปราสาทนั้นมีไกด์นำทาง ไม่หลงแน่นอน ไม่ต้องดูป้ายเดินตามไกด์แวะถ่ายภาพก็หมดเวลาเที่ยวชมแล้ว ตรงปราสาทนี้เข้าชมตอนไหนได้หมด แต่ถ้าจะให้ดี ตอนสายๆบ่ายๆเพราะว่าถ้าเราไปในตอนเย็นอาจจะได้เที่ยวในเวลาน้อย และยุงอาจจะเริ่มออกมาหากิน เพราะมีป่าต้นไม้ขึ้นหนาตา แผ่นจารึกด้วยตัวอักษร แผ่นใหญ่ที่วางไว้ก่อนเดินเข้าประตูปราสาท ตอนนั้นไกด์อ่านให้ฟัง แต่จำไม่ได้ถึงเนื้อความ แต่ชอบเพราะตัวหนังสือในการจารึกสวยงามและน่าอ่าน แม้จะอ่านไม่ออก ตัวอักษรเหล่านี้หาคนที่อ่านออกได้ยาก เพราะในปัจจุบันของสังคมกัมพูชาปัจจุบันไม่ค่อยมีใครเรียนในการอ่านอักษรโบราณมากนัก เพราะเป็นการเรียนที่ต้องใช้ความพยายามเป็นที่สุด เด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก เพราะถามจากนักศึกษาไม่มีใครอ่านออก ตรงนี้เราจะเห็นหินสี่เหลี่ยมวางไว้ชัดเจนมากซึ่งก็มีการแตกหักบ้างเล็กน้อย ข้อห้ามในการเข้าชมปราสาท สิ่งแรกที่เวลาเราไปเดินชมปราสาทเก่าที่ต้องพึงระวังให้มาก อันดับแรกคือป้ายเตือน เราต้องสังเกตป้ายและอ่านมากหน่อย เพราะถ้าหากว่าเรานั้นพลาด อาจจะเป็นอันตรายมาถึงตัวเอง อย่างป้ายห้ามจับ เวลาที่เราไปเที่ยวปราสาทเชื่อว่าสิ่งแรกที่เราต้องอดทนคือทนเหนื่อยในการเดินในการยืน ซึ่งเวลาที่ยืนนั้นอาจจะใช้หลังพิง เราต้องอ่านว่าจับได้ไหม แตะได้ไหม เพื่อความปลอดภัย อย่างที่สองคือ ปราสาทหินส่วนมากจะมีข้อห้ามคือ ห้ามสูบบุหรี่เพราะเป็นกฏในเวลาที่เราเข้าชมปราสาททุกที่เพราะเนื่องด้วยคนชมจำนวนมากหนึ่ง และปราสาทก็เป็นปราสาทเก่าแก่ เราควรให้การเคารพในสถานที่ด้วย การแต่งกายนั้นเน้นไปในทางสุภาพเรียบร้อย ไม่นุ่งน้อยห่มน้อย เพราะสถานที่แห่งนี้ในอดีตนั้นก็คือวัด การแต่งตัวไปวัดเราก็ต้องให้เหมาะสมกับความรู้ของเราด้วย รองเท้าก็ควรสวมใส่คู่ที่แข็งแรงและมิดชิดง่ายต่อการเดินบนหิน ปราสาทอยู่คู่กับความงาม ความเป็นมาของทุกยุคทุกสมัย เมื่อเราได้มีโอกาสได้เดินทางมาย้อนรอย และหลงรักหรือรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เราเองอาจจะเคยอยู่ตรงนี้มาอาจจะชาติใดชาติหนึ่งก็เป็นได้ ประวัติศาสตร์งดงามเสมอ ทำให้เราได้ค้นพบประวัติและความเป็นมาของคนในสมัยนั้น การเที่ยวทำให้เรามีความสุข แต่ถ้าเราเที่ยวแล้วเราได้ความรู้ด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นกำไร เดินทางออกมองโลกภายนอกบ่อยๆ เราจะเข้าใจโลก และเข้าใจตนเองมากขึ้นภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”