สวัสดีครับเพื่อนๆชาว True-id In Trend ทุกคนเคยสงสัยกันไหมครับว่าที่ชาร์จโทรศัพท์ปลอมทั้งหลายที่วางขายอยู่ตามตลาดนั้นจริงๆแล้วมันมอันตรายต่อเราหรือต่อโทรศัพท์เรายังไงบ้าง วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆทุกคนไปคลายข้อสงสัยในเรื่องนี้กันครับ ก่อนอื่นต้องให้ทุกคนทำความเข้าใจเรื่องนึงก่อนครับนั่นก็คือโดยทั่วไปแล้วโทรศัพท์ส่วนใหญ่ต้องการไฟฟ้ากระแสตรงในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งเราทุกคนต่างก็รู้ว่าไฟฟ้าจากปลั๊กไฟตามบ้านเราเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเราจึงต้องการเจ้าสายชาร์จนี่แหละเป็นตัวแปลงไฟฟ้าจากปลั๊กไฟเราให้กลายเป็นไฟฟ้าที่เหมาะสมในการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ ซึ่งการชาร์จไฟโทรศัพท์นอกจากกระแสไฟฟ้าแล้วเรายังต้องการอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คือวงจรควบคุมการชาร์จ โดยทั่วไปแล้ววงจรควบคุมการชาร์จนั้นจะถูกติดตั้งอยู่ภายในตัวโทรศัพท์ ที่ชาร์จนั้นเป็นเพียงแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าที่คอยควบคุมกระแสไฟฟ้าในการชาร์จแต่มันไม่ได้ทำการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับความรวดเร็วหรือระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ตราบใดที่มีไฟฟ้ากระแสตรงประมาณ 5 V และกระแสไฟที่เหมาะสม (1, 2 หรือ 2.4 A) โทรศัพท์จะไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้นและการชาร์จแบตเตอรี่จะดำเนินการไปตามปกติ ความเสี่ยงหลักของที่ชาร์จโทรศัพท์ปลอมนั่นก็คือตัวที่ชาร์จนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างดีพอที่จะสามารถแยกไฟฟ้ากระแสสลับจากปลั๊กไฟที่เข้ามายังหัวชาร์จกับไฟฟ้ากระแสตรงที่ถูกแปลงและส่งต่อไปยังโทรศัพท์ได้ หากเป็นที่ชาร์จที่มีคุณภาพดีนั้นเราสามารถที่จะยืนในอ่างอาบน้ำที่มีสายดินในขณะที่มือเราถือโทรศัพท์ไว้ในมือ และในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับที่ชาร์จแล้วเสียบเข้ากับปลั๊กไฟที่ผนัง ตัวเรานั้นไม่ควรที่จะได้รับอันตรายใดๆเพราะไฟฟ้ากระแสตรงที่ใช้ในการชาร์จโทรศัพท์นั้นได้แยกอย่างสมบูรณ์จากไฟฟ้ากระแสสลับที่ปลั๊กไฟ ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนมากถูกไฟฟ้าช็อตโดยที่ชาร์จปลอมที่สร้างขึ้นไม่ดีและไม่สามารถแยกขาดไฟฟ้ากระแสสลับจากไฟฟ้ากระแสตรงได้อย่างสมบูรณ์ กระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากปลั๊กไฟที่ผนังจึงไหลผ่านอุปกรณ์ชาร์จไปยังโทรศัพท์และจากนั้นจึงผ่านคนลงสู่พื้นดินหมายเหตุ: แม้ว่าเราจะมีที่ชาร์จ Apple ของแท้ก็อย่าลองทดสอบชาร์จในอ่างอาบน้ำตามที่ผมได้เขียนไว้ด้านบน มันไม่คุ้มกับชีวิตของเราที่จะทดสอบว่าที่ชาร์จนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม เพราะแม้กระทั่งเครื่องชาร์จ Apple เองก็อาจมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นได้ เครดิตรูปภาพ : ภาพหน้าปก : pxhere/ รูปภาพที่ 1 : wikimedia/ รูปภาพที่ 2 : wikimedia/ รูปภาพที่ 3 : flickr