อาหารทานได้ไม่เคยเบื่อ เพราะด้วยเชื่อในรสชาติอันหอมหวาน ส่งต่อรักจากใจได้คิดตาม ใส่อาหารจานเดียวเคี่ยวด้วยใจ วัตถุดิบควานหาเพื่อมาใส่ ได้กลิ่นอายในรสปลดความหิว ใครจะคิดว่ายอดมีหนามรอบกาย จะให้ความอร่อยไม่ด้อยกว่าขนมปัง คนเราจะว่าไปแล้วไม่มีคนไหนที่ไม่รักในการทานอาหาร ถ้าเราได้ไปเที่ยวที่ไหนสักที่ สิ่งที่เราจะต้องศึกษาหาข้อมูล คือเมนูอาหารที่เราต้องลอง ร้านอาหารที่เราต้องชิมตาม ต้องไปให้ได้ตามไปรีวิว หลังจากที่ชิมก็จะแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล อาหารอร่อย แต่เพียงคนเรามีความชอบที่ไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง บางคนนั้นไม่ชอบทานอาหารหวาน ไม่ชอบทานอาหารเค็ม ไม่ชอบทานสิ่งนั้นสิ่งนี้แตกต่างกันไป หรือแม้กระทั่งที่เราทุกคนรู้กันดี นั่นคือวัตถุดิบเพิ่มรสชาติอาหาร หรือที่เรารู้ในชื่อ “ผงชูรส” ซึ่งในบางครัวเรือนนั้นไม่ชอบและไม่นิยมทำอาหารใส่ผงชูรส อาหารพื้นบ้านไม่ว่าเรานั้นจะเดินไปที่ไหน แน่นอนเราจะต้องการชิมหรือทดลองกิน แม้ว่าอาหารเหล่านั้นจะเป็นอาหารที่ไม่เคยทาน แต่ครั้งหนึ่งจึงลองลิ้มรสชาติดู ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปชายแดน เจ้าของถิ่นได้เตรียมอาหารอร่อยที่สุดในหมู่บ้าน เตรียมพร้อมสำหรับเรา ซึ่งเราเองก็พยายามในการที่จะชิม เพราะว่าในครอบครัวที่มาต้อนรับเรานั้นบอกต้องใช้เวลาในการเก็บรักษานานกว่าห้าปี จึงสามารถที่จะนำมารับประทานได้ ซึ่งก็เป็นอย่างว่า เพราะอาหารนั้นมีคุณค่าและสารอาหารเยอะมาก แต่รสชาตินั้นขอเก็บไว้ก่อน แต่จะบอกว่าประทับใจสุดๆ อาหารเมนูนี้เป็นเมนูมรดกจากยาย เพราะว่าแม่นั้นเรียนรู้การทำจากยาย ตั้งแต่ยายอยู่ ยายจะชอบอ่อมหวาย และยายจะทำอร่อยแต่พอยายไม่อยู่เมนูนี้จะมีเพียงป้าและแม่ที่ทำแล้วเราทาน คนอื่นทำจะไม่ลองทาน เพราะอะไรหรือเพราะว่าเคยลองชิมแล้วมันไม่ใช่ คนเราทุกคนแน่นอนว่าต้องมีร้านโปรดถ้าหากว่าร้านนั้นไม่เปิดเราก็จะไม่ทาน นี่ก็เช่นกันถ้าไม่ใช่ป้าหรือแม่ทำเราก็จะไม่ทานเช่นกันมารู้จักกันเลยดีกว่า ในร้านอาหารบางร้าน เมื่อเราไปทานแล้วรู้สึกได้ถึงอาการคอแห้งและต้องการดื่มน้ำอย่างมาก มีอาการชาที่ปลายลิ้น ให้รู้ได้เลยว่าอาหารที่เรานั้นกำลังทานอยู่ มีการใส่ผงชูรสที่มากเกินไป ผงชูรสจะไปกดการรับรสของเราทำให้เราไม่รู้สึกในรสชาติของอาหาร และบอกว่าเมนูอาหารนั้นอร่อย แต่กับบางครอบครัวนั้นอาจจะคุ้นเคยกับอาหารที่ไม่ใส่ผงชูรส เมื่อทานอาหารที่มีผงชูรสจึงทำให้เกิดความไม่เคยชิน อาหารบางอย่างนั้นเป็นอาหารที่อร่อยสำหรับบางคนแต่สำหรับบางคนไม่อร่อย