14 กรกฎาคม ปี พศ.2440 ตรงกับวันเกิดของจอมพล ป. พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศไทย ท่านเป็นชาวนนทบุรี ..ขอจั่วหัวไว้แบบนี้ก่อน และจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหากันอย่างไร โปรดติดตามเมื่อเริ่มจากวงเวียนหอนาฬิกาที่ท่าน้ำนนท์ ไม่ไกลกันเป็นที่ตั้งสำคัญของศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเดิม) อายุกว่าร้อยปี สร้างเมื่อพ.ศ.2454 เป็นอาคารสองชั้นดูโก้หรูแปลกตา ถือเป็นอาคารแบบไทยประยุกต์ยุคแรกของสมัยรัตนโกสินทร์ ตามประวัติเดิมของศาลากลางหลังนี้กล่าวถึง วัตถุประสงค์แรกเพื่อเตรียมสร้างเรือนจำมหันตโทษ (เรือนจำบางขวาง) ณ พื้นที่บริเวณนี้ส่วนอาคารหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโรงเรียนราชวิทยาลัยในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นที่เรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนที่จะเป็นผู้พิพากษา ต่อมาได้ปิดตัวลง ด้วยสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ โรงเรียนราชวิทยาลัยถูกยุบไปรวมกับโรงเรียนวชิราวุธที่กรุงเทพ จากนั้นที่นี่จึงใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2471 หลังจากที่สร้างศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังใหม่ขึ้นและย้ายมายังศูนย์ราชการ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ศาลากลางหลังเก่า จึงใช้เป็นที่เรียนของวิทยาลัยมหาดไทยถึง 16 ปี อาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเก่า) ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2524 ทางจังหวัดนนทบุรี และเทศบาลนครนนทบุรีได้ทำการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี และเป็นการอนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าของจังหวัดไว้ให้นานเท่านานระหว่างนี้อาคารพิพิธภัณฑ์เปิดบริการตามปกติในวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลาราชการ ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าไปเยี่ยมชมเรื่องราวที่จัดแสดงไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ ภาพอดีตนนทบุรี ความสำคัญของเมืองลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่เคยมีด่านขนอมไว้คอยเก็บภาษีปากเรือ จุดสังเกตจะมีเฉลวปักที่ริมตลิ่งบริเวณที่ตั้งด่าน เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงอาณาเขตในสมัยก่อน(แบบเดียวกับเฉลวที่เคยเห็นมักจะปักไว้ตามหัวไร่ท้ายนา)ถัดมาเป็นเรื่องวิจิตรศิลป์ถิ่นนนท์ ซึ่งแสดงเกี่ยวกับประวัติ ผลงานบุคคลสำคัญ ศิลปิน ผู้มีชื่อเสียงที่เป็นชาวนนทบุรี รวบรวมไว้เป็นห้องเกียรติยศ และแน่นอนว่าในบุคคลเหล่านี้มีจอมพล ป.พิบูลสงคราม รวมอยู่ด้วยดังที่เกริ่นไว้ตอนต้น ซึ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ.2475 เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว รัฐบาลจึงได้ริเริ่มให้มีตราประจำจังหวัดขึ้น โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบตามแนวคิดของแต่ละจังหวัดจึงเป็นที่มาของหม้อน้ำลายวิจิตร สัญลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรี (หลายคนคงรู้จักเกาะเกร็ด แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างดี) หม้อน้ำเครื่องปั้นดินเผาตามความเชื่อมโยงมีถิ่นกำเนิดมาจากชาวมอญ ที่อพยพเข้ามาอยู่ที่เมืองนนทบุรี ได้นำความรู้ติดตัวมาใ้ช้ประกอบอาชีพ บนชั้นสองของอาคารจัดแสดงความเป็นมาของเครื่องปั้นดินเผาและมีหม้อน้ำเก่าแก่จากหงสาวดีในรูปทรงแบบต่างๆ จัดแสดงอยู่ด้วยเช่นกัน (จึงไม่น่าแปลกใจที่บางพื้นที่ชุมชนมีบรรพบุรุษที่สืบเชื้อสายมอญ) ทั้งหมดนี้ ชมฟรีก่อนจะกลับขอบันทึกภาพมุมต่างๆ ภายนอกตัวอาคารที่เป็นส่วนประกอบหลักในงานสถาปัตยกรรมไทยทั้งคันทวย ช่องลม ระเบียงลูกกรง ที่ผสมผสานในโครงสร้างอาคารไม้สวยงามคลาสสิคอย่างลงตัว และได้บันทึกภาพจำของศาลากลางหลังเดิมเก็บเอาไว้ชมพิกัด ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าถึงบรรทัดนี้พอจะสรุปได้ว่าเมื่อได้มาเริ่มต้นที่ศาลากลางจังหวัด(หลังเก่า) แห่งนี้ สามารถทำความรู้จักนนทบุรีได้ครบทั้งประวัติศาสตร์วัฒนธรรม วิถีชีวิตได้ในหนึ่งวันนั่นเองอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้การมานนทบุรีของเราได้อรรถรสทั้งเช้าและเย็น คือเรื่องอาหารการกิน ซึ่งมีตลาดใหญ่ มีร้านอาหารอร่อย ก็วยเตี๋ยวนนท์เจ้าเก่า นนท์เบเกอรี่เหมาะแก่การซื้อเป็นของฝาก ทั้งยังมีสตรีทฟู้ดยามเย็นที่เรียงรายหน้าศาลากลางได้อิ่มหนำก่อนอำลาเมืองนนท์ป.ล.1 การชมพิพิธภัณฑ์เรื่องจำเป็นคือต้องเป็นคนรักการอ่านสักนิดเพราะตัวหนังสือที่เรียงร้อยเป็นข้อความนำเสนอนั้น ได้ถูกกลั่นกรองสาระสำคัญมาแล้วจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ซึ่งเนื้อหาข้างต้นเราก็ยืนอ่าน จดไว้และมาสรุปย่อฝากเพื่อนๆ นี่แหละป.ล.2 การเดินทางมาก็สะดวกสบายทั้งทางบก มีรถประจำทางหลายสายมาสุดที่ท่าน้ำนนท์ หรือลองใช้บริการเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เรือไฟฟ้า Thai Smile Boat สาย urban line เส้นทางตามภาพเลยครับป.ล.3 ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือผู้เขียนกำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !