Cover photo ขอขอบคุณ ภาพหมี https://unsplash.com/photos/E37ulnh8Obg ค่ำวันพุธที่ 18 มีนา น้องสาวผมโทรมาบอกว่าเป็นไข้ ผมกลับบ้านคืนนั้นพบว่าน้องสาวมีไข้ค่อนข้างสูง หน้าแดง ไอ วันรุ่งขึ้นน้องสาวหยุดงานแม้ว่าจะทำงานในบริษัทขนาดใหญ่มีภาระค่อนข้างมาก ผมเริงร่าให้กำลังใจน้อง บอกว่าไม่เป็นไรหรอกน่า ลืมไปว่าตัวเองไปโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เช้าวันพฤหัสบดี (19 มีนา) น้องผมไปที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของรัฐเพื่อขอตรวจโควิด-19 ที่นั่นมีแผนกคนไข้โควิดโดยเฉพาะครับ คนเยอะมาก มาตรการป้องกันโรคก็เข้มข้นจนทำให้รู้สึกว่ามันร้ายแรงครับ พยาบาลสอบประวัติน้องสาวไข้ยังไม่สูงมาก แถมไม่มีประวัติเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ไม่พบปะชาวต่างชาติ ไม่ไปสนามมวย สนามม้า ผับ บาร์ โธ่! ปกติน้องผมไปแต่วัดครับ!! สรุปคือถูกจัดเป็นกลุ่ม "ไม่" เสี่ยง แนวว่าเธอคงมโนวิดไปเอง ไม่ใช่โควิด แล้วโรงพยาบาลก็ให้น้องผมกลับบ้านครับ!! วันเสาร์ที่ 21 มีนา ผมพาญาติผู้ใหญ่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งตามนัด ทำให้ทราบข้อมูลที่ค่อนข้างน่าตกใจ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่จะต้องรับมือกับโควิด-19 ในขณะนี้ไม่มีทรัพยากรและความพร้อมทั้งปวง บ่ายวันนั้นรัฐบาลประกาศปิดห้าง พบแพทย์เสร็จ ผมพาญาติผู้ใหญ่ไปส่งที่บ้าน ผมรีบไปห้างขนาดใหญ่ใกล้บ้านเพื่อกักตุนของต่างๆ รวมถึงชานมหลายแก้วเอาไปฝากคนที่บ้าน ตกเย็น ผมไอหนักมาก เอาละซิ! วันรุ่งขึ้นผมอยู่บ้านทั้งวัน ยังคงไอหนักๆ เป็นระยะ พอค่ำก็เริ่มมีไข้ ณ จุดนี้ น้องสาวซึ่งไข้ยังไม่ลดมา 3-4 วัน ก็บอกผมว่าจะไปตรวจโควิด ผมเริ่มนึกได้ว่านอกจากไปโรงพยาบาลมาตลอด 2 เดือน เมื่อ 4-5 วันก่อนก็เพิ่งไปสุมหัวทำงานกับเพื่อนๆ อยู่เป็นวัน ก็เลยตัดสินใจไปตรวจด้วยกัน นัยว่าถ้าน้องเป็น อย่างไรผมก็ไม่รอดแน่ ภาพโดย นักเขียน "บรรยากาศร้านขายยาที่ผู้เขียนไปซื้อยาในวันที่ 21 มีนา หลังจากประกาศปิดห้าง มีผู้คนมาซื้อยากักตุนจนแน่นร้าน" วันรุ่งขึ้น เราออกจากบ้านแต่เช้ามุ่งไปโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าโรงพยาบาลแจ้งว่าน้ำยาตรวจหมด ไม่สามารถตรวจให้ได้ เราเริ่มวิตกจริตนิดๆ คิดไปต่างๆ นานาว่าจะไปนอนโรงแรมกักตัว 14 วันที่ไหนอย่างไรดีนะ ในเวลานี้ที่หวังพึ่งได้ก็มีแต่โรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นเพราะโรงพยาบาลรัฐเขาก็ปฏิเสธเรามาแล้ว เอาละ จำได้ว่ามีญาติเคยแนะนำโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งหนึ่งนี่นา ถึงแม้ไม่ใกล้บ้านเท่าไรแต่ก็ต้องลองไป โรงพยาบาลแห่งนั้นให้ตรวจครับ!! ไม่นึกว่าตัวเองจะรู้สึกดีใจมากๆ ที่จะได้ตรวจโควิด เย้ๆๆ แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ หลังจากพยาบาลสอบประวัติอะไรต่างๆ ก็ได้พบแพทย์ ผมได้ตรวจกับคุณหมอผู้ชายเด็กๆ ตอนคุณหมอเอาไม้ล้วงไปที่คอดูว่าคออักเสบหรือไม่ ผมเกิดไอหนักมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ คุณหมอผงะถอยไปก้าวหนึ่งราวกับจังหวะหนังซิทคอม ผมขอโทษครับคุณหมอ อันที่จริงแล้วผมทราบว่าคุณหมอใส่ใจคนไข้มากครับ ผมขอให้คุณหมอจ่ายยามาให้เลย รู้ทีหลังจากอากู๋ว่าเป็นยาฆ่าเชื้อที่ค่อนข้างแรง หมอคงไม่อยากให้ผมมาป่วยยืดเยื้อในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้กระมัง แฮร่!! ผมกับน้องสาวถูกส่งต่อไปยังแผนกเก็บสารคัดหลั่งเพื่อตรวจโควิด-19 ที่เขาเรียกว่า SWAP รอไม่นานครับ นั่งรอไปได้ยินชาวจีนกับญี่ปุ่น 2-3 กลุ่มที่มารอตรวจโควิดคุยกับคุณพยาบาลไปสักพัก เพลินๆ ครับ ใจก็คิดว่าคงไม่มาติดเอาแถวนี้หรอกนะ T_T คุณพยาบาลที่เก็บสารคัดหลั่งในคอกับในจมูกใส่หน้ากากถึง 2 ชั้น N95 ข้างในทับด้วยหน้ากากอนามัย surgical mask อีกชั้นหนึ่ง บวกด้วยกระบังหน้า face shield ที่ก็ใส่กันทั้งโรงพยาบาลตั้งแต่พนักงานแจกบัตรจอดรถโน่นเลยครับ เสร็จขั้นตอน ผมได้รับคำอวยพรจากคุณพยาบาลใจดีว่า "ขอให้ไม่เป็นโควิดนะคะ" ผมนี่อยากกราบเลยครับ ภาพโดย นักเขียน ผมกับน้องสาวกลับมารอฟังผลที่บ้าน โรงพยาบาลบอกว่าประมาณ 3-5 วัน เราสองคนเก็บตัวเองอยู่บ้านครับ บ่ายวันรุ่งขึ้น ผมกินชานมที่ซื้อมาแล้วเกิดสำลัก ชานมพุ่งไปบนโต๊ะอาหาร ถึงจะล้างทุกอย่างที่ล้างได้ ตากแดด ทิ้งทุกอย่างที่ทิ้งได้ แต่อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าถ้าเกิดผลออกมา … ผมจะไม่พูด!! ทุกคนในบ้านจะเป็นอย่างไร!! ตอนนี้ไข้ผมเริ่มลงแล้วแต่ยังไอมาก ต้องรีบวิ่งออกไปไอนอกบ้าน ไอจนหอบ เสร็จแล้วล้างมือประมาณ 3 รอบ เอาแอลกอฮอล์เจลมาเช็ดทุกจุดที่มือสัมผัส ไม่กล้าแตะตัวคนในบ้านแล้วครับ ใส่หน้ากากเกือบตลอดเวลา ไม่เข้าใกล้คนในบ้าน อยู่ห่างอย่างน้อยราว 1 เมตร แพนิกที่แท้ทรูแล้วครับ!!! ตระหนักเป็นครั้งแรกว่าสถานการณ์น่ากลัวขนาดไหน สมมตินะครับ หากผมกับน้องต้องไปอยู่โรงพยาบาล แล้วใครจะดูแลคนในบ้าน หนักกว่านั้นคือถ้าผู้สูงอายุเกิดติดล่ะ คืนนั้นนอนไม่หลับครับ!!! เก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้น โรงพยาบาลโทรมาหาน้องสาว ผมวิ่งไปถึง หูก็แว่วได้ยินว่า "ต้องมาโรงพยาบาลนะคะ" แต่ เอ๊ะ! ทำไมน้องผมหน้าตายิ้มแย้ม แล้วผมก็ได้ยินประโยคต่อไป "ถึงยังไงก็แนะนำให้กักตัวดูอาการ 14 วันนะคะถึงแม้จะไม่เป็นก็ตาม ไม่ต้องมาโรงพยาบาลนะคะ เราจะส่งผลการตรวจไปให้ทางอีเมล์ค่ะ" อ้าว..ไปตรวจพร้อมกัน พอแจ้งผล ทำไมไม่แจ้งผลการตรวจของผมด้วยล่ะ รึว่าผลการตรวจมันไม่เหมือนกัน ทำเอาผมวุ่นวายใจไปใหญ่โต เอาไงดีเรา อยากถามคุณพยาบาล ทางนั้นก็รีบวางสายซะแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมได้รับสายจากโรงพยาบาล "คุณ ... นามสกุล ... ใช่ไหมคะ ผลตรวจโควิด-19 ไม่ เป็น นะคะ" วินาทีนั้น คุณพยาบาลหรือใครก็ตามที่อยู่ปลายสาย ผมอยากไหว้จริงๆ ครับ ผมขอบคุณใหญ่มาก น้ำเสียงผมคงดีใจมากจนปลายสายถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ผมรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่ใช่แค่ผมที่ดีใจมากๆ แต่ผมรู้สึกว่าแพทย์พยาบาลทางโน้นก็มีความสุขเช่นกันครับที่เขาได้พูดคำว่า "คนไข้...ไม่เป็นโควิดค่ะ" ภาพโดย นักเขียน