สวัสดีครับ วันนี้ผมก็จะมานำเสนอ วิธีแนวคิดการ แต่งเพลง โดยเฉพาะในด้าน เนื้อเพลง การมีเพลง มีผลงานเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากในวันนี้ และทุกคนก็มีช่องทางสื่อสารนำเสนอผลงานตัวเองให้ชาวโลกได้ฟัง ผ่านทางโซเชียลต่างๆ ถือเป็นยุคที่เปิดกว้างให้คนทำงานเพลงมาก ในแง่การนำเสนอผลงานเพลงhttps://m.youtube.com/watch?v=PUiiRrLBQTYหัดเขียนเนื้อเพลง ต้องมีทำนองการเขียนเพลงโดยมีทำนองก่อน จะทำให้เรามี “กรอบ” หรือแนวทางที่จะทำให้เราไม่ใช้คำฟุ้งเฟ้อ ขาด เกิน เพราะเพลงคือรูปแบบของคำและทำนอง คำสำคัญคือคำว่ารูปแบบ ซึ่งทำนองคือตัวกำหนดว่ารูปแบบของเพลง ท่อนนี้มีคำกี่คำ ร้องสูงต่ำแบบไหนการมีทำนองก่อน ก็เหมือนการมีฉันทลักษณ์หรือข้อกำหนดในการเขียน อย่างกลอนแปดแบบกลอนสุนทรภู่ เด็กประถมส่วนใหญ่ เรียนแล้วเขียนกลอนแบบสุนทรภู่ได้ ก็เพราะมีรูปแบบกำหนดให้เป็นแนวทาง และรูปแบบนั้นเข้าใจง่าย แต่ถ้าลองให้เด็กเขียนกลอนไฮกุแบบญี่ปุ่นซึ่งไม่มีรูปแบบกำหนดแบบกลอนสุนทรภู่ จะทำได้ยากกว่ามาก เนื้อเพลงก็คล้ายกัน การมีทำนองก่อน ทำให้คนเขียนเนื้อมองเห็นรูปแบบ แล้วจะแปรรูปจากการเขียนอะไรก็ได้ที่ไม่มีขอบเขต เวิ้งว้าง ว่างเปล่า เปลี่ยนเป็นการเติมคำที่เหมาะสมลงในช่องที่กำหนด ซึ่งง่ายกว่ามากใครกำลังหัดแต่งเพลง อยากเป็นนักแต่งเพลง ลองอ่านอันนี้ดูเป็นแนวทางนะครับ ผมว่า ได้ประโยขน์มาก ๆ สำหรับการเริ่มต้นเขียนเพลงขึ้นมาสักเพลงหนึ่ง...เยอะและอ่านยาวหน่อย แต่เชื่อว่าเป็นประโยชน์สำหรับ คนที่กำลังนึกอยู่ว่าจะเริ่มยังไงแน่ๆครับหลักในการเขียนเพลงเบื้องต้น และหลักในการวิจารณ์ เพลงเบื้องต้น by พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค สำหรับ ทุกคนหลักในการเขียนเพลงเบื้องต้น และหลักในการวิจารณ์เพลงเบื้องต้นเนื่องจากหลายคนยังที่อยากแต่งเพลงมักจะถามเสมอว่าจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี และเวลาจะวิจารณ์เพลงคนที่แต่งเพลงออกมา จะวิจารณ์อย่างไรให้มีแนวทาง ไม่เปะปะ กว้างมากจนจับประเด็นไม่ได้ จึงจะมีแนวทางสำหรับการแต่งเพลงเบื้องต้นและการวิจารณ์ดังต่อไปนี้ ส่วนใหญ่การแต่งเนื้อร้องเพลงไทยในสมัยนี้มักจะแต่งตามทำนอง เนื่องจากการแต่งทำนองมีหลักเกณฑ์ชัดเจนมากกว่า นักแต่งเนื้อเพลงต้องฟังทำนองเพลงนั้น ๆ แล้วพยายามตีโจทย์ให้เข้าใจลึกซึ้งให้ได้ว่า ทำนองที่เขียนมานั้น เนื้อเพลงควรจะเป็นอารมณ์อะไร สนุกสนาน ยั่วเย้า โกรธแค้น เสียใจ ผิดหวัง คิดถึง โรแมนติก ฯลฯ จึงจะสามารถเขียนเนื้อเพลงได้ถูกต้องตามอารมณ์ของทำนอง สำหรับนักวิจารณ์สมัครเล่น ก็วิจารณ์ได้ว่า เนื้อเพลงนั้นเหมาะสมกับทำนองเพลงนั้นหรือไม่. การเขียนเพลงแร๊พวิธีการก็คล้ายๆ กับการเขียนเพลงโดยทั่วๆไปนะคะ1. รวบรวมไอเดีย เพื่อเลือกเรื่องที่จะเอามาเขียนนะคะ ว่าคุณจะเล่าเรื่องอะไร เริ่มอย่างไร กลางเป็นอย่างไร แล้วจบยังไงนะคะ2. ลองฟังจังหวะแร๊พต่างของหลายๆ คนน่ะค่ะแล้วลองเขียนบรีทในรูปแบบของตัวเองให้ต่างออกไป ถ้าเล่นดนตรีไม่เป็นก็ใช้วิธีจินตนาการจังหวะเอานะคะ ถ้ากลัวจะลืมก็บันทึกเสียงแล้วให้เพื่อนที่เล่นดนตรีเป็นทำให้ค่ะ3. เปิดบรีทแทร็คของเราน่ะค่ะ ปล่อยไปตามอารม บันทึกเสียงไว้ แล้วลองพูดสิ่งที่เราคิดออกมาค่ะ แร๊พคือความอิสระ ไม่จำเป็นว่าสิ่งที่คุณได้พูดออกมานั้นจะได้ใช้ในเนื้อเพลงของคุณหรือไม่ก็ตามแต่ ให้ปล่อยไปตามอารมต่อไปค่ะ ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่ต้องไปยึดติดกับความคล้องจองมากเกินไป เรื่อง เมื่อนักแต่งเพลง วิเคราะห์ในสองหัวข้อแรกแล้ว ก็ควรจะเริ่มคิดว่า ควรจะเขียนเรื่องราว เกี่ยวกับอะไร เวลาฟังพร้อมกับทำนองกลับประทับใจอย่างประหลาด เพียงเพราะว่าเขียนได้เข้ากับทำนอง ลงโน้ต ลงจังหวะได้อย่างลงตัวความประทับใจนี้มีหลายหัวข้อมาก เพลงจะต้องเป็นตัวกลางสื่อสาร อารมณ์ เนื้อหา ของศิลปินออกมาให้ผู้ฟัง มีหลายคนที่มองว่าการ แต่งเพลง เป็นศิลปะ ดังนั้นจึงไม่ต้องมีหลักการใดๆมากมาย แล้วเนื้อร้องมันจะสำคัญอะไร ก็แค่หาคำยัดๆให้ลงทำนองที่แต่งไม่ใช่หรอ!? ไม่น่าจะมีผลแค่แต่งให้คำร้องออกมาสวยๆสื่อสารได้ก็พอไมใช่หรอ!? .... จริงๆ ผมก็เคยคิดอย่างนั้นมาก่อนจนเมื่อมาเรียนวิชา Songwriting ที่ได้กล่าวไว้ด้านบน ว่าลักษณะของเนื้อร้องนั้นมีผลต่ออารมณ์ผู้ฟังสองฝั่งของกราฟ ฝั่งซ้ายจะเป็น "ความเป็นรูปธรรม ความจริง ครอบคลุม" ฝั่งขวาจะเห็นว่า 3rd Person Narration หรือเพลงที่เล่าเรื่องของผู้อื่น จะกว้าง และเป็นรูปธรรมที่สุด เพราะเป็นการเล่าเรื่องผู้อื่นที่ชัดเจน แต่ผู้ฟังจะอินหรือได้รับอารมณ์ร่วมน้อยที่สุด (เพราะไม่ได้พูดถึงผู้ฟัง ยกเว้นผู้ฟังจะจินตนาการ ผมจะไม่กล่าวถึงเรื่องทฤษฎีดนตรีเรื่องจังหวะอะไรนะครับ เพราะหลายท่านคงรู้อยู่แล้ว แล้วจะเขียนเพิ่มเติมในภายหลังครับเรามาดูกันครับว่า วรรค กับ จังหวะมีผลอย่างไรถ้าเริ่มต้นวรรคก่อนหรือครอบคลุม Downbeat หรือจังหวะแรกของห้อง จะถือว่ามีน้ำหนักมาก เป็น "เสถียร"ถ้าเริ่มต้นวรรคหลังหรือข้าม Downbeat หรือจังหวะแรกของห้อง จะให้ความรู้สึกมีการเคลื่อนที่ "ไม่เสถียร"ปกติใน 1 วรรคการร้อง จะคลอดคลุม 2 ห้อง ถ้า ทั้งสองห้องข้าม จังหวะแรก หรือ Downbeat ไป ก็จะ "ไม่เสถียร" มากขึ้นถ้านับจังหวะของเพลงจะได้เคย มี ใคร สักคน ได้บอก ฉันมา 1 2 3 4 1 2 3....จะเห็นว่าเพลงนี้วรรคแรกนี้นั้นได้เริ่มคำว่าเคยตรงจังหวะแรกของห้องพอดี เลยให้ความรู้สึก "เสถียร" (ซึ่งจริงๆไม่ต้องขึ้นเนื้อเพลงตรงจังหวะแรกก็ได้ อาจเริ่มก่อน ก็จะ "เสถียร" เช่นกัน)1. นักร้อง นักร้องจะเป็นโจทย์ข้อแรกที่นักแต่งเพลงต้องนึกถึงว่า จะแต่งให้ใครร้อง บุคลิกของนักร้องเป็นอย่างไร ภาษาของนักร้องคนนั้นเป็นประเภทไหน เพื่อให้คนฟังเชื่อถือเมื่อเวลาเราเขียนเพลงให้นักร้องคนนั้นร้องได้อย่างพอเหมาะกับบุคลิก เช่น ภาษา2. เนื้อเพลงควรจะเป็นอารมณ์อะไร สนุกสนาน ยั่วเย้า โกรธแค้น เสียใจ ผิดหวัง คิดถึง โรแมนติก ฯลฯ จึงจะสามารถเขียนเนื้อเพลงได้ถูกต้องตามอารมณ์ของทำนอง สำหรับนักวิจารณ์สมัครเล่น ก็วิจารณ์ได้ว่า เนื้อเพลงนั้นเหมาะสม3. เมื่อนักแต่งเพลงคิดออกแล้วว่าจะเขียนเพลงเกี่ยวกับอะไร พูดถึงอะไร ให้กับนักร้อง ก็เข้าสู่ขั้นตอนว่า เป็นคนเขียนที่ดีหรือไม่ คนฟังเข้าใจโครงเรื่องหรือคอนเซปต์ที่ตนเองพยายามจะบอกหรือไม่ เขียนวกไปวนมาหรือไม่ เริ่มต้นอย่างลงท้ายอีกอย่างหรือไม่ ใช้คำผิดความหมายหรือไม่ ที่สุดคือ 4. เรื่องแต่งเพลงนี่ง่ายๆ ครับ คิดเป็นคำพูดออกมาก็แต่งได้ครับ แต่ต้องให้สำผัส คำนะครับ มโนเอาก็ได้ครับเนื้อเรื่องที่จะแต่งเป็นเพลงจะแต่งด่าใครก็คิดขึ้นมา ว่าไอคาแล็กเตอร์คนที่เราด่ามันเป็นยังไง หรือ เพลง รักมีประสบการณืก็แต่งไปครับ บีทนี่ ถ้าอยากให้ตรงใจ เราเปะๆเลย ก็ mix เอง ครับ ทำดนตรีทำนองขึ้นมาใหม่เองเลยครับ แต่งต้องมีโปรแกรม ทำบีทครับ เช่นโปรแกรม FL STUDIOS ครับ ไม่ยากครับภาษาไทยให้ถูกต้องครับ แต่การเขียนเพลงกับเขียนกลอนไม่เหมือนกันนะ ขอบอกไว้เลย เพราะกลอนมันมีรูปแบบคำล้อง