ร้านอาหารจึงมีอาหารหลากหลายอย่าง และหลายร้านให้ได้เลือก วันนี้จะพาไปพบกับวิธีการทำอาหารพื้นบ้าน ที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายและเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าจะว่าคืออาหารที่มีคุณค่าทางอาหารและมีกากใยอาหารสูง และอาหารนี้ยังเป็นอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบการขับถ่ายได้ดี จะพาไปดูวิธีการและขั้นตอนในการทำและมากกว่านั้นจะมีสูตรลับของความอร่อย การทำอาหารแต่ละอย่างในส่วนของบุคคลนั้นจะมีสูตรลับที่แตกต่างกันออกไป ยิ่งทำบ่อยจะยิ่งมีประสบการณ์ที่หลากหลาย อาหารเมนูนี้อร่อย แต่ตรงข้ามความอร่อยคือความพยายามที่จะนำหวายมาประกอบอาหาร เพราะต้องเดินฝ่าดงของหนามเข้าไปตัดยอดอ่อนของหวาย ซึ่งจะต้องมีวิธีการเลือกหน่อหวายให้ถูกต้องด้วย ถ้าแก่เกินไปก็จะทานไม่ได้ และเมื่อนำไปผ่าหรือภาษาภูไทเรียกว่า ใบ้หวาย จนเหลือด้านในเล็กอ่อนๆจึงได้นำไปแกง อ่อนขนาดไหน อ่อนจนสามารถหักด้วยมือ เมนูอ่อมหวายหลากหลายโภชนาการ ใครหลายๆคนอาจจะบอกว่าการทานอาหารที่เกิดจากธรรมชาติไม่มีสารเคมี จะทำให้อายุยืนยังคงเป็นความจริงเสมอ เพราะคุณยายที่อายุร้อยปีไม่ยอมทานอาหารถุงชอบทานอาหารที่ทำกินเองและต้องเป็นอาหารในแบบชาวบ้านพื้นบ้าน อย่างต้มผักจ้ำแจ่ว แกงผัก นึ่งปลา สิ่งนี้ทำให้เห็นได้ว่าอาหารมีส่วนสำคัญกับร่างกายของคนเรา การเลือกสิ่งที่ดีให้กับร่างกายมีส่วนสำคัญมากเช่นกันส่วนประกอบกระเทียม 200 กรัม ปลาร้า 500 มิลิลิตร พริกสดโขลก 7 เม็ด กระดูกซีกโครงหมู 1 กิโลกรัม ตะไคร้ 5 ต้นหวาย 10 หน่อ น้ำใบย่านาง 1000 มิลิลิตร น้ำปลา 2 ช้อนชาข่า 10 หน่อ เห็ดโคน 500 กรัม ไข่มดแดง 500 กรัมเกลือ 1 ช้อนชา ข้าวสาร 200 กรัม ใบแมงลัก 200 กรัม เมนูนี้เรียกเป็นภาษาภูไทนั้นเรียกว่า "อ่อมหวาย" ซึ่งวิธีการทำนั้นจะมีหลากหลายขั้นตอนตั้งแต่การตัดหวาย หรือเดินเข้าไปในป่าหวาย ที่มีความเสี่ยงในหลากหลายอย่าง เป็นต้นว่าหนามแหลม การจะเข้าไปในป่าหวายนั้นต้องใส่รองเท้าโดยเฉพาะ และสวมถุงมืออย่างหนา เพื่อที่จะไม่ให้หนามแหลมเข้ามือ หนามของหวายนั้นมีความแข็งแรงอย่างมากเมื่อเข้ามือแล้วจะเจ็บมากมีขนาดเล็กแต่เจ็บนาน การเลือกหน่อหวายก็มีความสำคัญ ต้องเลือกหน่อที่อ่อนสีของหน่อไม่เข้มจนเกินไปต้องตัดจากตรงกลาง และตัดใบที่เต็มไปด้วยหนามออกให้หมด ถึงจะจับได้ เราไปดูขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบที่จะนำมาอ่อมหวายกัน ซึ่งก่อนที่จะทำเมนูนี้จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการเตรียมวัตถุดิบ ซึ่งหาไม่ยากแต่ต้องทำอย่างประณีตระมัดระวัง