สำหรับศึกการแย่งชิงโควต้าตั๋วยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2022-2023 ใกล้ที่จะได้บทสรุปกันแล้วนะครับ หลังจากที่ทำการห้ำหั่นมาตลอดระยะเวลา 9 เดือน ในวันนี้พรีเมียร์ลีกก็ทำการแข่งขันกันมาแล้ว 37 นัด ณ วันที่พิมพ์บทความนี้ซึ่งก็มีเพียงเชลซีเท่านั้นที่ยังมีนัดตกค้าง ยังไม่ได้แข่งนัดที่ 37 โดยจะต้องไปเตะกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคมนี้ แต่ด้วยผลการแข่งขันล่าสุดของคู่แข่งแย่งชิงตั๋ว UCL อย่างอาร์เซนอลพลาดท่าบุกไปพ่ายให้กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ทำให้เชลซีที่ซึ่งรั้งอันดับ 3 การันตีตั๋วยูซีแอลในฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลการแข่งขันล่าสุดของไอ้ปืนใหญ่นั้น ทำให้ผมตั้งชื่อบทความนี้ว่า "อาร์เซนอลกับตั๋ว UCL ที่ถูกขยำและโยนทิ้งด้วยมือตัวเอง"อย่างที่ผมได้บอกไปครับว่าเชลซีการันตีการได้ตั๋วยูซีแอลในฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นผลมาจากที่การอาร์เซนอลบุกไปแพ้ให้กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ทำให้แต้มของเชลซีทิ้งห่างอาร์เซนอลที่อยู่ในอันดับที่ 5 ถึง 4 คะแนน แต่อาร์เซนอลเหลือการแข่งขันเพียงนัดเดียว ทำให้ยังไงอาร์เซนอลก็ไม่สามารถแซงเชลซีได้แล้ว โดยอันดับที่ปืนใหญ่จะทำได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ก็คืออันดับ 4 ซึ่งตอนนี้เจ้าของอันดับคือท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส คู่อริร่วมกรุงลอนดอนหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงตั้งชื่อบทความว่า "อาร์เซนอลกับตั๋ว UCL ที่ถูกขยำและโยนทิ้งด้วยมือตัวเอง" เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับฤดูกาลนี้อาร์เซนอลเริ่มต้นด้วยผลการแข่งขันที่ย่ำแย่มากๆ ด้วยผลงาน 3 นัดแรก แพ้รวดทั้ง 3 นัด แถมทั้ง 3 นัดนั้นอาร์เซนอลไม่สามารถทำประตูใส่คู่แข่งได้เลยแม้แต่ประตูเดียว ไล่เรียงจากการเปิดนัดแรกของพรีเมียร์ลีกด้วยการบุกไปแพ้ทีมน้องใหม่อย่างเบรนท์ฟอร์ด 2-0 ต่อด้วยพ่ายในเกมลอนดอน ดาร์บี้ต่อเชลซี 0-2 และปิดท้ายด้วยบุกไปแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-5 พร้อมกับใบแดงของกรานิต ชาก้า ผลของการแพ้ 3 นัดรวดแถมยิงประตูไม่ได้เลยแบบนี้ของปืนใหญ่ ทำให้ทีมของมิเกล อาร์เตตาหล่นไปอยู่ในอันดับสุดท้ายของตารางคะแนน ซึ่งก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าหมดเวลาและต้องปลดกุนซือที่เป็นอดีตผู้ช่วยของเป๊ป กวาร์ดิโอลาแล้วหรือยังแต่ใครจะไปเชื่อว่าหลังจบนัดที่ 10 ของพรีเมียร์ หรืออีก 7 นัดต่อมา อาร์เตต้าจะพาทีมที่จมอยู่บ๊วยหลังจบนัดที่ 3 กลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 6 ของตาราง เรียกได้ว่า "ฟื้นจากความตาย" เลยก็ว่าได้ ด้วยผลงานชนะ 5 เสมอ 2 ยิง 12 เสียเพียง 4 และฝากผลงานอันสุดยอดด้วยการเปิดบ้านชนะสเปอร์สในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ 3-1 และบุกไปชนะเลสเตอร์ ซิตี้ถึงถิ่นคิงพาวเวอร์ สเตเดียม 0-2 อาร์เซน่อล vs สเปอร์ส 3-1 : คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกเลสเตอร์ ซิตี้ vs อาร์เซน่อล 0-2 : คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกและหลังจากนั้นอาร์เตต้าก็พาอาร์เซนอลทำผลงานติดลมบนมาเรื่อยๆ อยู่ในโซนกลางตารางมาตลอด มีลุ้นตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ถึงแม้จะมีปัญหาภายในทีมหลายอย่าง เช่น ปัญหาผู้เล่นและทีมงานติดโควิด, ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ และปัญหาของกัปตันทีมอย่างปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยองที่สุดท้ายเจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลนาในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาวแต่ในขณะที่เสียกองหน้ากัปตันทีมไป อาร์เตตากลับไม่ซื้อกองหน้าคนอื่นมาทดแทนเลย และปัญหาอาการบาดเจ็บของฟูลแบ็คคนสำคัญทั้งสองข้างอย่างทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แบ็คขวาชาวญี่ปุ่นที่ได้มาจากโบโลญญาในตลาดซัมเมอร์ และคีแรน เทียร์นีย์ แบ็คซ้ายชาวสก็อตแลนด์ ที่มีอาการบาดเจ็บและต้องพักอยู่ในหลักหลายสัปดาห์ หลักเดือนเลยด้วย โดยเฉพาะเทียร์นีย์ที่ตอนนี้บาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องปิดเทอมซีซั่นนี้ไปแล้ว แต่อาร์เตตาก็คงจะเชื่อมั่นในตัวลูกทีมคนอื่นๆ จึงไม่ซื้อใครมาเป็นแบ็คอัพ แถมในรายของเทียร์นีย์ก็มาเจ็บหลังจากที่ตลาดซื้อขายปิดไปแล้ว ซึ่งดูแล้วก็เหมือนว่าอาร์เตต้าคิดถูกที่ไม่ซื้อใครมาเพิ่ม เพราะเจ้าตัวก็ยังพาอาร์เซนอลยังทำผลงานได้ดี ถึงแม้จะมีสะดุดบ้าง และก็มีตกรอบฟุตบอลถ้วยในประเทศ แต่ผลงานโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจถ้าเทียบกับผลงานใน 3 นัดแรกจนในที่สุดหลัง Matchweek 28 หรือจบนัดที่ 25 ของทีม อาร์เตต้าก็พาไอ้ปืนใหญ่กลับมาอยู่ในอันดับที่คุ้นเคยในอดีตซึ่งก็คือ "อันดับ 4" ด้วยการบุกไปชนะวัตฟอร์ด 2-3 แถมอาร์เซนอลก็ยังมีโปรแกรมที่ได้เปรียบกว่าทีมอื่นอีก เพราะมีเกมตกค้างที่เลื่อนการแข่งขันจากปัญหาโควิดอยู่ถึง 2-3 นัด และต่อด้วยในนัดที่ 26 ของทีมก็เปิดบ้านชนะเลสเตอร์ 2-0 แต่หลังจากนั้นอีก 5 นัด จู่ๆ ลูกทีมของอาร์เตต้าก็เหมือนรถแหกโค้ง เพราะเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวจาก 5 นัด โดยเริ่มที่แพ้ลิเวอร์พูลคาบ้าน 0-2 แต่นัดต่อมาก็ยังสามารถบุกไปชนะแอสตัน วิลลา 1-0 แต่กลับแพ้รวดอีก 3 นัดติดต่อกัน ไล่เรียงจากบุกแพ้คริสตัล พาเลซ 3-0, แพ้ไบรท์ตันคาบ้าน 1-2 และบุกไปแพ้เซาแธมป์ตัน 1-0 ทำให้หลังจากจบนัดที่ 31 ของทีม อาร์เซนอลกระเด็นกลับลงไปอยู่ในอันดับที่ 6แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลือการแข่งขัน 7 นัด ก็ดูจะคืนฟอร์มได้อย่างสุดยอด เริ่มจากบุกไปชนะเชลซีถึงบ้าน 2-4 ต่อด้วยเปิดบ้านชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ตามด้วยบุกไปชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในเกมลอนดอน ดาร์บี้ 1-2 และปิดท้ายด้วยเก็บชัยชนะในบ้านที่ต้องเจอลีดส์ที่หนีตกชั้น 2-1 ทำให้กลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 พร้อมกับทำคะแนนทิ้งห่างสเปอร์สที่อยู่ในอันดับที่ 5 อยู่ถึง 4 คะแนน ซึ่งถึงตอนนี้ก็แข่งกันเท่ากันที่ 35 นัดแล้ว แต่ในนัดที่ 36 หรือถัดต่อมาทั้งคู่จะต้องโคจรมาเจอกันซึ่งถ้าหากอาร์เซนอลบุกไปชนะไก่เดือยทองได้ การแย่งชิงโควต้ายูซีแอลก็จะจบทันที เพราะปืนใหญ่จะทำคะแนนทิ้งห่างไก่เดือยทองถึง 7 คะแนน แต่เหลือการแข่งขันอีก 2 นัด ซึ่งยังไงสเปอร์สก็ตามไม่ทันแล้วแน่นอนเข้าสู่ช่วง 3 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ถ้าหากเปรียบตั๋วยูซีแอลคือถ้วยรางวัลถ้วยนึง ลูกทีมของอาร์เตต้าก็จับหูของถ้วยรางวัลนั้นแล้วข้างนึง เพราะอาร์เซนอลดันมาแหกโค้งที่ไม่เพียงแค่เอามือออกจากการจับถ้วยรางวัล แต่กลับโยนถ้วยรางวัลนั้นทิ้งไปด้วยน้ำมือตัวเอง โดยเริ่มที่การบุกไปโดนสเปอร์สของอันโตนิโอ คอนเต้ถล่ม 3-0 แถมใบแดงของร็อบ โฮลดิ้ง ทำให้อาร์เซนอลถูกสเปอร์สจี้หลังมาเหลือเพียงคะแนนเดียว แถมในนัดที่ 37 สเปอร์สก็ชิงความได้เปรียบจากการที่ได้แข่งก่อนด้วยการเปิดบ้านเฉือนชนะเบิร์นลีย์ที่หนีตกชั้น 1-0 ซึ่งถ้าหากอาร์เซนอลอยากกลับมากุมความได้เปรียบก็ต้องบุกไปชนะนิวคาสเซิลในคืนวันจันทร์ที่ 16 พฤษาคมให้ได้แต่เหมือนฤดูกาลหน้าไอ้ปืนใหญ่ไม่อยากไปยูซีแอลยังไงไม่รู้ เพราะดันบุกไปแพ้ทีมสาลิกาดง 2-0 ชนิดที่ว่าจะถ้าพูดว่าสู้นิวคาสเซิลไม่ได้เลยก็ไม่ผิด แถมแพ้ไม่พอก็ยังต้องเสียโทมิยาสุจากอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ทำให้กลายเป็นว่าสถานการณ์พลิกจากที่ตัวเองนำคู่แข่งอยู่ 4 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัด กลับกลายมาเป็นแพ้รวด 2 นัด พร้อมทั้งส่งคู่แข่งอย่างสเปอร์สขึ้นไปอยู่ในอันดับ 4 และถีบตัวเองลงมาอยู่ในอันดับที่ 5สเปอร์ส VS อาร์เซน่อล 3-0 : คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกนิวคาสเซิ่ล VS อาร์เซน่อล 2-0 : คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกความจริงแล้วการแพ้ให้กับสเปอร์สนั้นเป็นเรื่องพอจะเข้าใจได้ เพราะสเปอร์สในยุคของคอนเต้นั้นกลับมาแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าหากอาร์เซนอลเลือกที่จะเล่นแบบเพลย์เซฟ ไม่เปิดแลกหน้ากับสเปอร์ส เน้นผลการแข่งขันตั้งแต่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่อาร์เตต้ากลับเลือกที่จะใส่แท็คติกบุกเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรก บวกกับความผิดพลาดส่วนบุคคลของเซดริก โซอาเรสที่ทำทีมเสียจุดโทษ และร็อบ โฮลดิ้งที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้อาร์เซนอลต้องเสียถึง2ประตู และเสียเปรียบจำนวนตัวผู้เล่นตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่เริ่มครึ่งหลังมาก็โดนปิดเกมในนาทีที่ 47 เพราะซอนยิงประตูที่ 3 ให้กับสเปอร์สแทนที่ในนัดต่อมาที่เจอนิวคาสเซิล ผู้เล่นอาร์เซนอลจะมีลูกฮึด เพราะพึ่งแพ้สเปอร์สมา แถมสเปอร์สก็ชิงแซงหน้าไปก่อนแล้ว แต่กลับกันผู้เล่นอาร์เซนอลเล่นกันได้อย่างกับคนไร้ passion เล่นไม่ได้ตามแท็คติกที่อาร์เตต้าวางไว้ จนกรานิต ชาก้า กองกลางของทีมให้สัมภาษณ์หลังเกมสุดเดือดว่า ถ้าใครไม่พร้อมกับเกมนี้ก็ควรอยู่ที่บ้านให้มันจบๆ ซะ พร้อมทั้งบอกว่าอาร์เซนอลไม่คู่ควรที่จะไปเล่นแชมเปียนส์ลีก รวมไปถึงยูโรปา ลีกด้วยซ้ำ พร้อมทั้งขอโทษแฟนบอลที่ตามมาเชียร์ด้วยจนมาถึงตรงนี้แล้ว ความหวังที่จะไปกลับไปเวทียูฟ่า แชมเปียนส์ลีกของอาร์เซนอลนับตั้งแต่ฤดูกาลสุดท้ายที่ลงเล่นในถ้วยหูโตในฤดูกาล 2016-2017 หรือในรอบ 6 ปี นั้นดูจะริบหรี่ลงเต็มที เพราะในเกมสุดท้ายของซีซั่นนั้น สเปอร์สจะต้องออกไปเยือนนอริช ซิตี้ที่ตกชั้นไปแล้ว ส่วนอาร์เซนอลจะต้องเปิดบ้านรับเอฟเวอร์ตันที่ยังต้องลุ้นหนีตกชั้นอยู่ ซึ่งถ้าว่าตามฟอร์มการเล่นแล้ว คงไม่ใช่งานยากที่สเปอร์สจะชนะนอริชได้กลับกันฝากของอาร์เซนอลนั้นนอกจากที่จะต้องลุ้นไม่ให้สเปอร์สชนะแล้ว ตัวเองก็ยังต้องชนะเอฟเวอร์ตันให้ได้ แต่อย่าลืมว่าเอฟเวอร์ตันนั้นยังต้องสู้เพื่อความอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก โดยที่อย่างที่เราทราบกันดีว่าฟุตบอลของทีมที่หนีตกชั้นนั้นโคตรจะน่ากลัว อะไรก็เกิดขึ้นได้ แถมถึงแม้สเปอร์สจะพลาดเสมอนอริช และอาร์เซนอลชนะเอฟเวอร์ตัน ก็จะทำให้แต้มมาเท่ากันที่ 69 คะแนน แต่ผลต่างลูกได้เสียของสเปอร์สนั้นดีกว่าอาร์เซนอลอยู่เยอะมาก เพราะก่อนแข่งนัดสุดท้ายสเปอร์สมีลูกได้เสียอยู่ที่ 24 ลูก ส่วนอาร์เซนอลนั้นมีเพียง 9 ลูก ห่างกันถึง 15 ลูก คือถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว ปืนใหญ่ก็ยังมีโอกาสอยู่ แต่ในทางปฏิบัตินั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแต่ก็ใช่ว่าโอกาสของอาร์เซนอลจะไม่มีเลย เพราะถ้าเกิดสเปอร์พลิกล็อคแพ้นอริช อาร์เซนอลก็ขอเพียงชนะเอฟเวอร์ตันให้ได้ก็จะแซงกลับไปเล่นยูซีแอลในฤดูกาลหน้าได้ ซึ่งถ้าจะมองข้อได้เปรียบของปืนใหญ่ก็ยังพอจะมีอยู่บ้าง เพราะตัวเองจะได้เล่นในบ้าน ขณะที่สเปอร์สต้องไปเยือน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็อาจจะเกิดการพลิกล็อคอย่างที่บอกก็ได้ ใครจะไปรู้แต่ถ้าหากสุดท้ายแล้ว "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลจะต้องชวดการไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกเป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกันก็คงต้องเขกกะโหลกตัวเองที่ขยำและโยนตั๋ว UCL ทิ้งด้วยมือของตัวเอง เพราะตัวเองมีโอกาสนั้นอยู่ในมือแล้ว ตัวเองเป็นคนกุมชะตาเองแท้ๆ แต่ก็ไม่รักษามันไว้ไม่ได้ แถมทั้งนี้ก็ต้องชมสเปอร์สของคอนเต้ด้วยที่สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มจนแซงอาร์เซนอลได้อีกครั้งขอบคุณรูปภาพจากOfficial Instagram & Official Facebook ของอาร์เซนอล Official Instagram & Official Facebook ของพรีเมียร์ลีกภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 / ภาพประกอบที่ 8 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !