อื่นๆ

อย่าให้ชีพจรแห่งการเรียนรู้หยุดเต้น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อย่าให้ชีพจรแห่งการเรียนรู้หยุดเต้น
  • ตอนเรายังเป็นเด็ก ทุกวันของเราคือการเรียนรู้ อาจเริ่มจากการสังเกต  เริ่มเบิกตามองดูโลก ต่อมาจึงเรียนรู้ที่จะรู้จักว่าใครคือพ่อ ใครคือแม่ ฝึกการนอนคว่ำ ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นการคลาน เริ่มที่จะพูดคำแรกออกมา ซึ่งคำแรกของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เรียนรู้การกิน การเคี้ยวอาหาร ทุกๆวันเป็นการเรียนรู้ มีความตื่นเต้น โดยเฉพาะพ่อแม่มักจะตื่นเต้นเป็นพิเศษกับพัฒนาการของลูกน้อย

พัฒนาการของเด็กๆ

  • แต่คำถามคือ แล้วตอนนี้ล่ะ การเรียนรู้ของเราได้หยุดไปตอนไหน ถ้าเป็นคนที่ทำงานประจำก็จะมีกิจวัตรประจำวันที่เดิมๆซ้ำซาก ขาดชีวิตชีวาไปเลย อันนี้คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ตรงเลย เปรียบเสมือนกับว่า ชีวิตเราได้หยุดไป เมื่อเราได้โตมาเป็นผู้ใหญ่
  • เคยสังเกตเส้นชีพจรไหมครับ ถ้ามันขึ้นๆลงๆ แสดงว่าคนๆนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้ามันเป็นเส้นตรง แสดงว่าคนๆนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว เส้นการเรียนรู้ของเราก็เหมือนกันครับ ตอนเราเป็นเด็ก เรามีการเรียนรู้ทุกวัน เส้นของเราก็จะขึ้นๆลงๆ แต่แปลกที่เวลาเราโตมาเป็นวัยทำงาน เส้นนั้นกลับหยุดนิ่ง เหมือนคนที่ไม่มีลมหายใจอยู่เลย แปลกแต่จริง

Advertisement

Advertisement

ชีพจรชีวิต

  • สิ่งที่ผมอยากฝากไว้มากที่สุดในบทความนี้ก็คือ

"เมื่อไหร่คือ ครั้งสุดท้ายที่คุณได้ลองทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งแรก"
(When was the last time You did something for the first time)

  • คำถามนี้ให้เราถามตัวเราเองอยู่เสมอ เพื่อชีวิตของเรามีสีสันเหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็ก เส้นการเรียนรู้ขึ้นๆลงๆ ให้สมกับที่เป็นคนมีลมหายใจ สมกับเป็นคนที่ชีพจรยังเต้นอยู่
  • สิ่งใหม่ๆในชีวิตเราสามารถลองทำได้เยอะแยะ เช่น เรียนภาษาใหม่ๆที่เราไม่เคยเรียน ลองออกกำลังกายแบบใหม่ๆ หรือเปลี่ยนที่ออกกำลังกายก็ยังได้ ไปเที่ยวในที่ๆไม่เคยไป (แต่ช่วงนี้ไปเที่ยวไหนไม่ได้ก็เที่ยวทิพย์ไปก่อน) อ่านหนังสือที่ไม่เคยอ่าน อะไรก็ได้ที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิต แค่นี้ก็ทำให้เรากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว

สิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย

  • จริงๆแล้วในชีวิตของเรา มีอะไรหลายอย่างให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะแยะมากมาย ถ้าว่ากันตามตรง เรียนยังไงก็เรียนไม่หมด ข้ออ้างที่ว่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำ จริงๆแล้วแค่เราไม่ลองเปิดใจให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆก็เท่านั้นเอง ลองนึกย้อนกลับไป ที่ผ่านมาเราสนใจในอะไรแล้วมันถูกฝังลืมไปแล้วหรือไม่ อะไรที่เราคิดว่าทำแล้ว ชีวิตมีสีสันมากขึ้น ผมว่าเราน่าจะลองมันสักตั้งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ไม่เสียหายน่ะ ถ้าไม่เวิร์คจริงๆละก็ อย่างเก่งก็แค่เลิกทำมันก็จบ

Advertisement

Advertisement

เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ

  • ส่วนตัวแล้วผู้เขียน มักจะชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด ถ้าจะให้นับแรกสุดที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นเลยก็คือ ปี 2013 ปีที่หนัง วิ่งสู้ฟัด 2013 เข้าฉาย ตอนนั้นเข้าไปดูในโรงไม่ได้ ด้วยเหตุผลส่วนตัว ก็เลยหาในเน็ตเอา แต่ไม่เจอเวอร์ชั่นที่พากษ์ไทยเลย มีแต่เวอร์ชั่นภาษาจีน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนคิดได้ว่า หรือนี่ อาจจะเป็นโอกาสให้เราลองเรียนภาษาจีน จึงเริ่มจากตรงนั้นในการเรียนภาษาจีน โดยเริ่มจากฟังเพลงของหนังก่อน จึงต่อด้วยการดูหนังเวอร์ชั่นภาษาจีนให้จบ บอกเลยว่าไม่รู้เรื่องเลยสักคำเดียว แต่ก็ทนดูจนจบเพราะใจรักหนังเฮียเฉินหลงตั้งแต่แรก จากนั้นจึงได้เข้าไปเรียนภาษาจีนจากช่องทางออนไลน์ จนเมื่อได้มีโอกาสเจอคนจีนจริงๆตอนไปต่างประเทศ ก็ได้ลองคุยดู ผลลัพธ์ที่ได้น่าพึงพอใจอย่างมาก ทุกวันนี้ก็เรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่สี่
  • จนปัจจุบันเริ่มที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นบ้างล่ะ เพราะส่วนตัวสังเกตเห็นว่าหนังสือบ้านเราจะแปลมาจากญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่ ประกอบกับการได้เจอหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผู้เขียนไปตลอดกาลซึ่งเป็นฉบับแปลมาจากภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะเรียนภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่จะเข้าใจภาษาญี่ปุ่น เพราะตอนนี้ได้กลายเป็นติ่งนักเขียนท่านนั้นไปแล้ว

Advertisement

Advertisement

หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของผู้เขียนไปอย่างสิ้นเชิงหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของผู้เขียนไปตลอดกาล ซึ่งแปลมาจากภาษาญี่ปุ่น


  • ที่ผ่านมาเป็นเรื่องภาษาเสียส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้ว ผู้เขียนชอบไปสถานที่ๆไม่เคยไปมาก อย่างตอนอยู่อียิปต์ ก็มักจะบุกเบิกเส้นทางที่คนไทยไม่ค่อยไปกัน เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกที่อียิปต์ เป็นรุ่นบุกเบิก การที่เราได้รู้สึกว่า เราเป็นคนแรกที่ทำบางอย่าง ความรู้สึกนี้อธิบายไม่ถูกจริงๆ และอีกหลายๆอย่างที่ไม่สามารถเล่าตรงนี้ได้หมด แต่เอาเป็นว่า เราจะรู้สึกมีคุณค่า มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เมื่อเราได้ลองทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งแรก

  • อยากจะเชิญชวนทุกๆคน มารีเฟรชชีวิตของเรา ด้วยการทำอะไรใหม่ๆในชีวิต ทุกครั้งที่เราคิดว่า ช่วงนี้น่าเบื่อจัง ตอนนั้นแหละ คือเวลาที่เราจะต้องลองหาอะไรใหม่ๆทำ ยื้อชีวิตให้ไปได้ต่อ ให้เส้นชีพจรแห่งการเรียนรู้ขึ้นๆลงๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การได้ออกจากพื้นที่สบายของตัวเอง (Comfort Zone) มาสู่พื้นที่แห่งการเรียนรู้ (Learning Zone) นั้นเอง ทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน


ขอขอบคุณ

ภาพปก Sasin Tipchai จาก Pixabay

ภาพที่ 1 ภาพโดย my best in collections - see and press จาก Pixabay

ภาพที่ 2 ภาพโดย PublicDomainPictures จาก Pixabay

ภาพที่ 3 ภาพโดย normand1269 จาก Pixabay

ภาพที่ 4 ภาพโดยНаталия Когут จาก Pixabay

ภาพที่ 5 โดย ผู้เขียน

🌟อ่านจบแล้วเข้าไปพูดคุยในคอมมูนิตี้ที่นำเทรนด์ที่สุดในปีนี้ที่ TrueID Community 🪄✨

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์