ในช่วงนี้เป็นช่วงที่บอลลีกนั้นต้องพักเบรคเพื่อลีกทางให้ทีมชาติใน FIFA Day ซึ่งทางฝั่งยุโรปก็จะเป็นการคัดเลือกหาทีมไปเตะฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร 2024" ส่วนฝั่งเอเชียนั้นก็จะเป็นการคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งผลขณะที่ผมพิมพ์บทความนี้อยู่ทีมชาติไทยของเราสามารถบุกไปเสมอเกาหลีใต้ไปได้ 1-1 เก็บ 1 แต้มสำคัญกลับบ้านแบบสุดยอด ยอดเยี่ยมทุกคนๆ เลยครับ แต่สำหรับบทความนี้ไหนๆ ก็พักเบรคแล้ว ผมก็ขอหยิบยกถึงนักเตะคนนึงพร้อมกับสถิติของเขาที่สร้างอิมแพคและการเปลี่ยนแปงต่อทีมของเขานักเตะคนนั้นก็คือ "อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์" กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลก 2022 ครับ เพราะต้องบอกว่าแม็คก้านั้นเข้ามายกระดับลิเวอร์พูลได้แบบชัดเจนมากๆ กลายเป็นกองกลางและผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้เลย แม็คก้าจะสร้างอิมแพคต่อลิเวอร์พูลอย่างไร สถิติต่างๆ จะมีในเรื่องใดบ้าง ไปดูกันเลยครับสำหรับแม็คอัลลิสเตอร์นั้นย้ายจากไบรท์ตันฯ มาอยู่กับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ พร้อมกับดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติอาร์เจนตินาซึ่งถือว่าเป็นค่าตัวที่ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับฝีเท้าและดีกรีที่ได้มา เพราะอย่างที่บอกครับว่าเจ้าตัวมีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกกับทีมชาติอาร์เจนตินา โดยที่แม็คก้าไม่ใช่เพียงแค่ตัวสำรองหรือผู้เล่นหมุนเวียนของกุนซืออย่างลิโอเนล สคาโลนี แต่แม็คก้าคือตัวหลักของอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลกสมัยที่ 3 อีกด้วยในดีลนี้คนที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดก็คือจูเลียน วอร์ด อดีตผู้อำนวยการกีฬาของลิเวอร์พูลที่เป็นคนเดินดีลนี้ซึ่งดีลนี่ก็คือดีลซื้อขายนักเตะคนสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูลก่อนที่จะอำลาทีมไปในช่วงจบฤดูกาล 2022/2023 โดยวอร์ดได้ไปรู้ข้อมูลในสัญญาของแม็คก้ากับทางไบรท์ตันฯ ที่ต่อสัญญากันออกไปก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 เริ่มต้นขึ้นว่าแม็คก้าและทางเอเยนต์ของเขานั้นใส่เงื่อนไขฉีกสัญญาจำนวน 35 ล้านปอนด์เข้าไปด้วย พอวอร์ดรู้ก็ทำการเดินเรื่องในดีลนี้ทันทีและสามารถปิดดีลได้ทันทีหลังที่จบฤดูกาลได้ไม่นาน ทำให้ลิเวอร์พูลได้กองกลางระดับแชมป์โลกมาด้วยราคาถูกแสนถูกการมาของแม็คก้านั้นเหมือนเป็นการยกระดับแผงกองกลางของลิเวอร์พูลอย่างชัดเจน ชัดเจนมากๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีจะสังเกตได้ว่ากองกลางของลิเวอร์พูลในยุคของเยอร์เกน คล็อปป์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสไตล์ผึ้งงาน มีพลังงานที่ล้นเหลือ ไม่ว่าจะเป็นจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุมและรวมไปถึงคนที่ยังอยู่กับทีมอย่างฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ที่ในช่วงหลังก็โดนตัดแต่งพันธุกรรมจากปีกมาเป็นกองกลาง