รูปหน้าปกจาก : https://pixabay.comก่อนอื่นเรามาเริ่มรู้จักกับเจ้าแพรรีด็อกกันก่อนเลย แพรรีด็อก(Praire dog) เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกันกับกระรอก โดยแพรรีด็อกจะมีลักษณะ มีใบหูเล็ก ตากลมโต มีฟันที่แข็งแรง ขาคู่หน้าเล็กและมีเล็บที่คมและแข็งแรง โดยขาคู่หน้านั้นจะมีหน้าที่คอยหยิบอาหารกิน หรือขุดโพรงเพื่ออยู่อาศัย แพรรีด็อกสามารถกินได้ ทั้งพืช และสัตว์ เช่น หญ้า ผักต่าง ๆ เมล็ดพืชต่าง ๆ อีกทั้งแมลง หรือหนอน ขนมีสีน้ำตาลทอง ส่วนปลายหางมีสีดำ ความยาวของหางอยู่ที่ประมาณ 3-4 นิ้ว เท้ามีสีครีม ลำตัวอ้วนกลม เมื่อแพรรีด็อกโตเต็มที่แล้วสามารถหนักได้ถึง 1-2 กิโลกรัมรูปภาพจาก : https://pixabay.comราคาของแพรรีด็อก ในปัจจุบัน มีราคาตั้งแต่ 5,500 – 50,000 บาท ทั้งนี้ราคาจะขึ้นอยู่กับสีและความสมบูรณ์ ของตัวแพรรีด็อกหลักจากที่เรารู้จักน้องและได้น้องมาแล้ว เราก็ต้องมาเตรียมสถานที่และอาหารให้น้อง แพรรีด็อกเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย แต่ในช่วงแรก ๆ ที่พาเข้าบ้านนั้น ต้องให้น้องอยู่ในกรงก่อน ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อสร้างความเคยชิน และเพื่อให้น้องได้ชินกับกลิ่นของตัวผู้เลี้ยง น้องเป็นสัตว์ที่ฉลาดและสามารถเรียนรู้ได้เร็ว สามารถจำชื่อและร้องขาลรับได้ ในเวลาสั้น ๆ แต่น้องจะไม่เชื่องกับคนอื่นง่าย ๆ เช่นถ้ามีคนแปลกหน้ามาขอเล่นขอจับ หรือทำให้น้องตกใจอาจจะโดนกัดได้ รูปภาพจาก :https://pixabay.comในเรื่องของอาหารนั้น น้องค่อนข้างกินง่าย เพราะในปัจจุบันมีอาหารสำเร็จรูปสำหรับแพรรีด็อก โดยเฉพาะอยู่หลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีหญ้าแห้ง จำพวก ทีโมรี และ แพงโกล่า แต่เราควรให้อาหารเสริมน้องด้วยการให้แอปเปิ้ล ฝรั่ง และมันเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้น้องท้องเสียรูปภาพจาก:https://pixabay.comสถานที่ ที่ใช้เลี้ยงน้อง ควรแยกออกเป็นสัดส่วน อาจจะกั้นแบ่งพื้นที่ หรือมีกรงสำหรับน้อง เพราะอย่างที่ทราบดีอยู่แล้วว่าแพรรีด็อกนั้น เป็นสัตว์ตระกูลฟันแทะ ถ้าเราไม่แยกหรือจัดแบ่งพื้นที่ละก็ ผ้าปูที่นอน โต๊ะ ตู้ หรือผนังวอลล์เปเปอร์ของคุณ ถูกน้องแทะพังแน่นอน สามารถนำน้องออกมาเดินเล่นได้ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเราตลอด เพราะว่าแพรรีด็อกเป็นสัตว์ที่ติดคนเลี้ยงมาก ถ้าน้องมองหาคนเลี้ยงไม่เจอ น้องจะวิ่งหาโดยไม่สนใจอันตรายใด ๆ เลย จึงอาจทำให้น้องนั้นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้รูปภาพจาก:https://pixabay.comทั้งนี้การเลี้ยงแพรรีด็อกนั้น อาจจะดูง่าย ๆ แต่คนเลี้ยงนั้นต้องรักและเอาใจใส่น้องมาก ๆ พร้อมทั้งสังเกตนิสัยของแต่ละตัวที่ไม่เหมือนกันด้วย และลองถามตัวเองดูว่า เรามีเวลา หรือขัดกับการใช้ชีวิตของเราหรือป่าว มิเช่นนั้นการเอาน้องมาเลี้ยงอาจสร้างทั้งภาวะให้กับตัวเรา และทำให้น้องไม่มีความสุขอีกด้วย แต่ถ้าเราคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเลี้ยงน้อง พร้อมที่จะให้ความรักกับน้อง น้องก็พร้อมที่จะให้ความรักและความสุขให้กับเราเหมือนกันรูปภาพจาก:https://pixabay.com