อื่นๆ

อยาก stay motivated ต้องลอง routine นี้!! (ฉบับตื่นเช้าแต่ไก่โห่//ตี 5.15 น.)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อยาก stay motivated ต้องลอง routine นี้!! (ฉบับตื่นเช้าแต่ไก่โห่//ตี 5.15 น.)

สวัสดีค่า วันนี้กลับมาพบกับเราอีกครั้งนะคะ (เฮ//เสียงปรบมือ) และสำหรับบทความในวันนี้ของเรานั้นค่อนข้างที่จะดูตึงๆไปสักหน่อยนะคะ (จริงๆก็ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น5555) ว่ากันด้วยเรื่องหมดไฟในการทำสิ่งต่างๆ จริงๆมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วค่ะที่เราจะรู้สึกหมดไฟเวลาที่เราทำสิ่งนั้นเป็นเวลานาน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดได้กับทุกคนเลยค่ะ (เราก็เคยเป็นเหมือนกันค่ะ) คือมันจะรู้สึกไม่อยากทำอะไรเลยในแต่ละวัน อยากจะนอนเล่นไถโทรศัพท์หรือนอนเปื่อยๆอยู่แบบนั้น พอมันเกิดขึ้นได้ มันก็หายไปได้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่าตอนที่เราฮึดกลับมาอีกครั้งมันอาจจะฝืนตัวเองไปสักนิด แต่หลังจากนั้นมันจะติดจนเป็นนิสัยแน่นอนค่ะ ซึ่ง routine ที่เรานำมาเสนอให้กับทุกคนในวันนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบตื่นนอนเช้ามากๆ ไปจนถึงช่วงสายๆก็ไม่ว่ากันค่ะ สามารถปรับเปลี่ยนกันได้ เพราะแต่ละคนมีช่วงเวลาเข้านอนและลักษณะการทำงานที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นแล้วสามารถนำไปปรับเปลี่ยนตามใจชอบได้เลยค่ะ^^

Advertisement

Advertisement

ในช่วงแรกๆอาจจะรู้สึกฝืนหรือไม่เต็มใจที่จะทำสักเท่าไหร่ค่ะ เพราะช่วงเริ่มต้นมักจะยากเสมอ เราเลยใช้กฏ 21 วันในการสร้างกิจวัตรประจำวันใหม่ให้กับตัวเองค่ะ คือเวลาเราทำอะไรติดต่อกันเป็นเวลา 21 วันแล้วมันจะติดเป็นนิสัยเราไปโดยธรรมชาติเลยค่ะ  ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุยกันเลยค่ะ!!

1. เก็บที่นอน

หลายๆคนอาจจะมองข้ามสิ่งเล็กๆนี้ไป แต่หารู้ไม่ว่าการเก็บที่นอนทันทีหลังตื่นนอนเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เราทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันได้นะคะ ดูจะเป็นเป้าหมายเล็กๆ แต่ถ้าเราทำได้เราจะรู้สึกมีแรงฮึดทันทีเลยค่ะ!

2. ดื่มน้ำหลังตื่นนอน

หลังจากเก็บที่นอน ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วนะคะ เนื่องจากว่าร่างกายของเราไม่ได้รับน้ำเลยตลอดเวลาที่เรานอนหลับ ทั้งยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายและการขับถ่ายของเราด้วยค่ะ

Advertisement

Advertisement

เหยือกน้ำและแก้วน้ำภาพจาก: GLOBENCER / Unsplash

3. ออกกำลังกาย

ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่าตอนแรกเราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบออกกำลังกายเลยค่ะ (แบบไม่ชอบมากๆๆ) โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกเหนื่อยมากๆหรือเหงื่อออกเยอะค่ะ จนกระทั่งปีที่ผ่านมา (คือปี 2020 นี่แหละค่ะ555) เราท้าทายตัวเองด้วยการเริ่มต้นออกกำลังกายค่ะ แล้วจะบอกว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเกินคาดมาก คือร่างกายเราแข็งแรงขึ้น จะยกอะไรก็ไม่ได้หนักมาก (สำหรับของไม่หนักมากนะคะ ถ้าหนักมากๆอย่ายกค่ะ ถูๆไถๆไปตามพื้นเดี๋ยวก็ถึงที่ค่ะ555) ร่างกายโปร่งโล่งสบาย ไม่เป็นหวัดง่ายด้วยนะ!

https://pixabay.com/images/id-2054729/ภาพจาก: tacofleur / Pixabay

4. อ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 30 นาที

สามารถเลือกหนังสือที่ชอบ แนวที่ใช่ อ่านได้เลยค่ะ แต่ส่วนตัวเราอ่านพวกแนวจิตวิทยา, ประวัติศาสตร์ แล้วก็ self-improvement ค่ะ เราอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเองแถมยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยนะคะ

Advertisement

Advertisement

อ่านหนังสือภาพจาก: Fabiola Peñalba / Unsplash

5. หาความรู้เพิ่มเติม เช่น อ่านตำราเรียน หรือ หา course เรียนที่เราสนใจ

ความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดและไม่มีวันสิ้นสุดค่ะ ลองหา course เรียนที่เราชอบหรือหนังสือที่เพิ่มพูนทักษะความรู้ในสาขาที่เราเรียนมาลองอ่านดูค่ะ จะยิ่งทำให้เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆยิ่งๆขึ้นไป รับรองคุ้มค่ากับการอ่านแน่นอนค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าอ่านยาวๆติดกัน 2 ชั่วโมงอะไรแบบนี้นะคะ ควรจะอ่าน 45 นาทีแล้วพักสัก 10 นาที แบบนี้จะทำให้สมองเราทำงานได้ดีกว่าค่ะ

อ่านหนังสือภาพจาก: Venlier Anh / Unsplash

และทั้งหมดนี้คือ routine ที่เราลองเองมาหมดแล้ว และสัมผัสได้เลยค่ะว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเยอะมากเหมือนกันค่ะ ทั้งความคิดและร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอยากให้ทุกคนอย่าไปเคร่งเครียดกับมันมากนะคะ ถ้าเกิดว่าครั้งแรกยังไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีเวลาให้เราได้เริ่มใหม่อยู่นะคะ เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ค่ะ มันไม่เกินความพยายามของเราแน่นอนค่ะ สู้ๆนะคะ ><  < p>

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความของเราอีกครั้งนะคะ ขอบคุณค่ะ^^

เครดิตหน้าปก Taisiia Shestopal / Unsplash :ภาพที่ 1

เครดิตหน้าปก Laura Chouette / Unsplash : ภาพที่ 2

เครดิตหน้าปก Florencia Potter / Unsplash : ภาพที่ 3

เครดิตหน้าปก Trevor Buntin / Unsplash : ภาพที่ 4

อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์