คำเป็นคำตาย คำเอกคำโทที่ตายตัว แต่การแต่งเพลงสามารถผ่อนผันได้ (เพื่อสื่อความหมายของเพลงให้แข็งแรงขึ้น) ฝึกแต่งเพลง แต่งทำนองใส่ตัวโน้ต ใส่คอร์ด ด้วยกีตาร์ เบื้องต้นแสดงตัวอย่างการฝึกแต่งเพลง แต่งทำนองด้วยกีตาร์เบื้องต้น ใส่ตัวโน้ตต่างๆ ตัวกลม ตัวขาว ตัวดำ ตัวเขบ็ต เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เกี่ยวกับตัวโน้ตกีตาร์มากยิ่งขึ้น สามารถแยกจังหวะความสั้นยาวของตัวโน้ตแต่ละตัวได้ เพื่อใช้กับเนื้อร้องที่มีความสั้นยาวต่างกันไปได้ ทำความเข้าใจเรื่องจังหวะกันก่อนพื้นฐานการแต่งเพลง แต่งทำนองเบื้องต้น เราจะต้องรู้จักจังหวะกันก่อน ซึ่งจะเน้นจังหวะง่ายๆ แบบ 4/4 โดยจะใช้การเคาะเท้า สร้างจังหวะ ซึ่งจะต้องฝึกให้คล่อง 1. จังหวะการตบเท้าจะเริ่มต้นด้วย การยกปลายเท้า การใส่คอร์ดในเนื้อร้องการใส่คอร์ดในเนื้อหานั้น จะมีเทคนิคง่ายๆ ก็คือ การโซโล่หรือเล่นไปตามเนื้อร้องลงที่โน้ตตัวใดก็ลองใส่คอร์ดตัวนั้น เช่น - birth โน้ตตัว A ก็จับใส่ Am - you โน้ตตัว B ให้ใช้ G7 หรือ G จะใกล้เคียง - Day โน้ตตัว E ก็ใช้ Em - you โน้ตตัว D ก็ใช้ Dm - you โน้ตตัว C ก็ใช้ Cทดสอบเล่นตามโน้ตที่แต่งไว้ด้วยโปรแกรม Power Tab Editorฟังเพลง หรือค้นหาวิดีโอตีกลองใน Youtube แล้วฝึกตบเท้า ตบมือ หรือดีดลม (สมมุติว่ามือขวากำลังดีดกีตาร์ ส่วนมือซ้ายก็กดสาย ) ตามจังหวะกลองในเพลง การฝึกตบเท้าสร้างจังหวะ เป็นวิธีฝึกจังหวะที่ง่ายและต้องทำให้ได้ โดยยกปลายเท้าขึ้นมา แล้วตบลง แล้วยก ขึ้น 3 อาการนี้จะเรียกว่า 1 จังหวะ ( ยก ตบ ยก) ให้ทำแบบนี้ 4 ครั้ง เพื่อให้ได้ 4 จังหวะ แล้วเริ่มนับจังหวะที่ 1 ใหม่ วนซ้ำไปจนคล่องเมื่อเริ่มฝึกและเข้าใจจังหวะดีแล้ว สามารถตบเท้าทำจังหวะโน้ต ตัวกลมโน้ต ตัวกลม จะมี 4 จังหวะ กับการนับจังหวะโดยการตบเท้า 1- 2 - 3 - 41. เริ่มจังหวะที่ 1 ตบเท้า พร้อมกับดีดสาย2. ดูเครื่องหมายให้ดีดสายจะมีตัวเดียว ก็ดีดครั้งเดียว3. ส่วนจังหวะที่ 2 -3 - 4 สำหรับโน้ตตัวเขบ็ต ยังมีแบบ 3 ชั้น และ โน้ต ตัวเขบ็ต 4 ชั้น แต่ก็ยากเกินไป สำหรับการดีด เพราะมีความเร็วสูงมาก หากเข้าใจ ตัวเขบ็ต 2 ชั้น ก็ทำความเข้าใจโน้ตตัวเขบ็ตที่เหลือได้ไม่ยากที่คิด สามารถลองดูด้วยตัวเองได้ 🎃📨💺🎸เครดิตเจ้าของภาพ : https://pxhere.com/th/photo/1534225