แต่สไตล์ของแม็คก้านั้นแตกต่างออกไปจากชื่อที่ผมได้บอกไป แม็คก้าคือกองกลางที่มีชั้นเชิง มีลูกจ่ายที่ยอดเยี่ยมและแม่นยำ มีคิลเลอร์พาสสวยๆ ให้เห็นตลอด เล่นและมีส่วนร่วมกับเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม แถมสารพัดประโยชน์เหมือนกัน เพราะสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเบอร์ 6, เบอร์ 8 และเบอร์ 10 ดังที่เราได้เห็นไปในฤดูกาลนี้ในช่วงแรกที่วาตารุ เอ็นโดะยังไม่ย้ายมาและพอย้ายมาก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ แม็คก้าคือคนที่รับจบในตำแหน่งกองกลางเบอร์ 6 หรือกองกลางตัวรับที่ยืนอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ ซึ่งถามว่าเล่นเป็นยังไง ก็สอบผ่านครับ ถือว่าแม็คก้าเล่นได้ไม่เลวเลย เพราะถึงขั้นมีเกมนึงที่เขาทำสถิติเข้าแทคเกิลเยอะที่สุดเกือบสิบครั้ง ถ้าผมจำไม่ผิดจะเป็น 8 ครั้งเลยทีเดียว แต่เมื่อเทียบกับความสามารถของแม็คก้าที่มีแล้วก็รู้สึกว่า "เสียของ" ยังไงไม่รู้เหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเคยเล่นตำแหน่งประมาณนี้ที่ไบรท์ตัน แต่สกิลหรือทักษะรวมไปถึงสถิติต่างๆ ที่ออกมา จะเห็นได้ว่าเขามีสถิติเกมรุกที่ดูดีมากๆ พอสมควร แถมกับรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับกองกลางตัวรอบของทีมอื่นๆ อย่างเช่น โรดรีของแมนเชสเตอร์ ซิตี, เดแคลน ไรซ์ของอาร์เซนอลและคาเซมิโรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้วก็ต้องยอมรับว่าแม็คก้าตัวเล็กกว่าพอสมควร หลายๆ จังหวะที่เขาต้องเขาปะทะเพื่อตัดเกมก็ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถทำได้ หรือก็เป็นตัวเองซะอีกที่ชนแล้วกระเด็น มันเลยทำให้เกมรุกของคู่แข่งนั้นสามารถผ่านเขาไปได้หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นมันจึงเกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์จากเหล่ากูรูและแฟนบอลที่อยากเห็นแม็คก้านั้นได้เล่นในตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่านี้ ขึ้นไปใกล้กับเขตโทษของคู่แข่งมากกว่านี้แต่ในจุดนี้ก็เข้าใจคล็อปป์อยู่เหมือนกันว่าเอ็นโดะถึงแม้จะมีประสบการณ์ในเวทียุโรปมาแล้ว แต่กับฟุตบอลที่อังกฤษก็ต้องใช้เวลาปรับตัวเหมือนกันโดยเฉพาะในเรื่องของสปีดบอลที่จะเร็วกว่าชาวบ้านชาวช่อง มันจึงเป็นเหตุผลที่ต้องให้แม็คอัลลิสเตอร์เล่นในตำแหน่งกลางรับไปก่อนและเมื่อถึงเวลาที่เอ็นโดะพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยให้แม็คก้าดันสูงขึ้นไปและสุดท้ายมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ เพราะถึงเวลาที่เอ็นโดะพร้อมกับฟุตบอลอังกฤษแล้ว คล็อปป์ก็ให้แม็คก้านั้นขึ้นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆแต่อย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนที่ทำให้แม็คก้าได้ขยับขึ้นมาเล่นตัวบนมากขึ้นและเอ็นโดะก็สามารถปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษได้เร็วขึ้นก็มาจากปัญหาอาการบาดเจ็บของตัวแม็คก้าเอง เพราะนับตั้งแต่ที่เขามีอาการบาดเจ็บหัวเข่าจากเกมที่พบเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและต้องพักรักษาตัวนานเกือบเดือน นั่นคือช่วงเวลาที่เอ็นโดะได้ลงเล่นและปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก จนเมื่อเอ็นโดะปรับตัวได้แล้วพอแม็คก้ากลับมาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงไปเล่นในตำแหน่งเบอร์ 6 อีกต่อไปซึ่งมันก็กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเลยทีเดียวและจนถึงตอนนี้แม็คก้าก็ลงสนามให้กับลิเวอร์พูลในทุกรายการในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 2,407 นาทีซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของทีม โดยเป็นรองเพียงเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก, หลุยส์ ดิอาซและโจ โกเมซ (ข้อมูลในวันที่ 15 มีนาคม)นอกจากนี้สถิติที่บ่งบอกว่าแม็คก้าได้ขึ้นมาเล่นใกล้กรอบเขตโทษคู่แข่งมากกว่าเดิมก็คือสถิติการสัมผัสบอลในจังหวะโอเพน-เพลย์ที่เทียบกันในช่วงเวลาก่อนและหลังวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน จะเห็นได้ว่าก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์หรือช่วงที่เอ็นโดะนั้นไปรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่นในศึกเอเชียน คัพ 2023 ซึ่งแม็คก้าจะต้องถอยลงมาเล่นในตำแหน่งนั้น ค่าเฉลี่ยการสัมผัสบอลในพรีเมียร์ลีกของแม็คก้าอยู่ที่ 4.3 ครั้งบริเวณตำแหน่งเบอร์ 6 หรือหน้าแผงกองหลัง ส่วนบริเวณหน้าหัวกะโหลกของเขตโทษคู่แข่งอยู่ที่ 5.2 ครั้งต่อเกม แต่พอเอ็นโดะกลับมาแล้วแม็คก้าได้ขยับขึ้นไปเล่นตัวบน สถิติการสัมผัสบอลของแม็คก้าบริเวณกองกลางตัวรับก็ลดลงอย่างมาก เพราะจาก 4.3 ครั้งต่อเกมก็หายไปถึง 4.5 ครั้งต่อเกม ง่ายๆ ก็คือติดลบไป 0.2 ส่วนบริเวณใกล้กรอบเขตโทษคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก 0.3 เช่นเดียวกับบริเวณในกรอบเขตโทษคู่แข่งก็เพิ่มอีก 1.1 จากเดิมที่ 1.2ส่งผลให้แม็คก้ากลายเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากที่สุดอันดับ 6 ของทีม เป็นรองเพียงดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ, โดมินิก โซโบซไล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ โดยที่แม็คก้านั้นมีส่วนร่วมกับเกมรุกไปทั้งหมด 148 ครั้ง แบ่งเป็นโอกาสยิง 30 ครั้ง, สร้างสรรค์โอกาส 32 ครั้งและสร้างจังหวะยิง 86 ครั้ง ซึ่งเขาอันดับที่ 3 ของนักเตะที่สร้างจังหวะยิงได้มากที่สุดรองจากเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก (108) และโจ โกเมซ (91) แต่ถ้านับเฉพาะตำแหน่งกองกลางและตัวรุก แม็คก้าคืออันดับ 1สำหรับผมแล้วสิ่งที่แม็คอัลลิสเตอร์เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้กับลิเวอร์พูลก็คือกองกลางอีกสไตล์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมที่มีมา ชั้นเชิง