เช้าวันเสาร์ก่อนจะถึงวันอีสเตอร์ตามความเชื่อของชาวรัสเซียนั้นจะนำอาหาร เช่น แฮม เนย ไข่ต้มสุก ขนมปังไร้เชื้อหรือที่ชาวรัสเซียเรียกว่ากูลิค ไส้กรอก เนื้อรมควัน ชีส เกลือ เค้ก และเทียนไข มาไส่ไว้ในตะกร้าก่อนถึงวันอีสเตอร์ 1 วัน เมื่อจัดวางอาหารทั้งหมดเรียบร้อยแล้วจะนำผ้ามาคลุมตะกร้าพร้อมผูกโบว์ไว้อย่างสวยงาม ซึ่งอาหารเหล่านี้จะไม่ถูกแตะต้องเลยจนกว่าจะถึงวันอีสเตอร์และในปีนี้ก็ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายนนั่นเอง เมื่อถึงวันอีสเตอร์ สมาชิกในครอบครัวจะต้องชิมอาหารทั้งหมดที่อยู่ในตะกร้า เพราะชาวรัสเซียเชื่อว่าหากไม่ชิมอาหารที่อยู่ในตะกร้าทั้งหมดจะนำพาความโชคร้ายมาให้แก่ตน เนย เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามซึ่งหมายถึงพระเยซู ชีส เป็นสัญลักษณ์ของความพอเพียง อันเป็นคุณสมบัติที่ชาวคริสต์ทุกคนควรมีติดตัวตลอดเวลา ไส้กรอก เป็นสัญลักษณ์ของความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ ซึ่งในภาษารัสเซียจะเรียกไส้กรอกว่า คอลบาซา (kolbasa) แฮมหรือเนื้อแกะ เป็นสัญลักษณ์ของความสุขและความอุดมสมบูรณ์ อาจจะทำมาจากเนื้อลูกแกะหรือเนื้อลูกวัวก็ได้ ซึ่งหมายถึงพระคริสต์ที่ฟื้นคืนพระชนม์โดยพระองค์นั้นเปรียบเสมือนเป็นลูกแกะของพระเจ้า เบคอนรมควัน เบคอนเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตา ความเอื้ออาทรของพระเจ้าที่ทรงมอบให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกลือ นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างมากในอดีต ดังนั้นเกลือจึงหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและความยุติธรรม การนำมาเกลือมาใส่ไว้ในตะกร้าเพื่อย้ำเตือนแก่ชาวคริสต์ทั้งหลายว่า มนุษย์ทุกคนนั้นล้ำค่าเฉกเช่นเดียวกันกับเกลือ ขนมปังไร้เชื้อ มีลักษณะเป็นทรงปิระมิดหรืออาจจะเป็นทรงกลม และตรงด้านบนจะทำเป็นรูเอาไว้เพื่อปักเทียนไขลงไป เพื่อมอบแสงสว่างระหว่างทำพิธีในโบสถ์ ขนมปังไร้เชื้อเป็นสัญลักษณ์ของหลุมศพพระคริสต์และยังถือว่าเป็นขนมปังแห่งชีวิตอีกด้วย ซึ่งขนมปังไร้เชื้อในรัสเซียจะเรียกว่า กูลิค (kulich) ฮอร์สแรดิช เป็นพืชชนิดหนึ่งมีกลิ่นฉุน ในประเทศญี่ปุ่นนิยมนําไปใช้แทนวาซาบิ ฮอร์สแรดิชสื่อความหมายถึงเลือดที่หลั่งลงบนพื้นดินของพระคริสต์ ซึ่งเลือดที่หลั่งออกมานั้นแสดงถึงความรักที่พระองค์ทรงมอบให้แก่ทุกคนบนโลก ฮอร์สแรดิชในภาษารัสเซียจะเรียกว่า เครน (khren) ไข่ต้มสุก จะถูกนำมาทาด้วยสีแดง และวาดลวดลายอย่างสวยงามลงบนเปลือกไข่ ซึ่งในความเชื่อของชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์นั้น ไข่หมายถึงความมีชีวิตชีวา ความรุ่งเรือง และการฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ เทียนไข จะถูกนำมาใช้ประกอบพิธีขณะอยู่ในโบสถ์ ซึ่งแสงสว่างที่เทียนไขมอบให้แก่ทุกคนเป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ที่ได้มอบแสงสว่างเหล่านี้ให้แก่โลกมนุษย์ ผ้าคลุมตะกร้า จะต้องปักด้วยลวดลายที่สวยงาม เพราะผ้าคลุมตะกร้านั้นเป็นสัญลักษณ์ของผ้าห่อศพพระเยซู และยังสื่อถึงความสุขและชีวิตใหม่ที่จะมาถึงในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย โดยปกติแล้วผ้าคลุมตะกร้ามักทำมาจากผ้าลินิน พร้อมปักด้วยลายที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาอันสื่อถึงการฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ ซึ่งลายที่ปักลงบนผ้านั้นจะถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นมรดกสืบทอดต่อกันไป เครดิตภาพ: ขอบคุณภาพหน้าปกจากคุณ 지원 이 ภาพที่ 1 Photo by Johanna Dahlberg ภาพที่ 2 Photo by Markus Winkler ภาพที่ 3 Photo by fatesmith ภาพที่ 4 Photo by Roman Spiridonov