หุ้นกู้คืออะไร ทำไมเราถึงได้เห็นหลายๆบริษัทออกหุ้นกู้กันออกมาเรื่อยๆเลยในช่วงเวลานี้ และมันเหมือนหรือต่างจากเงินฝากธนาคารหรือไม่อย่างไร วันนี้เรามาคุยกันทีละประเด็นนะครับออกตัวไว้ก่อนว่าบทความนี้เขียนขึ้นด้วยความเข้าใจในแบบของผมเองที่ได้ทำการศึกษามาด้วยตัวเอง อาจจะมีข้อมูลหรือรายละเอียดยิบย่อยผิดพลาด ก็อยากจะขอโทษไว้ล่วงหน้าและรบกวนช่วยแก้ไขให้ด้วยในช่องแสดงความคิดเห็น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครับในข้อมูลนะครับเอาละครับมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าหุ้นกู้คืออะไร หุ้นกู้หากจะพูดกันอย่างง่ายๆก็คือ สัญญาการขอกู้ยืมเงินนั้นแหละครับ มันคือการที่บริษัทออกหุ้นกู้ต้องการกู้เงินจากคนทั่วไปเช่นเราๆ เพื่อนำไปขยายธุรกิจหรือใช้หนี้ต่างๆของบริษัทก็แล้วแต่กรณีๆไป โดยสมมุติว่าเราได้ตัดสินใจซื้อหุ้นกู้ชุดดังกล่าวแล้ว เราจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทที่ออกหุ้นกู้โดยอัตโนมัติแล้วทำไมช่วงนี้เราจะเห็นข่าวบ่อยๆเรื่องที่บริษัทหลายบริษัทออกหุ้นกู้ออกมากันละเรื่องนี้คงต้องบอกว่าเหตุผลหลักคงเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในอนาคตครับ ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มขึ้นดอกเบี้ยกันมาพักใหญ่แล้วไทยเราเองก็พึ่งขึ้นไป แถมแนวโน้มก็น่าจะมีการขึ้นอีกแน่นอน ดังนั้นบริษัทหลายๆบริษัทที่วางแผนต้องการใช้เงินในอนาคตอันใกล้นี้ จึงทยอยออกหุ้นกู้เพื่อเป็นการล็อกดอกเบี้ยเอาไว้ก่อนนั้นเองเราต้องเข้าใจก่อนว่าหุ้นกู้นั้นจะมีระยะเวลาที่ระบุในสัญญาชัดเจนว่ากี่ปีจึงจะคืนเงินต้นให้แก้เจ้าหนี้(ก็คือเราๆนั้นแหละ) และอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตามระบุในสัญญาเช่นกันว่าในระยะเวลานั้นจะจ่ายดอกเบี้ยที่เท่าไหร่และจ่ายกี่ครั้งต่อปี เพราะแบบนี้จึงทำให้การออกหุ้นกู้มาเหมือนกันล็อกดอกบี้ยไว้ไม่ให้ขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นการเซฟต้นทุนทางการเงินของบริษัทได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยโดยอัตราดอกเบี้ยจะมีอยู่หลายอัตราด้วยกันขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทโดยมีตั้งแต่3%-6%หรืออาจจะมากกว่านั้นแต่เดี๋ยวก่อนครับเราไม่ควรดูเพียงอัตราดอกเบี้ยเพราะแบบนั้นเท่ากับเราลงเงินไปโดยไม่คิด จริงๆโดยหลักแล้วเราควรจะคำนึงถึงว่าดอกเบี้ยยิ่งสูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกันในเรื่องของความเสี่ยงนั้นมาจากไหน ต้องบอกก่อนว่าการซื้อหุ้นกู้ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่มาคู่กับการลงทุนคงหนีไม่พ้นความเสี่ยง ความเสี่ยงของหุ้นกู้ก็คือการที่ลูกหนี้(บริษัทที่ออกหุ้นกู้)ผิดนัดชำระหนี้เรา อาจจะเพราะการดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ก็ได้มาถึงตรงนี้ทุกคนคงสงสัยว่าแบบนี้เราจะทำอย่างไรได้บ้าง อย่าตกใจไปครับ สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือการศึกษาแผนธุรกิจของบริษัทที่เราสนใจจะซื้อหุ้นกู้ ว่าเขาจะเอาเงินของเราไปทำอะไรบ้าง แบ่งสัดส่วนไปลงทุนอะไรที่ไหนยังไง จากนั้นให้ดูที่เรตติ้งบริษัทที่ออกหุ้นกู้ประกอบด้วย โดยแต่ละบริษัทจะมีการประเมินเรตติ้งจากบริษัทประเมินอยู่แล้ว เราสามารถดูได้เพราะเขาจะระบุไว้อยู่ในหน้าเสนอขายอยู่แล้วว่าเรตติ้งเท่าไหร่ มีอยู่หลายระดับซึ่งหาข้อมูลเพิ่มเอาเองได้ครับแต่เราจะสังเกตได้ว่าบริษัทไหนที่ให้ดอกเบี้ยสูงจะมาพร้อมกับเรตติ้งที่ตํ่า เรตติ้งตํ่ามากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าบริษัทมีโอกาสผิดนัดชำระเราได้เท่านั้นด้วยและเงินที่จะเอามาลงทุนในหุ้นกู้นี้ผมแนะนำว่าควรเป็นเงินเย็นแบบจริงๆ เพราะว่าเราจะได้รับเงินต้นคืนก็ต่อเมื่อครบสัญญาเท่านั้น โดยเราควรศึกษาให้แน่ใจอ่านรายระเอียดว่าด้วยเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่าเท่าไหร่ จ่ายทุกกี่เดือน และสัญญากี่ปี ก่อนที่เราจะตัดสิ้นใจลงเงินไปนะครับแล้วตัวหุ้นกู้นี้มีข้อดีอย่างไร หุ้นกู้ไม่เหมือนหุ้นธรรมดาที่ราคาผันผวนมีขึ้นๆลงๆ แปลว่าเราไม่ต้องมานั่งกังวลกับราคาของมันเลย แถมเรายังสามารถคำนวนได้ง่ายๆว่าหลังจากครบสัญญาเราจะได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ยกตัวอย่าง หุ้นกู้ของบริษัทA รายละเอียดคร่าวๆคือ ระยะสัญญา5ปี ดอกเบี้ย4%ต่อปี จ่ายทุกๆ3เดือน หลังจากอ่านรายละเอียดแล้วพร้อมกับการดูอันดับเรตติ้งของบริษัทอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมติดสินใจซื้อด้วยเงิน100,000บาท นั้นแปลว่าดอกเบี้ยที่ผมจะได้รวมทั้งหมดในอีก5ปีข้างหน้าก็คือ 20,000บาท จากเงินลงทุน100,000บาทนั้นเอง อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงได้รู้จักหุ้นกู้กันมาพอสมควรและคงรู้แล้วว่าหุ้นกู้นั้นต่างจากเงินฝากอย่างไร ผมคงไม่ต้องอธิบายเสริมอะไรมากมายแต่ก่อนจะจากกัน ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงศึกษาให้เข้าใจ และยอมรับผลที่อาจจะตามมาให้ได้ ก่อนจะลงเงินของคุณนะครับขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้ สวัสดีครับ เครดิตภาพ ขอบคุณภาพจากภาพปก kalhh / pixabayภาพที่1 Ralphs_Fotos / pixabayภาพที่2 nattanan23 / pixabayภาพที่3Maklay62 / pixabayภาพที่4 Bru-nO / pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์