เทคนิคต่างๆ หรือการเอาตัวรอดเวลาที่โดนคู่แข่งเพรสซิง แม็คก้าเอาตัวรอดได้อยู่เสมอ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันครับว่านักฟุตบอลอเมริกาใต้นั้นเป็นนักเตะที่มีทักษะ มีความคล่องตัวสูง โอเคแหละว่าถึงแม้ยังมีธิอาโก อัลคันทาราอยู่ที่มีทักษะและความคล่องตัวที่สูงมาก เป็นคลาสนักเตะที่ต่างจากคนอื่นในทีม แต่อย่างที่ทราบกันครับว่าตะโก้จะไม่สามารถลงเล่นให้กับทีมได้สม่ำเสมอและในฤดูกาลนี้ก็ไม่สามารถลงเล่นได้อีกแล้วเนื่องจากอาการบาดเจ็บและอีกหนึ่งทีเด็ดของแม็คก้าที่มักได้เห็นประจำก็คือการยกหรือตัดบอลข้ามหัวกองหลังคู่แข่งให้เพื่อนหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงซึ่งก่อนหน้านี้คนที่มักจะทำลูกลักษณะแบบนี้ก็คือธิอาโกและฟาบินโญ แต่ฟาบินโญก็ย้ายออกไปแล้ว ธิอาโกก็ไม่ได้ลงเล่น แต่ก็พอจะมีแม็คก้าอยู่ให้ใช้ทีเด็ดลูกแบบนี้ แถมอีกอย่างหนึ่งคือในช่วงเวลาที่ฟาบินโญอยู่และทำลูกแบบนี้ มันก็ต้องเสี่ยงต่อการโดนสวนกลับถ้าหากสูตรนี้ใช้ไม่ได้ผลและตำแหน่งของฟาบินโญคือกองกลางตัวรับ เวลาที่จะทำก็ต้องดันสูงขึ้นมา ช่องว่างข้างหลังก็จะโล่งมาก โดนสวนกลับได้ง่าย แต่กับแม็คก้านั้นไม่ได้เล่นในตำแหน่งกลางรับ เพราะมีเอ็นโดะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็สามารถเล่นลูกอะไรแบบนี้ได้แบบไม่ต้องพะวงหลังเลยและที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เลยก็คือเกมที่ลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีจากประตูชัยของดาร์วิน นูนเญซในนาที 90+8 ซึ่งคนที่แอสซิสต์นูนเญซยิงก็คือแม็คก้านี่แหละ โดยแม็คก้านั้นหยอดบอลข้ามหัวกองหลังฟอเรสต์ให้นูนเญซโหม่งเข้าไป หรือถ้าย้อนไปอีกหน่อยก็จะเป็นที่ชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในแอนฟิลด์ แม็คอัลลิสเตอร์ก็แอสซิสต์ให้กับนูนเญซในลักษณะนี้เหมือนกันและนั่นแหละครับสิ่งที่ผมคิดว่าแม็คก้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงลิเวอร์พูลอย่างไรบ้าง หลังจากนี้ก็ต้องมาลุ้นกันล่ะครับว่าแม็คก้าจะสามารถขับเคลื่อนแดนกลางและเกมรุกของลิเวอร์พูลจนสามารถพาทีมคว้าแชมป์อำลาเยอร์เกน คล็อปป์ได้อีกกี่ถ้วย ต้องติดตามชมกันแบบห้ามพลาดเลยครับบทความที่เกี่ยวข้องทำความรู้จัก "ริชาร์ด ฮิวจ์ส" จากบอร์นมัธสู่ (ว่าที่) ผู้อำนวยการกีฬาลิเวอร์พูลเจาะสถิติ 1,000 ประตู!!! "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลยุคเยอร์เกน คล็อปป์นูนเญซคมกริบ!!! 4 ประเด็นหลังเกมยูโรป้าหงส์แดงชนะสปาร์ตา ปรากนูนเญซโขกนาทีบาป!!! 5 ประเด็นหลังเกมลิเวอร์พูลบุกชนะน็อตติงแฮม ฟอเรสต์มัธยมลิเวอร์พูล, แดงเดือดรอบหน้า!!! 4 ประเด็นหลังเกม FA Cup หงส์แดงจิกนักบุญขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta AnalystOfficial Instagram ของอเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ (@alemacallister)Official Facebook ของลิเวอร์พูลภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !