#หีบหาย(ป่วย) ย้อนออีตสู่ปัจจุบัน “อู่ฮั่น” ไวรัสมรณะ 2020 หากจะกล่าวถึงเรื่องความเจ็บความป่วยที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เราแล้วนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาแล้ว ไม่มากก็น้อย ทั้งอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ เจ็บออดๆ แอดๆ กระทั่งเป็นโรคร้ายแรง แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็จะผ่านมันไปได้ หากวันเวลาทำหน้าที่เป็นตัวเร่งช่วงเวลาการพัฒนาต่างๆ ให้ก้าวไกล ใครจะเชื่อ ว่าโรคเอดส์ที่ใครก็ต่างบอกว่าแค่เป็นก็ตายไปแล้วเกินครึ่ง...จะมียาต้านในปัจจุบัน แม้กระทั่งโรคมะเร็ง ปัจจุบันก็ยังพบว่ามีการรักษาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างล้นหลาม รวมทั้งการใช้กัญชาในการรักษาร่วม ส่งผลให้ในหลายโรงพยาบาลนั้นเริ่มมีคลินิกกัญชาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้วอีกทางหนึ่ง ท้ายที่สุด การไม่มีโรคคงจะเป็นลาภที่แสนประเสริฐกว่าสิ่งใดทั้งหมด ไม่มีใครหรอกที่จะใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตเพื่อพิชิตโรคร้ายที่ไม่เคยต้องการ ดังนั้น การรักษาตัวและสุขภาพคงเป็นสิ่งแรกที่สำคัญในยุคปัจจุบันที่อะไรๆ ก็แย่ไปหมด ทั้งค่าฝุ่น PM2.5 ที่กำลังทำร้ายประชาชนชาวไทย หรือแม้กระทั่งโรคระบาดตัวร้ายอย่าง “ไว้รัสอู่ฮั่น” หรือ “โคโรน่า” ที่เริ่มระบาดไปทั่วโลกโดยมีจุดกำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ทำให้โลกทั้งใบเกิดความวูบไหวอย่างหนักหน่วง และเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไวรัสมรณะนี้ก็ทำติดต่อไปมากมาย มีผู้ติดเชื้อแล้วหลายหมื่นคน และผู้เสียชีวิตก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆ นาที...แม้กระทั่งตอนที่ท่านกำลังอ่านบทความนี้เช่นกัน ก่อนที่จะมาทำความรู้จักกับไวรัสมรณะอู่ฮั่น ผมขอย้อนเรื่องราวเสียหน่อย เพื่อให้ทุกท่านได้ย้อนเรื่องราวไป ว่าในอดีตนั้น โลกของเราเคยเจอกับไวรัสมรณะหรือโรคระบาดอะไรมาบ้าง ขอบคุณภาพประกอบจาก https://unsplash.com/photos/u6OnpbMuZAs หากต้องย้อนกลับไปตั้งแต่อดีตกาล โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนมหาศาล ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนในยุโรปนับแสนๆ คนก็คงจะเป็น “กาฬโรค” ตามมาติดๆ กับ “อหิวาตกโรค” ที่เราเคยได้พบเจอกันในละครพีเรียด หรือที่คนไทยเรียกว่า “โรคห่า” นั่นเองครับ ซึ่งโรคห่านี้เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 พูดได้เลยว่าในช่วงเวลานั้น ชีวิตที่สูญเสียแค่ในไทยน่าจะอยู่ที่หลักหมื่นคน ตายกันแบบเผาศพไม่ทันเลยละครับ และก็นับว่าเป็นโรคที่อันตรายอยู่กระทั่งปัจจุบัน และอีกครั้งหนึ่ง ที่เกิดโรคระบาด อันเป็นความร้ายแรงมากที่สุดของมวลมนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นคือโรคหวัดใหญ่สายพันธ์ H1N1 ที่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายสงคราม ณ ขณะนั้นทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นประวัติกาลนับสิบๆล้านคนครับ แต่ถ้าหากผมพาย้อนไกลไปจนอาจจะดูน่าเบื่อ ถ้าอย่างนั้นจะพาตัดกลับมาที่ช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เราได้รู้จักกับไข้หวัดสายพันธ์มรณะ หรือโรคซาส์ ที่ในขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อร่วมหมื่นและล้มตายไปเกือบพันชีวิตครับ และโรคไข้หวัดหมู หรือหวัด 2009 ที่ทำให้โ,กของเราตื่นตระหนกกันอักระลอก เพราะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นรายครับ วันเวลาทำให้เราผ่านพ้นโรคต่างๆ มาอีกมากมาย ทั้งไวรัส เมอร์ส ไวรัสปอลิโอ และไวรัสซิการ์ ในปี2559 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอยู่ประมาณสองพันคน... ขณะนี้โลกของเราก็ได้พบกับไวรัสตัวใหม่ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ระบบการรักษาทั่วโลกได้ตื่นตัวอีกครั้ง หลังจากการแพร่ระบาดที่กระจายอย่างรวดเร็ว และน่ากลัวที่สุดอีกชนิดหนึ่ง...นั่นคือไวรัสโคโรน่า หรือไวรัส “อู่ฮั่น” ที่ตั้งชื่อตามเมืองที่เป็นจุดกำเนิดของไวรัสชนิดแพร่กระจายนี้ครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก https://unsplash.com/photos/LiNIONbajm4 ไวรัสโคโรน่า นั้นมีกระแสมากมายกล่าวถึงว่า มีจุดกำเนิดจากเชื้อที่มาจากการทานอาหารแปลกๆ ของชาวจีน ที่ทานค้างคาวหรืออื่นๆ โลกทั้งใบจึงพุ่งประเด็นหลักตรงไปที่ตลาดขายของสดที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ผู้ป่วยรายแรกนั้นเกิดอาการติดเชื้อตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม ปีพ.ศ. 2562 โดยมีอาการไอ ไข้สูง คอแห้ง ผลการรักษาปรากฏว่าเกิดจากการติดไวรัสที่ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ทำให้ทางองค์กรอนามัยโลก ระบุชื่ออาการนี้ในเบื้องต้นว่า “โรคปอดอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ” แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็เริ่มมีการแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในทุกๆ ภาคส่วนต้องเร่งค้นหาว่าอาการประหลาดนี้คืออะไรกันแน่ ท้ายที่สุดก็พบว่ามันคืออาการติดเชื้อไวรัส และเชื้อที่ว่านี้ก็คือ “เชื้อโคโรน่า ไวรัสสายพันธ์ใหม่” เชื้อไวรัสนี้แพร่ระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงปลายปี ข้ามปีมาถึงช่วงตรุษจีน โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่ชาวจีนมักเดินทางกลับบ้านเกิด ทำให้เกิดการขยายวงกว้างในการระบาดมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และที่น่าสะพรึงกลัวไปกว่านั้น คือเชื้อไวรัสโคโรน่านี้แพร่ระบาดไปยังหลายประเทศแล้ว แน่นอนว่าประเทศไทยของเรานั้นก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชาชนติดเชื้อมากเป็นอันดับต้นๆ ครับ ค้างคาว...ตัวร้าย ? ขอบคุณภาพประกอบจาก https://unsplash.com/photos/TomNEOzcGWk จากข่าวที่แพร่กระจายไปนั้น ว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ไวรัสชนิดนี้เกิดจากค้างคาว...และมันทำให้ไวรัสนี้ติดต่อมายังมนุษย์และแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าหายนะใหญ่ของโลกก็ว่าได้ ซึ่งความจริงแล้ว ค้างคาวนั้นเป็นสัตว์ที่มีการใช้ชีวิตแปลกประหลาด แถมยังมีเชื้อโรคต่างๆ อยู่กับตัวอยู่แล้ว ด้วยทั้งสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบต่างๆ หากแต่ที่สัตว์พวกนั้นไม่เคยป่วยก็คงเพราะว่าเกิดวิวัฒนาการด้านภูมิต้านทานเพื่อให้สามารถมีชีวิตได้ ซึ่งเป็นวัฒนาการที่เกิดมาคู่กัน แต่เพราะเกิดการระบาดนี้ขึ้นในมนุษย์ที่รับประทานมัน จึงทำให้อุปสรรคคือเรื่องภูมิต้านทานที่ไม่อาจจะทัดทาน ทำให้เกิดเป็นการติดเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าว และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว...ท้ายที่สุด ก็ยังคงมีคำถามอยู่ คนร้ายตัวจริงคือค้างคาวแน่หรือ ? ถึงการวิจับเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโลกในตอนนี้จะยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ว่ามาจากสัตว์ชนิดไหนที่เป็นภาหะ ทว่าท้ายที่สุดแล้ว จุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายนี้...มันเริ่มจากการกินเสียมากกว่าอะไรทั้งหมด และแม้ โรคโคโรน่าจะเป็นไวรัสที่ดูปัจจุบันทันด่วน และยากต่อการรับมือ ทว่าความจริงแล้วนั้นเราทุกๆ คนก็สามารถรับมือกับมันด้วยการดูแลรักษาสุขภาพเริ่มต้นที่ตัวเอง เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้นี่เอง ที่ช่วยให้โลกแตกตื่นและตระหนกว่ายังมีความเลวร้ายที่ไม่รู้จักอีกมากมายที่พร้อมจะทำลายมวลมนุษย์ชาติ...หากเราเลือกจะทำร้ายธรรมชาติ แต่ก็เป็นข่าวที่น่ายินดี ที่ทุกๆ ภาคส่วนนั้นร่วมมือกันปกป้องและป้องกันเกี่ยวกับโรคนี้อย่างเต็มที่ ทั้งที่ประเทศจีนซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากอันดับหนึ่ง ก็สร้างโรงพยาบาลเพื่อรองรับการรักษาและผู้ป่วยหลายพันหลายหมื่นคนในระยะเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ แม้กระทั่งในไทย คณะแพทย์ก็ได้คิดค้นการรักษาไวรัสชนิดนี้ด้วยตัวยาสองชนิด(คือยาต้านไว้รัสเอดส์ และยาไข้หวัดใหญ่) ซึ่งผลก็ออกมาแล้วว่าสามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างหายขาดภายในระยะเวลาอันวดเร็ว ทำให้ได้รับเสียงชมชอบจากนานาประเทศอย่างล้นหลาม แต่เดี๋ยวก่อนครับ...หากจะมัวมานั่งดีใจว่ามียารักษาแล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายขนาดนั้นนะครับอย่าริอ่านลองเป็นลองป่วยเชียวล่ะ ไม่ทันขึ้นมาก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้นะครับ อย่าลืมที่จะใส่ใจสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ดูแลสุขภาพและความสะอาดด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงหรือป้องกันตัวเองในจุดที่มีประชาชนพลุกพล่าน เป็นวิธีง่ายๆ พื้นฐานที่ทำให้เราทุกคนสามารถพ้นจากโรคมรณะนี้อย่างที่โลกของเราเคยผ่านมาครับผม... ขอบคุณรูปภาพจาก https://unsplash.com/photos/nF8xhLMmg0c ง่ายที่สุดก็คงจะเป็น “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ง่ายๆ แต่ได้ผลนั่นแหละครับ แต่สำหรับเมนูพิสดารต่างๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะครับ มันอาจจะไม่ใช่ยาอย่างที่คิดก็ได้ครับ... เพราะโรคนี้ยังมีอะไรน่ากินให้เราเลือกตั้งมากมาย... เริ่มต้นป้องกันด้วยวิธีพื้นฐานง่ายๆ ...แล้วเราจะผ่านวิกฤติไวรัสนี้ไปด้วยกัน เรียบเรียงโดย "น้องหีบ" ขอขอบคุณข้อมูลจากทุกช่องทางสื่อที่ได้ติดตามมาโดยตลอด