ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง เก็บเงินอยู่ดีๆพอซื้อของทีก็ใช้เงินเก็บหมดพอดีทุกครั้งเลย สมัยช่วงมัธยมผมเป็นบ่อยครับ ตอนเริ่มเปิดเทอมแม่ให้เงินค่าขนมไปโรงเรียนผมพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุด ใช้แค่เรื่องของกินที่พอจำเป็นพอ แต่ถ้าถามว่าจะเก็บเงินไปทำไมผมไม่สามารถตอบได้เลย แต่เมื่อเห็นของที่อยากได้ผ่านเข้าตามาผมนี่ควักจ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเลยครับ จนสุดท้ายผมก็ตังเก็บหมดอย่างรวดเร็วภายในช่วงสั้นๆ จนตอนหลังผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงินหลายเล่มและลองนำมาทำตามดู เป็นที่ประหลาดใจที่ว่าผมสามารถซื้อของที่ต้องการได้และยังมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ บทความนี้ผมจะมาแชร์ 2เคล็ดลับเก็บเงินอย่างไรให้เงินเก็บของเราไม่หมดไป แถมถ้าเก็บดีๆตัวเราเองในอนาคตจะขอบคุณตัวเราในวันนี้ด้วยครับจากประสบการณ์ตรงของผม ที่จะเล่าผ่านบทความนี้ เคล็ดลับที่ 1 แผน 3ส่วน 80/20/10แผนนี้เป็นแผนที่เรียบง่ายเหมาะกับคนที่อยากเริ่มฝึกเก็บเงิน, เป็นหนี้หรือ สำหรับคนทุนน้อยใช้จ่ายประจำวันก็แทบจะหมดอยู่แล้ว ผมได้วิธีนี้มาจากหนังสือชื่อ the richest man in babylon เป็นหนังสือเกี่ยวกับการหาเงินและการเก็บเงินที่ผมชอบมากเล่มหนึ่งเลยครับ โดยแต่ละส่วนแบ่งเป็นค่าอะไรบ้างไปอ่านกันครับส่วนที่ 1 80% : เงินก้อนนี้เอาไว้ใช้กินใช้จ่ายชีวิตประจำวันครับพยายามใช้ทุกอย่างให้จบในก้อนนี้เหลือได้แต่อย่าเกินครับ ส่วนที่ 2 20% : เอาไว้ใช้หนี้ที่เราติดอยู่ครับความพิเศษของก้อนนี้คือเมื่อเราหนี้หมดเราจะมีเงินเก็บเหลืออยู่ และ20% ที่ต้องเอาไปจ่ายหนี้ก็จะกลายเป็นเงินเก็บเอาไว้ลงทุนหรือทำอย่างอื่นต่อได้ครับ ส่วนที่ 3 10% : เงินส่วนนี้เอาไว้เก็บครับ เป็นสัดส่วนที่ดีในการเริ่มฝึกเก็บออม คือเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดของรายได้ที่เราหามา ก้อนนี้ต่อให้เราหามาได้ 100 บาทก็ต้องเก็บให้ได้ 10 บาทครับ มันจำเป็นมากในการสร้างนิสัยและเป็นจุดเริ่มต้นของการปลดหนี้และเพิ่มเงินให้เราในอนาคตครับ ถึงแม้จะสัดส่วนน้อยที่สุดแต่ผมมองว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการสร้างรากฐานการเก็บเงินครับเคล็ดลับที่ 2 แผน 50/1 และ 50/7แผนนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อนหน่อยและผมได้ปรับเปลี่ยนมาจากหนังสือชื่อว่า แกะสมองเงินล้าน โดยปัจจุบันผมใช้แผนนี้อยู่และใช้มาเป็นเวลานานหลายครั้งมีเรื่องที่ต้องใช้เงินอย่างฉุกเฉินพอผมเปิดมือถือขึ้นมาดูบัญชีก็อุ่นใจได้ที่งบในด้านนี้ยังมีอยู่โดยสามารถใช้ได้ให้หมดโดยไม่ต้องเสียดายเพราะเรากันเงินเผื่อด้านอื่นไวแล้ว โดยแผนจะแบ่งตามนี้ครับ 50/1 : เงินส่วนนี้คือเงินที่รายได้ของเราเข้ามา 100% เราจะแบ่งออกมา 50% เลยครับส่วนนี้จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือจ่ายค่าต่างๆที่เราต้องรับผิดชอบ เช่น ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าที่อยู่ที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ ทั้งหมดจะอยู่ใน50%นี้ทั้งหมดครับ 50/7 : ในส่วนนี้ผมแบ่งออกมาเป็น 6 ส่วนโดยสัดส่วนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากในหนังสือเพื่อปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผมครับ โดยแบ่งตามนี้1. เงินไว้ลงทุน 10% : ส่วนนี้ผมจะใช้เอาไว้ในการลงทุนไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจหรือ ลงทุนในหุ้นต่างๆ2. เงินเก็บระยะยาว 10% : ส่วนนี้เก็บไว้เหมือนเป็นเงินหนุนหลังถ้ามีเรื่องที่คอขาดบาดตายผมจะหยิบมาใช้แต่ถ้าเป็นสภาวะปกติ เงินส่วนนี้จะคอยสร้างความมั่นใจและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้อยากหาเงินเพิ่มครับ3. เงินเพื่อการศึกษา 5% : เงินส่วนนี้ผมมักจะเอาไปซื้อหนังสือหรือเอาไว้ลงคอร์สเรียนที่สนใจครับ แต่ในส่วนนี้ไม่ค่อยที่จะเพียงพอสักเท่าไหร่ผมมักดึงเงิน50%จากก้อนแรกมาผสมบ้างครับ ถ้าในเวลานั้นผมต้องการเรียนรู้หรือต้องการซื้อหนังสือมาอ่านจริงๆ4. เงินเพื่อการให้ 5% : งบตรงนี้มักเอาไว้ซื้อของขวัญให้กับคนใกล้ตัวครับหรือเรียกง่ายๆว่าเงินเพื่อการPayนั้นเอง เงินส่วนนี้มีไว้ให้ฝึกจิตใจเราให้เป็นผู้ให้ ไม่ให้ยึดติดหรืองกจนเกินไปครับ5. เงินใช้ร่วมกับแฟน 5% : ตรงตัวตามชื่อครับ เวลาจะกินหรือเที่ยวกับแฟนผมจะใช้เงินส่วนนี้ก่อนถ้าเงินหมดค่อยเข้าเนื้อดึงเงินที่เหลือจาก 50% แรกมาใช้นิดหน่อยครับ จากประสบการณ์ต้องระวังให้มากถ้าเข้าเนื้อแล้วถ้าเผลอใช้โดยไม่คิดนี่มีโอกาสช็อตทั้งเดือนเลยครับ6. ซื้อที่ดิน 5% : ผมมีความฝันอยากซื้อบ้านแล้วอยู่กับครอบครัวครับและผมไม่ค่อยอยากเป็นหนี้ตอนซื้อบ้านและระหว่างเก็บเงินก็ดูที่หลายๆที่ไปด้วยครับ7. ซื้อของที่อยากได้ 10% : เป็นก้อนที่ผมชอบที่สุดแล้วหละครับ เพราะเราสามารถซื้ออะไรก็ได้ตามใจของเราโดยไม่ต้องห่วงว่าถ้าหมดแล้วเราจะช็อตมั้ย แต่ถ้าเหลือไว้หน่อยก็ดีครับเผื่อเดือนอื่นมีของที่มีราคาแพงกว่างบของเราเราจะได้เหลืองบจากเดือนที่แล้วมาจ่ายได้ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับ 2เคล็ดลับการเก็บเงินที่ผมนำมาแชร์ในวันนี้ วิธีแรกเหมาะกับคนพึ่งเริ่มเก็บหรือใครที่มีความคิดว่า เงินน้อยเก็บยากเก็บไปทำไม ได้นิดเดียวใช้วันเดียวก็หมดแล้ว ผมอยากถามหน่อยครับว่าเวลาเราออกกำลังกายหรือวิ่งเราสามารถวิ่งวันแรกได้ 15ถึง20กิโลเลยมั้ยครับ ถ้าสามารถทำได้ก็อาจจะแลกมากับอาการบาดเจ็บในภายหลัง แต่ถ้าเราฝึกวิ่งเพิ่มอาทิตย์ละ2กิโลหรือค่อยๆเพิ่มระยะทางไประหว่างนั้นผ่านไปสักระยะเราก็สามารถวิ่ง 15-20กิโลได้ครับเมื่อศักยภาพเราพร้อม การเก็บเงินก็เช่นกันถ้าวันนี้เรามีน้อยแล้วไม่รู้จักเก็บ ไม่สนใจ วันนึงเรามีเงินมากขึ้นเราก็มีสิทธิที่จะใช้ไปจนหมดอยู่ดี เพราะว่าเราไม่เคยฝึกกล้ามเนื้อส่วนของการเก็บเงินมาเลยนั้นเองครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเก็บเงินนะครับ สวัสดีครับเครดิตรูปภาพภาพปก ภาพถ่ายโดย cottonbro studio / pexelsภาพที่1 : ภาพถ่ายโดย dilara irem / pexelsภาพที่2 : ภาพถ่ายโดย cottonbro studio / pexelsภาพที่3 :ภาพถ่ายโดย cottonbro studio / pexelsภาพที่4 : ภาพถ่ายโดย Joslyn Pickens / pexelsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !