ออกกำลังกาย ทำร้ายตัวเอง สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ส่งผลในทางลบกับร่างกายผมครับ เมื่อเช้านี้ผมลุกจากที่นอนมาด้วยความรู้สึกค่อนข้างมึนบริเวณศีรษะ หลังจากนั้นผมก็ออกกำลังกายตามคลิปวิดีโอในยูทูป หลังจากที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน ระหว่างที่ผมออกกำลังกาย ผมสัมผัสได้ว่าผมหายใจเข้าและออกเร็วมาก ซึ่งมันเร็วเกินไปครับ และสิ่งที่ผมสัมผัสอีกได้หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จคือ ผมรู้สึกหมดแรง หน้ามืด วิงเวียนศีรษะมากกว่าเดิม และยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียน และท้องไส้ปั่นป่วน ผมจึงคิดว่าผมน่าจะเป็นลมและอาหารในท้องปั่นป่วนเพราะออกกำลังกายหักโหมเกินไป แต่ผมก็ไม่ได้อาเจียนนะครับ ระหว่างที่ผมนั่งพักด้วยอาการเหล่านี้ ผมจึงเสิร์ชอินเตอร์เน็ตดู ผมพอคาดการณ์สาเหตุคร่าวๆ ผมคิดว่าน่าจะมาจากสาเหตุหลัก คือ เมื่อคืนผมนอนตีสามกว่า และตื่นเช้ามาออกกำลังกายเจ็ดโมงครึ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่าผมมีเวลานอนน้อยมากเพียง 4 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งการนอนน้อยส่งผลให้ออกซิเจนมาเลี้ยงสมองไม่พอ ผนวกกับโรคติดตัวคือความดันเลือดต่ำ และท่าออกกำลังกายที่มีทั้ง ลุก นุ่ง นอน ต่อเนื่องกัน จึงส่งผลให้เกิดอาการดังที่กล่าวไปครับ ผมจึงตัดสินไปนอนราบกบนเตียงนอนโดยใช้หมอนช่วยหนุนขาให้สูงขึ้น และปล่อยให้ศีรษะวางลงเป็นเส้นตรงกับลำตัว มีพัดลมช่วยเป่าคลายร้อน ตามที่ในอินเตอร์เน็ตบอกและอาการของผมดีขึ้นตามมาหลังจากที่นอนไปได้สักพักครับ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมสามารถสรุปจากสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นลมจากการออกกำลังกายได้ 2 ข้อครับ 1. การนอนมีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากเทียบกันระหว่าง ผลจากการพักผ่อนเพียงพอกับผลจากการไม่ออกกำลังกาย ในความเห็นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นส่งผลเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น สมองไม่แล่นไม่ปลอดโปร่ง คิดอะไรก็ไม่ออก ร่างกายไม่สามารถเริ่มต้นวันได้สดใสเท่าที่ควร และที่สำคัญ ผมเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจเป็นการเพิ่มโอกาสการเป็นโรคซึมเศร้าได้ 2. การเลือกท่าออกกำลังกายและการควบคุมลมหายใจให้เหมาะสม ผมสังเกตจากการที่ในบางท่า ร่างกายของผมไม่สามารถทำตามเทรนเนอร์ในคลิปได้นานเท่าเขา และผมก็ลองฝืนทำดู ทำให้ลมหายใจของผมผิดปกติและยังทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยเกินไป และในบางท่าที่ผมไม่เคยทำ ผมก็ไม่สามารถควบคุมลมหายใจให้เหมาะสมได้ อาจมีการเผลอกลั้นหายใจร่วมด้วย จนสุดท้ายผมจึงเป็นลม ผมจึงแนะนำให้หลายๆคนที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ลองปรับท่าให้เบาลงก่อนในช่วงแรก แล้วพอเราคุ้นชินจนร่างกายของเราสามารถทนกับน้ำหนักหดเกร็งต่างๆได้มากขึ้น จึงค่อยทำตามท่าต้นฉบับที่มีความยากกว่า ในบางคลิปวิดีโอตามยูทูป เขาก็จะมีการเขียนกำกับไว้เช่น Beginner สำหรับมือใหม่ หรือไม่ก็อาจจะมีการแบ่งระดับเป็น Beginner/Intermediate/Advanced โดยในบางท่าที่มีความแอดวานซ์ เทรนเนอร์บางคนจะมีการ insert รูปหรือวิดีโอท่านั้นๆในระดับง่ายกว่าเพิ่มให้ และผมจะเลือกดูว่า ผมพอทำท่า Advanced ได้ไหม ถ้าได้ก็จะทำ ถ้าไม่ได้ก็จะเลือกทำลดหลั่นลงมาตามระดับครับ สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณ คุณนักอ่านทุกท่านที่สละเวลามาอ่านประสบการณ์การออกกำลังกายที่ส่งผลในทางลบกับร่างกายของผม นี่เป็นบทความแรกของผม หากมีข้อผิดพลาดใดๆบ้าง ภาษาเขียนไม่สมบูรณ์ต่อเนื่องบ้าง ผมขอน้อมรับไว้เพื่อนำไปปรับปรุงงานเขียนในอนาคตต่อไปครับ ภาพประกอบ https://pixabay.com/photos/stretching-sports-woman-athlete-498256/ https://unsplash.com/photos/rUc9hVE-L-E https://unsplash.com/photos/BuNWp1bL0nc https://unsplash.com/photos/hYTzyMok_a4