ภาวะสมองขาดเลือดเป็นโรคที่พบได้บ่อยและร้ายแรงมากในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เรียกอีกอย่างว่า cerebral infarction ในบรรดาโรคร้ายแรงต่างๆ ภาวะสมองขาดเลือดถือเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและพบได้บ่อยในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ดังนั้นจะมีสัญญาณอะไรก่อนการมาถึงของภาวะสมองขาดเลือด? มาดูกัน หลังจากอายุ 45 ปี หากคุณมีอาการเหล่านี้ขณะนอนหลับ อาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของภาวะสมองขาดเลือด อย่าได้ประมาท 1. เลือดกำเดาไหลขณะหลับ เลือดกำเดาไหลขณะหลับนี้ที่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความร้อน ความแห้ง และการขาดน้ำ หากคุณมักพบว่ามีเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืน คุณต้องระมัดระวัง ตรวจสอบตัวเองว่าเป็นสัญญาณของภาวะสมองขาดเลือดหรือไม่? เนื่องจากการไหลเวียนโลหิตในร่างกายของคนเราค่อนข้างช้าในตอนกลางคืนและความดันโลหิตจะอยู่ในสภาวะคงที่เสมอ หากเลือดกำเดาไหล แสดงว่าความดันโลหิตผันผวนอย่างมากทำให้เส้นเลือดฝอยของโพรงจมูกแตก ดังนั้นปรากฏการณ์ของเลือดกำเดาไหล สาเหตุหลักคือหลอดเลือดสมองอุดตันซึ่งนำไปสู่ความดันโลหิตผิดปกติทำให้เลือดกำเดาไหล 2. น้ำลายไหลขณะหลับ บางครั้งเราจะน้ำลายไหลเพราะนอนผิดท่า แต่ถ้าไม่ได้เกิดจากการนอนผิดท่า เราก็ต้องระวัง อาจจะเป็นสัญญาณของภาวะสมองขาดเลือด สาเหตุหลักมาจาก เมื่อเกิดภาวะสมองขาดเลือดจะทำให้เกิดการประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อและเส้นประสาทโดยเฉพาะในช่องคอหอย ซึ่งจะมีอาการน้ำลายไหลและกลืนลำบาก ภาวะสมองขาดเลือด มักทำให้เกิดอัมพาตครึ่งซีกและความผิดปกติทางระบบประสาทที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าจึงมักทำให้เกิดน้ำลายไหลข้างเดียว 3. อาการชาของแขนขาขณะหลับ เมื่อเกิดการอุดตันของหลอดเลือดในสมองจะทำให้เกิดอาการชาที่แขนขาได้มาก โดยในระยะแรกอาจมีอาการชาเฉพาะที่ เช่น อาการชาที่ใบหน้า ลิ้น มือ และเท้า แต่เมื่อมีอาการชามากขึ้นเรื่อยๆ อาการชาที่แขนขาหรือแม้กระทั่งอาการชาของแขนขาข้างเดียวอาจเกิดขึ้นได้ในขณะนอนหลับ ในเวลานี้ คุณควรระมัดระวังตัวมากขึ้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นอาการเริ่มต้นของภาวะสมองขาดเลือด 4. ปวดหัวอย่างรุนแรงเวลานอน ก่อนเริ่มมีภาวะสมองขาดเลือด อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนอนหลับตอนกลางคืน และบางครั้งปวดจนต้องตื่นขึ้นมา นอกจากนี้จะมีอาการชัก มึนงง และอาการอื่นๆ หากอาการเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ค่อยเกิดขึ้น ดังนั้น หากเกิดอาการข้างต้นจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดและทำการรักษา อันที่จริง ภาวะสมองขาดเลือดมีสาเหตุหลักมาจากนิสัยแย่ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา หากเราต้องการป้องกันภาวะสมองขาดเลือด เราต้องเลิกนิสัย 3 อย่างต่อไปนี้ 1. นอนไม่พอ จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า เมื่อเทียบกับคนที่นอนคืนละ 7-8 ชั่วโมง คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 4 เท่า ดังนั้น การนอนไม่พอในระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงถึงชีวิตได้โดยเฉพาะภาวะสมองขาดเลือด ดังนั้นเราจึงต้องนอนให้มีคุณภาพ เพราะในระหว่างการนอนหลับ สมองจะเริ่มเก็บความทรงจำและเซลล์ต่างๆ จะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซม 2. นั่งนานๆ ไม่เคลื่อนไหว หากนั่งเป็นเวลานานจะทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เพิ่มการสะสมของลิ่มเลือด และทำให้เกิดความเสียหายต่อหัวใจ และสมอง โดยเฉพาะในวัยกลางคนและผู้สูงอายุหลังอายุ 45 ปี ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น การเผาผลาญ ความสามารถก็ลดลงด้วย ถ้านั่งเฉยๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและภาวะสมองขาดเลือด 3. สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง หลังอายุ 45 ปี ต้องควบคุมการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารพิษในบุหรี่จะเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดอุปสรรคต่อกลไกการแข็งตัวของเลือดซึ่งอาจทำให้สมองตายได้เมื่อเวลาผ่านไป และการดื่มจะไม่เพียงแต่เพิ่มความดันโลหิตเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการตื่นตัวของเส้นประสาท เพิ่มการทำงานของหัวใจซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการปลดปล่อยสาร vasoconstrictor ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อสมองตาย ภาวะสมองขาดเลือดป้องกันได้ถ้ารู้เท่าทัน ในความคิดเห็นส่วนตัว เพื่อความไม่ประมาทต่อชีวิต อาการบ่งชี้ทั้ง 3 อย่างเกี่ยวกับภาวะสมองขาดเลือด หากเกิดขึ้นกับคุณ ไม่ว่าคุณจะมีอายุมากกว่า 45 ปีหรือไม่ถึงก็ตาม ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจกับอาการเหล่านั้น เพราะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเราอาจจะทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดก่อนวัยอันควรก็ได้ หรือถ้าไม่ใช่ ก็อาจจะเป็นโรคอื่นๆ ที่มีอาการเริ่มต้นคล้ายกับภาวะสมองขาดเลือด ซึ่งถ้าสามารถตรวจเจอเร็วโอกาสที่จะหายขาดก็มากสูงไปด้วย ภาพประกอบ ภาพปก โดย Tumisu จาก Pixabay ภาพที่ 1 โดย Malik M Imran จาก Pixabay ภาพที่ 2 โดย 영훈 박 จาก Pixabay ภาพที่ 3 โดย Pexels จาก Pixabay ภาพที่ 4 โดย Claudio_Scott จาก Pixabay ภาพที่ 5 โดย Olya Adamovich จาก Pixabay ภาพที่ 6 โดย StartupStockPhotos จาก Pixabay ภาพที่ 7 โดย Free-Photos จาก Pixabay ที่มา แหล่งอ้างอิง 1 แหล่งอ้างอิง 2 แหล่งอ้างอิง 3 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !