อียิปต์โบราณ : ประวัติศาสตร์ยุโรป EP. 2 เมื่อเราคิดถึงอารยธรรมในยุคโบราณ เรามักจะคิดถึงอารยธรรมอียิปต์ รูปของมหาพีระมิดแห่งกีซา, สฟิงซ์, แม่น้ำไนล์ และเรื่องราวของตุตันคาเมนจะเด้งขึ้นมาในหัวเรา อารยธรรมอายุประมาณ 5,000 ปีนี้ ยังคงปรากฏชัดให้เห็นในสายตาของมนุษย์ในปัจจุบันภาพถ่ายมหาสุสานแห่งกีซา (Giza pyramid complex) ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 2009 อารยธรรมอียิปต์โบราณ (Ancient Egypt) มีอายุตั้งแต่ประมาณ 3,000 - 332 ปีก่อนคริสตกาล หรือนับตั้งแต่ที่ชาวอียิปต์รู้จักตัวอักษรเฮียโรกลิฟฟิคในสมัยอาณาจักรเก่า ไปจนกระทั่งอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) พากองทัพมาซิโดเนียเข้าพิชิตอียิปต์อันที่จริงชาวอียิปต์มีการเขียน 2 แบบ ; เฮียโรกลิฟฟิค (Hieroglyphs) มีไว้สำหรับเขียนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งเรารู้จักกันดี, อีกแบบคือ เดโมติค (Demotic) ไว้เขียนเรื่องทั่วไป สัญญา ข้อตกลง คนทะเลาะกัน เรื่องน่าเบื่อทั้งหลายแหล่ ฯลฯ "Edwin Smith Papyrus" เอกสารทางการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เหลือรอดและค้นพบในโลกนี้, จัดทำขึ้นราว 1,600 ปีก่อนคริสตกาล (อายุประมาณ 3,600 ปีมาแล้ว) เฮโรโดตัส (Herodotus) นักปราชญ์ชาวกรีกตั้งฉายาอียิปต์โบราณว่า “ของขวัญของแม่น้ำไนล์” (The Gift of the Nile) ซึ่งบางทีก็ออกสอบให้เด็กมหาลัยเขียนตอบกันว่า คำนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ?แต่คำถามที่น่าจะเจอกันบ่อยกว่า คือ ให้เปรียบเทียบระหว่างอียิปต์โบราณ กับอารยธรรมเมโสโปเตเมียอียิปต์โบราณนั้นแทบไม่มีอะไรเหมือนกับเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) (ยกเว้นถูกอเล็กซานเดอร์มหาราชเข้าพิชิต, ขอบคุณนะ, อเล็กซานเดอร์ ! ) พวกเขามีปราการธรรมชาติคอยป้องกัน โดดเดี่ยวพวกเขาออกจากชนชาติอื่น ๆ ที่อาจจะเข้ามารุกรานได้ ทำให้ถูกโจมตีได้ยากกว่าเมโสโปเตเมีย, พวกเขามีแม่น้ำไนล์ที่ไม่ทำตัวงี่เง่าเหมือนแม่น้ำไทกริส - ยูเฟรติส, เทพเจ้าของพวกเขาก็ทำตัวน่ารักกว่าเทพเจ้าของชาวเมโสโปเตเมีย จริง ๆ แล้วแทบทุกอย่างของอียิปต์โบราณเกี่ยวพันกับแม่น้ำไนล์ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์, ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 2003 แม่น้ำไนล์เป็นแหล่งกำเนิดทรัพยากรที่สำคัญมากของชาวอียิปต์ มันคาดเดาฤดูน้ำได้ง่าย ง่ายจนทำนายได้เป๊ะ ๆ แทบทุกปี, ปริมาณน้ำมหาศาลไหลตลอดทั้งปีชำระสิ่งปฏิกูล และโรคภัย, ลำน้ำไนล์ยาวเป็นพันกิโลเมตร เพียงพอที่จะครอบคลุมทรัพยากรต่าง ๆ เช่น หิน ไม้ โลหะ และทอง ทำให้เกิดการค้าอันมั่งคั่ง, ชาวอียิปต์จึงก่อร่างสร้างอารยธรรมขึ้นแต่เฉพาะตามลำน้ำไนล์เท่านั้น ไม่ได้กระจายตัวออกไปไกลกว่านั้นเลย ชาวอียิปต์ไม่ต้องทำระบบชลประทานที่ซับซ้อนเหมือนอารยธรรมโบราณอื่นของโลก พวกเขาแค่ขุดตลิ่งต่อเนื่องมาจากแม่น้ำไนล์ให้สูงกว่าเดิมนิดนึง พอถึงฤดูน้ำหลาก พื้นที่บริเวณนั้นจะท่วมด้วยตะกอนดินอันอุดมสมบูรณ์ พอน้ำลด ชาวอียิปต์ก็หว่านเมล็ดอะไรก็ตามที่มี และอยากกินลงไป แล้วมันก็จะงอกงามทุกปี ๆ เพราะแม่น้ำไนล์นั้นทำนายได้ง่ายมากเหตุนี้เองพวกเขาจึงมีอาหารส่วนเกินจำนวนมาก ทำให้มีเวลา และพลังงานเหลือเฟือไปทำอย่างอื่นที่ยุ่ง วุ่นวายมากกว่านั้น อย่างการสร้าง พีระมิด พีระมิด (Egyptian pyramids) นอกจากที่เราเห็นเป็นทรงสามเหลี่ยมแหลมขึ้นไปบนฟ้าแล้ว มันยังทำให้เราเห็นด้วยว่า ชาวอียิปต์สามารถปกครอง และจัดระเบียบสังคมได้ดีเพียงใด จึงสามารถโน้มน้าวให้ประชาชน (และทาส) มาทำงานสร้างสุสาน (ขนาดมหึมา) ให้กับคนอื่นได้ (แม้ว่าคนนั้นจะเป็นฟาโรห์ก็ตาม) โอเค . . . มันมีกฎหมายอยู่ว่าชาวอียิปต์ต้องมารับใช้รัฐบาล (ฟาโรห์) ตามเดือนในแต่ละปีที่รัฐบาลจะกำหนด แต่ก็นั่นแหล่ะ ถ้าประชาชนของคุณไม่ก่อกบฏ และสามารถสร้างสุสานใหญ่ขนาดนี้ได้ มันก็พอจะบอกได้ว่า คุณปกครองได้ดีเพียงใดหันไปดูข้อเท็จจริงที่ว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา (The Great Pyramid of Giza) สร้างขึ้นระหว่าง 2550 - 2490 ปีก่อนคริสตกาล (ใช้เวลาสร้าง 60 ปี circa) โอเค . . . คุณเป็นรัฐบาลที่ดี แต่เปล่าเลย ชาวอียิปต์ไม่ได้ถูกผลักดันให้มาสร้างพีระมิดเพราะพวกเขาชอบรัฐบาลที่เขาไม่ได้เลือก เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าที่ชื่อว่า รา เทพรา (เทพ - รา - Ra) เป็นเทพเจ้าสูงสุดของชาวอียิปต์ เป็นพระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ และการสร้าง แนวคิดก็คือว่า “มนุษย์เอ๋ย . . . ถ้าพวกเจ้าทำหน้าที่ของเจ้าได้ดีแล้ว เหล่าทวยเทพจะดูแลให้จักรวาลดำเนินต่อไปอย่างปกติสุข” ซึ่งก็อาจจะยังดูไม่เกี่ยวอะไร เว้นเสียแต่ว่า ฟาโรห์ของคุณจะกลายเป็นเทพเจ้าหลังจากที่ตายไปแล้ว ดังนั้นในเมื่อคุณต้องทำให้เทพเจ้าพอใจ และอนาคตเทพเจ้าที่ยังไม่ตายของคุณอยากได้สุสานใส่ของมีค่าสำหรับใช้ในชีวิตในโลกหน้า . . . บูมมม . . . ชาวอียิปต์ก็ได้พิระมิดขึ้นมาในขณะที่เมโสโปเตเมียแอบใช้เทคนิคนิดหน่อยในการทำให้กษัตริย์ขึ้นมามีอำนาจเหนือนักบวช แต่ชาวอียิปต์เจ๋งกว่านั้น เพราะตำแหน่งฟาโรห์ (Pharaoh) เป็นผู้นำสูงสุดทั้งทางโลก และทางศาสนาในคนคนเดียว เคลียร์ปัญหาการแย่งชิงระหว่างนักบวช กับกษัตริย์ได้อย่างสบาย ๆ, สมมติเทพ จงเจริญ . . . นั่นคือเรื่องราวเฉพาะในสมัยอาณาจักรเก่า (Old Kingdom of Egypt) 2649 - 2152 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นอียิปต์เข้าสู่สมัยอาณาจักรกลาง (Middle Kingdom of Egypt) ราว 2040 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์ได้ผู้ปกครองเป็นชาวนูเบีย (Nubia) ซึ่งมาจากทางทิศใต้ตามลำน้ำไนล์ พวกเขาสถาปนาเทพของพวกเขาขึ้นมาเหนือชาวอียิปต์แล้วก็สร้างเรื่องราวเทพ ๆ ให้เทพอามุน (Ammun) ของชาวนูเบียไปรวมเข้ากับเทพ - ราซึ่งเป็นเทพดั้งเดิมของชาวอียิปต์ และเราก็ได้เทพอามุน - รา (Ammun - Ra) ขึ้นมา ซึ่งชาวอียิปต์ก็ดูจะยอมรับเทพกึ่งเก่ากึ่งใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี พวกเขาสร้างวิหาร และสิ่งอุทิศมากมายถวายให้กับเทพอามุน - รา ในสมัยอาณาจักรกลางไม่ได้สงบร่มเย็นเหมือนกับสมัยอาณาจักรเก่า พวกเขารบ ๆ พุ่ง ๆ กับเพื่อนบ้าน เข้าพิชิตดินแดนนูเบียทางตอนใต้ และโดนพวกฮิกซอส (Hyksos) จากตะวันออกกลางเข้ารุกราน ฮิกซอสมีอาวุธที่ดีกว่า และรถม้า พวกเขาสามารถยึดครองเหนือดินแดนอียิปต์ได้ทั้งหมด (ราว 1650 - 1550 ปีก่อนคริสตกาล) แต่ผู้ปกครองใหม่ก็เข้าผสมกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมอียิปต์ ทำให้อียิปต์ ยัง เอ่อ . . . ดูเป็นอียิปต์อยู่ดี หลังจากร้อยกว่าปีที่มีผู้ปกครองชาวต่างชาติ อียิปต์ก็เลียนแบบวิธีการรบของพวกฮิกซอส ก่อกบฎ และขับไล่ฮิกซอสออกไปได้ เป็นการเริ่มต้นสมัยอาณาจักรใหม่ ในสมัยอาณาจักรใหม่ (New Kingdom of Egypt) อียิปต์เริ่มแผ่ขยายอำนาจออกไปพิชิตดินแดนต่าง ๆ (อีกครั้ง) ตั้งแต่นูเบียทางทิศใต้ ไปจนถึงแถบลุ่มแม่น้ำไทกริส - ยูเฟรติส ทำให้อียิปต์มีรูปแบบเป็นจักรวรรดิ มากกว่าอาณาจักร อียิปต์มั่งคั่งด้วยการค้า ทอง และทาส เราได้รู้จักกับผู้ปกครองเรืองนามอย่าง พระนางแฮตเชปซุต (Hatshepsut) ฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 (Ramesses II) และฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun) ตุตันคาเมน แทบไม่ได้มีบทบาทอะไรสำคัญเท่ากับอีก 2 นามที่กล่าวมา พระองค์ขึ้นครองราชย์ตอนอายุประมาณ 8 - 9 ขวบ และตายในอีกราว 10 ปีให้หลัง จริง ๆ แล้วที่พระองค์มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาก็เพราะว่าสุสานของฟาโรห์คนอื่นโดนโจรปล้นไปเกือบหมดแล้ว และสุสานของพระองค์โดนโจรชาวอังกฤษปล้นในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่มีหนังสือพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวกับสุสานของพระองค์แทบทุกวันติดต่อกันเป็นปี อีกอย่าง, สุสานของตุตันคาเมน ไม่ได้มีลักษณะเป็นพิระมิดด้วยซ้ำ ในสมัยนั้นพ้นยุคของพิระมิดมาได้ 1,200 ปีแล้ว สุสานของตุตันคาเมนเป็นห้องใต้ดินในหุบผาแห่งกษัตริย์ (Valley of the Kings) ที่ . . . ก็ . . . ถือได้ว่าค่อนข้างเล็ก และมีแค่ห้องไว้พระศพที่มีจิตรกรรมฝาผนัง ที่ . . . ดูเหมือน . . . รีบ ๆ วาดให้เสร็จ ๆ ไป และมีคราบสีหยด เปื้อนตามผนังด้วยซ้ำ แถมข้าวของเครื่องใช้ส่วนหนึ่งที่ฝังอุทิศให้ ก็ . . . เป็นของคนอื่นมาก่อน แต่มาดัดแปลงให้กับพระองค์ทีหลังภาพถ่ายทางเข้าหลุมฝังศพของตุตันคาเมน, ช่องที่เห็นเป็นอุโมงค์ลงไปใต้ดิน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าตุตันคาเมน ไม่สำคัญ สำหรับปัจจุบันแล้วเรื่องราวของตุตันคาเมน การค้นพบ และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นแรงบันดาลใจมาให้กับคนหลายรุ่นทั่วโลกสำหรับการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโบราณคดี และอียิปต์วิทยา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และยังประโยชน์ให้กับวงการโบราณคดีทั่วโลก เป็นความก้าวหน้าที่คนตายมาแล้วกว่า 3,300 ปีมอบให้กับมนุษยชาติ... กลับมาที่อาณาจักรใหม่ ที่ดูยิ่งใหญ่เมื่อตะกี้ เพราะจากนั้นอียิปต์ก็ค่อย ๆ เสื่อมลง ฟาโรห์พระองค์หนึ่งนามว่า อาเมนโฮเตปที่ 4 (Amenhotep IV) อยากจะสร้างพระเจ้าองค์ใหม่ขึ้นมา ชื่อ อาเตน (Aten) แทน อาเมน (Amen) พระองค์เปลี่ยนพระนามตัวเองเป็น อัคนาตัน (Akhenaten) เพื่อบูชาเทพ ‘อาเตน’ ทำให้ประชาชนไม่ค่อยจะยอมรับเท่าไร (จริง ๆ แล้วชื่อของฟาโรห์ ‘ตุตันคาเมน’ มาจาก ‘ทัต อัน อาเมน’ (Tut Ankh Amun) ซึ่งเป็นแสดงการไม่ยอมรับใน ‘อาเตน’ (และใช้ชื่อ ‘อาเมน’ แทน)ป้ายชื่อทางเข้าสุสานตุตันคาเมนที่เขียนว่า Tut Ankh Amun ผลคือความแตกแยก และทำให้อียิปต์อ่อนแอลง เมื่อจักรวรรดิอียิปต์มีภัยคุกคามจากต่างชาติ พวกอัสซีเรียก็เข้ามายึดครองอียิปต์ได้ (667 - 663 ปีก่อนคริสตกาล) และตามด้วยพวกเปอร์เซีย (525 - 404 และ 343 - 332 ปีก่อนคริสตกาล) และมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งยึดอียิปต์ได้จากพวกเปอร์เซียอีกที และสุดท้ายก็พวกโรมันที่ยึดจากพวกมาซิโดเนีย (หรือกรีก) อีกที ชายตามองไปที่น้องนักเรียน ม.6 ในบ้านเรา ที่นั่งอ่านเรื่องอียิปต์เพื่อไปสอบ O-Net ซึ่งออกสอบเรื่องอียิปต์ทั้งหมด 1 ข้อ (และเป็นข้อที่ปนกับข้ออื่น ข้อเดียวกับเมโสโปเตเมียนั่นแหล่ะ ! ) สำหรับนิสิตประวัติศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย . . . โอเค . . . คุณไปสอบได้แล้ว “จงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอารยธรรมอียิปต์ กับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย” 1 ข้อ, 10 คะแนน, เขียนมา ! บรรณานุกรม- อ้างอิง 1 / อ้างอิง 2 / อ้างอิง 3 / อ้างอิง 4 / อ้างอิง 5 / อ้างอิง 6 /- เพ็ญศรี ภูมิถาวร, รศ. และคณะ. 2543. อารยธรรมโลก. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.- Hutton Webster. 2005. EARLY EUROPEAN HISTORY. (10th Edition). Project Gutenberg. เครดิตภาพประกอบ- ภาพที่ 1 : KennyOMG / Wikipedia- ภาพที่ 2 : Jacques Descloitres / worldhistory- ภาพที่ 3 : Jeff Dahl / worldhistory- ภาพที่ 4 : Paweł Sankowski / Google Earth- ภาพที่ 5 : Joshdboz / Wikipediaอัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !