เคยสังเกตไหมว่า หลังจากที่แพทย์ทำคลอดเสร็จ จะรีบนำเด็กมาให้แม่อุ้มทันที การทำแบบนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อให้แม่ของเด็กได้แน่ใจว่าลูกปลอดภัยดี อวัยวะครบสามสิบสองประการ แต่เหตุผลสำคัญที่หลายคนไม่รู้คือการทำแบบนี้เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างแม่กับลูก ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการเติบโตของลูก ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และอารมณ์ มีงานวิจัยว่า เด็กที่ได้รับการตอบสนองด้วยความรักอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่นาทีแรกที่ลืมตาดูโลกจะมีแนวโน้มเติบโตเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีความฉลาดทางอารมณ์(EQ) มีทักษะในการเข้าสังคมจากการศึกษาในเด็กวัย 1 เดือนที่ได้รับการอุ้มจากแม่ทันทีหลังคลอดจะมีความตื่นตัวและอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเด็กที่ถูกแยกจากแม่เกิน 6 ชั่วโมงก่อนที่จะได้รับน้ำนมแม่ “ยิ่งระยะเวลาที่ถูกแยกจากแม่นานแค่ไหน ยิ่งเป็นอันตรายต่ออารมณ์และพัฒนาการของเด็กในระยะยาว”แต่น่าเศร้าที่การแพทย์สมัยใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง สถานพยาบาลหลายแห่งมีนโยบายไม่อนุญาตให้พ่อของเด็กเข้าห้องคลอดด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของแพทย์และเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ในขณะที่พ่อแม่ของเด็กเองก็ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญในการดูแลลูกแรกเกิด หลายครั้งที่หน้าที่ในการอนุบาลเด็กแรกเกิดจึงกลายเป็นบทบาทหลักของพยาบาลบทความนี้ เราอยากจะให้ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นพ่อแม่ในอนาคตได้เข้าใจว่าช่วงเวลานับตั้งแต่นาทีแรกเกิดของลูกจนถึงวัย 5 ขวบนั้น สำคัญเอามาก ๆ เพราะถ้าหลัง 5 ขวบไปแล้ว ลูกจะเริ่มห่างเหินพ่อแม่ทีละนิด เริ่มเข้าโรงเรียน เริ่มมีสังคมใหม่ ๆ ฉะนั้นจงรีบฉวยโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์และสร้างตัวตนให้กับลูก อยากจะให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ในช่วง 5 ขวบแรกนี้เป็นโอกาสที่เด็กจะสามารถซึมซับความรักความสัมพันธ์ ทัศนคติ ความเชื่อ คำสอน หรือค่านิยมต่าง ๆ ที่พ่อแม่ต้องการอยากจะให้เขาเป็น ด้วยหลักการ 5 วิธีที่จะช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูก 1.สบตา (make eye contact) ขณะที่พ่อแม่อุ้มลูก การสบตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะลูกรับรู้ได้ว่าพ่อแม่กำลังมอบความรักกับเขาอยู่หรือไม่นั้น ลูกจะดูจากการสบตา การจดจ่อโดยไม่ละสายตา 2.ยิ้มให้ (Smile) นอกจากดวงตาที่บ่งบอกว่าพ่อแม่สนใจเขาแล้ว รอยยิ้มของพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีความฉลาดทางอารมณ์ ลูกได้เรียนรู้การตอบสนองในทางบวกกับคนอื่น เรียนรู้การมอบและการรับความสุขผ่านทางรอยยิ้ม3.สัมผัส (Touching) การสัมผัส เช่นการกอด หอม จับมือ เป็นการแสดงว่าพ่อแม่มีตัวตนอยู่จริง อยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ ลูกจะรู้สึกมั่นคง อบอุ่นใจ และปลอดภัย 4.เคลื่อนไหว (Moving) มากไปกว่าการสบตาและการอุ้มลูก หากขณะอุ้มนั้นมีการเคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กัน เช่นกระโดด หรือเต้นเบา ๆ ตามจังหวะเสียงเพลง จะช่วยส่งเสริมให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาของเด็กได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล5.อาหารที่ดี (Healthy food) อาหารที่ดีมีโภชนาการนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับในวัยเด็กเล็กที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการทางสมอง ร่างกาย สติปัญญา จำเป็นต้องคัดสรรอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต รับประทานอาหารให้ครบถ้วนในทุก ๆ ช่วงวัยของการเติบโตของลูกนั้นมีความสำคัญ ฉะนั้นจงใช้ทุกโอกาสในการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้ลูกได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้เรียนรู้ผ่านทางการอบรมสั่งสอน การมีแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ และที่สำคัญคือการให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ได้มีประสบการณ์จริงกับการเติบโตในแต่ละช่วงวัย อ้างอิง : Tim Lahaye and Bev Lahaye เครดิตภาพภาพปก โดย Satyatiwari www.pixabay.com ภาพที่ 1 โดย PublicDomainpictures www.pixabay.com ภาพที่ 2 โดย PublicDomainpictures www.pixabay.com ภาพที่ 3 โดย storksnap www.pixabay.com ภาพที่ 4 โดย tung256 www.pixabay.com ภาพที่ 5 โดย yalehealth www.pixabay.comอัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !