ในสถานการณ์ช่วงนี้ โลกของเรากําลังอยู่ในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 จะมีหน่วยงานสำคัญระดับโลก ที่มีบทบาทหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของประชาชนทุกประเทศ นั่นคือ องค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) ในฐานะที่เป็น WHO จึงต้องเป็นแกนนำในการสร้างพันธมิตรทํางานร่วมกันของคนทั้งโลก เพื่อให้มีการตอบสนอง ติดตามการระบาดใหญ่ ให้คําแนะนําเกี่ยวกับการป้องกันโรคร้าย รวมถึงการแจ้งข้อมูลข่าวสาร กระจายเวชภัณฑ์ที่สําคัญให้กับผู้แทนต่างๆ ในแต่ละประทศ ที่พวกเขากําลังแข่งกันในการพัฒนาและปรับใช้วัคซีน ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้ถึงที่สุดในขณะนี้ เมื่อไม่กี่วันมานี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อนุมัติฉุกเฉินสําหรับวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ผลิตคิดค้นโดย บริษัท Sinopharm ของรัฐบาลจีน ที่เป็นวัคซีนตัวแรกที่พัฒนาโดยประเทศที่ไม่ใช่ตะวันตกที่จะได้รับการสนับสนุนจาก WHO วัคซีนนี้มอบให้กับผู้คนหลายล้านคนในประเทศจีนและที่อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ WHO ได้อนุมัติวัคซีนที่ทําโดย Pfizer, AstraZeneca, Johnson & Johnson และ Moderna เท่านั้น แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่เผยแพร่ในระดับสากล เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนของจีน ถึงความไม่แน่นอนมานานแล้ว แต่ด้วยเหตุที่หน่วยงานกํากับดูแลด้านสุขภาพรายบุคคลในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนยากจนในแอฟริกา ละตินอเมริกาและเอเชีย ต่างก็ได้ยอมรับวัคซีนประเภทนี้แล้ว โดยทาง WHO ได้ตรวจสอบ ด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพและคุณภาพ ของ Sinopharm ที่พัฒนาโดยสถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพปักกิ่ง ซึ่งเป็น หน่วยงานย่อยของบริษัทแห่งชาติจีนไบโอเทคกรุ๊ป (CNBG) ด้วยเล็งเห็นว่า มาตรการเพิ่มปริมาณวัคซีน เป็นเรื่องเร่งด่วน พร้อมกับการมีศักยภาพในการเข้าถึงวัคซีน Covid-19 อย่างรวดเร็ว สําหรับประเทศที่ต้องการปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และประชากรที่มีความเสี่ยงทุกคน มีคำแนะนําให้ฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ ในปริมาณ 2 โดส ให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ในระยะเวลาห่าง 2 ถึง 4 สัปดาห์ จากผลวิเคราะห์รู้ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนสําหรับโรคตามอาการและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะอยู่ที่ 79% ของทุกกลุ่มอายุรวมกัน ในส่วนของผู้สูงอายุไม่กี่คน (มากกว่า 60 ปี) ส่วนใหญ่จะไปลงทะเบียนฉีดวัคซีน ตามคลินิกเอกชน จึงอาจจะไม่สามารถประเมินประสิทธิผลในกลุ่มอายุนี้ได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม WHO ไม่แนะนําให้จํากัดอายุสูงสุดสําหรับวัคซีน เนื่องจากข้อมูลเบื้องต้นและข้อมูลภูมิคุ้มกันสนับสนุนชี้ให้เห็นว่าวัคซีนมีแนวโน้มที่จะมีผลป้องกันที่ดีในผู้สูงอายุด้วย จึงไม่มีเหตุผลทางทฤษฎีที่จะเชื่อว่า วัคซีนมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่แตกต่างกันในประชากรที่มีอายุมากกว่าและอายุน้อยกว่า ดังนั้น WHO จึงต้องการ ให้ประเทศต่างๆ ได้ใช้วัคซีนให้กับในกลุ่มผู้สูงอายุ ดําเนินการตรวจสอบความปลอดภัยในทุกๆด้าน พร้อมให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน Sinopharm เป็นวัคซีนประเภท inactivated vaccine หรือที่เรียกว่า SARS-CoV-2 Vaccine (Vero Cell) จึงสามารถทำการจัดเก็บได้ง่าย เหมาะสําหรับการตั้งค่าตัวแปรที่ไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังเป็นวัคซีนตัวแรก ที่จะดําเนินการตรวจสอบขวดวัคซีน สติกเกอร์ขนาดเล็ก บนขวดวัคซีนที่เปลี่ยนสี เนื่องจากวัคซีนสัมผัสกับความร้อนทําให้บุคลากรทางการแพทย์ทราบว่าสามารถใช้วัคซีนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่อีกด้วย โดยสรุปแล้ว WHO ได้อนุมัติวัคซีนต่างๆ ดังนี้ 1) วัคซีน Pfizer/BioNTech สําหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 , 2) วัคซีน AstraZeneca/Oxford เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2021 ผลิตโดย AstraZeneca-SKBio (สาธารณรัฐเกาหลี) , 3) สถาบันเซรั่มของอินเดีย , 4) วัคซีน COVID-19 Ad26.COV2.S พัฒนาโดย Janssen (Johnson & Johnson) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2021 และ 5) Sinopharm นี่เอง ขอขอบคุณ ภาพหน้าปก จาก Alena Shekhovtcova โดย pexels ภาพประกอบ 1 จาก Chokniti Khongchum โดย pexels ภาพประกอบ 2 จาก Nataliya Vaitkevichโดย pexels ภาพประกอบ 3 จาก Andrea Piacquadio โดย pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !