สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้ เที่ยวไปเรื่อย ขอพักเรื่องเที่ยวและหยิบประเด็น "วัคซีนโควิด-19" มาเขียนสักหน่อย มาถึงวันนี้มีหลายประเทศเลยที่เริ่มทดลองวัคซีน และยาแล้ว พูดถึงประเทศไทยของเรา ในวันนี้ก็ไม่พบผู้ป่วยในประเทศแล้ว เป็นสัญญาณที่ดี และ ณ ตอนนี้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้วิเคราะห์ราคาวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ข่าวดีในวันนี้คือเรารู้กันแน่แล้วว่า วัคซีนมีแล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะนำเข้าสู่โรงพยาบาลและเปิดให้ประชนชนเริ่มรับวัคซีนได้เมื่อไร คาดการณ์ว่าวัคซีนจะมีราคาอยู่ที่เข็มละ 620 บาท และการรับวัคซีนนั้นจะมีลักษณะใกล้เคียงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คือต้องฉีด 2 เข็ม แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่า เราต้องรับทีละเข็ม หรือพร้อมกันในวันเดียวได้เลย วัคซีนยังไม่ได้ปล่อยออกมาในวันนี้ พรุ่งนี้ ตามความคืบหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาชี้แจ้งเป็นระลอก ๆ เกี่ยวความคืบหน้าการทดลองวัคซีนในไทยนั้นได้ผ่านการทดลองในระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 ( ในลิง ) มาแล้วซึ่งได้ผลดี ถึงแม้ว่าการวิจัยวัคซีนของประเทศไทยจะมาทีหลังต่างประเทศประมาณ 6 เดือน แต่ก็สามารถเร่งการทดลองในคน ในระยะที่ 3 ได้ทันชาติอื่น ๆ ซึ่งเริ่มทดลองในคนในเดือน ก.ค. 2563 และยังมีการหารือรวมทดลองในระหว่างประเทศ โดยปัจจุบันนี้มีหลาย ๆ ประเทศติดต่อมาเพื่อร่วมดำเนินการทดลองในคนภายในประเทศด้วย อาทิเช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, พม่า, ลาว, กัมพูชา และปากีสถาน เป็นต้น สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คาดการณ์ว่าวัคซีนจะเริ่มใช้ในคน "อย่างช้าสุด" คือ ปี 2564 เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนว่า "ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถป้องกันเชื้อได้หรือไม่" ซึ่งทาง วช. เองกล่าวว่า "จะต้องใช้เวลาติดตามพอสมควรเพื่อให้มั่นใจ" และก็ยังต้องคำนึงถึงขั้นตอนการผลิต ให้ดีและให้เพียงพอต่อความต้องการอีกด้วย แต่ก็พอจะมีลุ้นว่า "อย่างเร็วน่าจะเป็นปลายปี 2563" มาถึงตรงนี้เราไปอัปเดตกันหน่อยดีกว่าว่า ณ ตอนนี้ทั่วโลกทดลองวัคซีนไปถึงไหนแล้ว ที่จริงแล้ว ข้อมูลจาก WHO ( องค์การอนามัยโลก ) ระบุไว้ว่า "มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด 19 ถึง 70 ตัวจากทั่วโลก" แต่มีเพียง "3 ตัววัคซีน" ที่ถูกนำไปทดสอบกับคน ซึ่งผลิตโดย บริษัท แคนชิโน ไบโอโลจิกส์ และสถาบันไบโอเทคโนโลยีปักกิ่ง, บริษัท โมเดอร์น่า และ สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIAID และ อิโนวิโอ ทั้งนี้ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มทดลอง และผลออกมาดีจนต้องจับตามอง อย่างเช่น “ประเทศรัสเซีย” ถือว่าเป็นประเทศเป็นม้ามืดของการทดลองเลย ซึ่งหลาย ๆ ประเทศคาดการณ์ว่า รัสเซีย อาจจะเป็นประเทศแรกที่มี “วัคซีนโควิด-19” นอกจากนี้ก็ยังมีประเทศที่น่าจับตามองอย่างเช่น สหราชอาณาจักร, จีน, เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา นี่ก็เป็นความคืบหน้าแบบพอสังเขปเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 ที่ผู้เขียนติดตามความคืบหน้าเกือบทุกวัน เพราะลุ้นอยากให้ทั่วโลกมีวัคซีนสักที จะได้ออกเดินทางท่องโลกอีกครั้ง อ่านมาถึงตรงนี้มีใครสงสัยมั้ยว่า เหตุผลที่ทำไมไทยจึงไม่รอซื้อวัคซินจากชาติอื่น ๆ ?? ก็ขอปิดท้ายไปด้วยเหตุผลที่ไทยไม่รอซื้อเลยแล้วกันนะ เป็นเพราะ แต่ละประเทศที่คาดว่าจะมีวัคซีน ไม่ว่าจะเป็น จีน, อเมริกา หรือรัซเซียที่เป็นม้ามืดมีความคืบหน้าที่ก้าวกระโดดมาก ๆ นั้น ล้วนแล้วแต่มีจำนวนผู้ป่วยค่อนข้างมาก และยังเป็นประเทศที่มีประชากรค่อนข้างเยอะ ซึ่งกว่าเขาจะผลิตจนเท่าจำนวนประชากรของเขาก็คงใช้เวลานานากกว่าจะมาถึงไทย ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ดี ที่ไทยจะไม่รอและเร่งทำด้วยตัวเองนั้นเอง สุดท้ายนี้ก็ต้องปรบมือ และขอบคุณบุคลากรหน่วยงานทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล, สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ และอย่าลืมว่า ถึงแม้ "โควิดจะลด แต่วินัยต้องไม่ลด" เดินทางไปไหนอย่าลืมความเป็น New Normal สามารถเข้าไปอัปเดตขั้นตอนการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ ได้ที่ รีวิว 'การเดินทาง' ยุค 'new normal' หรืออยากจะติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเรา ก็สามารถติดตามได้ที่ Facebook : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย บทความ True ID : เที่ยวไปเรื่อย Cr. ภาพ : ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 Cr. ข้อมูลอ้างอิง : อ้างอิง 1 / อ้างอิง 2 / อ้างอิง 3 / อ้างอิง 4 / อ้างอิง 5