มีกระดูกซี่โครงอ่อนหรือเนื้อหมูติดมันใส่ เพื่อเพิ่มความหอมและอร่อย นิยมทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ รสชาติอาหารระดับกลางไม่เผ็ดหรือจัดจ้านจนเกินไป สิ่งที่นำมาใส่ในอ่อมหวายเพิ่มเติม ถ้ามีหวายเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่อร่อยมากนัก และหวายค่อนข้างที่จะหายากจึงต้องเพิ่ม เห็ดหรือข่าเพื่อความหอม หรือบางครั้งอาจจะเพิ่มไข่มดแดงเพื่อในเวลาที่ทานจะอร่อยหนุบหนับ บางครั้งถ้าเราไปเดินตลาดจะเห็น เห็ดบ้าง ข่า และส่วนประกอบอื่นๆ เตรียมให้สำหรับแกงหนึ่งหม้อทานในครอบครัว ซึ่งเพิ่มความสะดวก ถ้าถามว่าไม่ใส่ได้ไหมคำตอบคือได้แต่รสชาติของอ่อมหวายจะขมมากขึ้น การทำอาหารถ้าเรานั้นใส่อย่างเดียวจะทำให้อร่อยด้วยรสชาติเดียว แต่ถ้าหากว่ามีความหลากหลายในเรื่องของวัตถุดิบแล้ว ความอร่อยก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย การทำอาหารเมนูเดิมใช่ว่าจะเหมือนเดิมในทุกครั้ง เพราะว่ามีอะไรก็ใส่อย่างนั้น ไม่มีก็ไม่ใส่เพราะว่าทำทานเองแต่ถ้าหากว่าทำขายก็อีกเรื่อง แต่ส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยมีใครที่จะทำขาย การหาหวายนั้นค่อนข้างหายาก คนไม่ค่อยนำมาขายกัน ถ้าต้องการทานจะค้องสั่งข้ามวัน และการที่จะนำหวายมาค้างคืนไว้ไม่ค่อยมีใครทำ เพราะว่าจะไม่อร่อยส่วนมากจะตัดตอนเช้าแกงในตอนเย็น ไม่ว่าแต่หวาย อย่างอื่นถ้าค้างคืนก็ไม่อร่อยเช่นกัน 1. นำกระดูกซี่โครงอ่อนหมู ลงไปคั่วในหม้อกับกระเทียม ตะไคร้ ปรุงรสด้วยปลาร้า เกลือพอประมาณคั่วจนหอม จากนั้นเติมน้ำลงไปเล็กน้อย ในส่วนนี้สำคัญอาหารจะไม่อร่อยหรืออร่อยอยู่ในขั้นตอนนี้ เพราะหลังจากนั้นถ้าเราปรุงอาจจะรสชาติไม่คงที่ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ใส่ลงไปแล้ว เมื่อสุกจะให้รสชาติกับแกงด้วย 2. เมื่อคั่วหมูสุกประมาณ 3 นาที หรือจนกว่าเนื้อหมูจะสุกทั่วถึงมีกลิ่นหอม เติมน้ำเปล่าลงในหม้อประมาณหนึ่งแก้ว 500 มิลิลิตร จากนั้นเริ่มปรุงรสชาติใส่น้ำปลาและปลาร้าลงไปในหม้อ จากนั้นใส่ข่า ใส่เห็ดลงไปเพื่อให้สุกเต็มที่ เราจะเห็นถึงวิธีการที่จะทำให้ผักวัตถุดิบนั้นมีความสดใหม่อร่อย นั่นคือการแช่น้ำ เคล็ดลับความอร่อยเมื่อนำหวายลงหม้อ น้ำในหวายนั้นจะออกมาอีกที ในการตัดท่อนหวายนั้นจะไม่ผ่า จะตัดเป็นท่อนยาวพอดีคำ ไม่ยาวและไม่สั้นจนเกินไปเพราะจะทำให้เละจนไม่น่าทาน เพราะเมื่อหวายนั้นสุกจะอ่อน กรอบนอกนุ่มในหรือ อาจจะนุ่มทั้งหมด ตามความชอบของคนทำ บางคนชอบหวายอ่อนบางคนนั้นชอบหวายที่ยังแข็ง สำหรับผู้เขียนชอบพอดีไม่เละจนเกินไป พอดีอร่อย แต่ไม่ชอบหวายที่ขม การเลือกแกงหวายนั้นมีความสำคัญ ถ้าหากว่าหวายที่ไม่ค่อยได้รับน้ำมากนักจะมีรสขมมากกว่า หวายที่มีการรดน้ำสม่ำเสมอ เพราะว่าน้ำมีคุณค่าสำคัญกับต้นหวายเช่นกัน แม้ว่าเราอาจจะมองว่าหวายนั้นไม่ต้องรดน้ำก็อยู่ได้ไม่ตาย รอหน้าฝน ฝนตกเดี๋ยวก็ออกหน่อเอง ถ้าอย่างนั้นจะทำให้หวายขม หวายที่เราเตรียมไว้สำหรับอ่อมนั้นจะต้องแช่น้ำเปล่าไว้ตลอด เพื่อให้หวายอมน้ำและมีความฉ่ำ แช่น้ำเปล่าที่เราล้าง ให้ลอยเล่นอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะใส่ลงหม้อ วิธีนี้เป็นเคล็ดลับของความอร่อย ถ้าหากเราไม่แช่หวายในน้ำ หวายอาจจะมีสีที่เปลี่ยนไปไม่ขาวและสดเหมือนกับที่เรานั้นแช่น้ำ หวายที่ปลอกเรียบร้อยแล้ว จะมีสีขาวสวย ดีอย่างหนึ่งในหวายนั้นไม่ค่อยมียางติดมือเหมือนอาหารอย่างอื่น ต่อมาในเรื่องของการเตรียมวัตถุดิบ อาจจะต้องเตรียมพร้อมก่อน เพราะว่าการต้มไม่นานพอน้ำเดือด สามารถใส่เห็ด ข่า ลงไปได้เลยเพราะว่าพร้อม ถ้าหากว่านานเกินไปอาจจะทำให้เละเกินไป แต่ถ้าหากว่าใส่กระดูกอ่อน อาจจะต้มได้นาน เพราะว่าเนื้อกระดูกหมูอาจจะเปื่อยยุ่ยยิ่งทำให้อร่อย รสชาติของอ่อมหวาย ที่ทำให้เรานั้นติดใจ รสชาติจะกลมกล่อม พอดีไม่เผ็ดจนเกินไป แต่ถ้าหากว่าไม่ใส่พริกจะไม่อร่อยเลย หอมหวายถ้าใส่ข่ากลิ่นของข่าจะติดจมูก นัวด้วยปลาร้า และมีความเค็มของน้ำปลาเล็กน้อย โดยรวมคืออร่อยได้เคี้ยวหวายอ่อนๆ กรอบนอกนุ่มใน 3. เตรียมเครื่องหอมทั้งหมดโขลกรวมกัน มีกระเทียม และข้าวเบือ ข้าวสารแช่น้ำจนได้ที่ ถ้าจะทำอ่อมหวายในตอนเที่ยงในตอนเช้าจะต้องนำข้าวสารมาแช่น้ำรอ เพราะว่าต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง จากนั้นนำตะไคร้นำมาหั่น และตำให้เข้ากันละเอียดพอประมาณ ถ้าหากว่าไม่ละเอียดจะทำให้เวลาใส่ลงไปในหม้อจะเป็นเม็ดกระจายไปทั่ว ทำให้หน้าตาของอาหารไม่น่าอร่อย โขลกนั้นใช้เวลาประมาณ 3 นาทีซึ่งถ้าตำละเอียดจะเหนียว เพราะส่วนประกอบของข้าว การใส่ลงไปนั้นมีหลากหลายแบบ จะใส่ก่อนหรือใส่หลังได้หมด เพียงแต่ถ้าใส่ทีหลัง อาจจะต้องดูให้ดีว่าข้าวนั้นสุกหรือยัง เพื่อป้องกันท้องอืด ซึ่งถ้าจะไม่ใส่ก็ได้เหมือนกัน ทานได้เหมือนกัน แต่ถ้าใส่แล้วจะทำให้อ่อมหวายนั้นบูดหรือเสียได้ง่าย เมื่อตะไคร้และข้าวเข้ากันเรียบร้อยแล้ว จะแยกไม่ค่อยออกว่าคืออะไร ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ไม่สามารถปั่นได้ เพราะว่าจะไม่ละเอียดเหมือนโขลก 4.เมื่อโขลกเรียบร้อย นำใส่ลงไปในหม้อ แล้วคนให้เข้ากัน จำเป็นต้องใส่ก่อนเพราะข้าวจะได้สุก ซึ่งตอนนี้สามารถที่จะคนและชิมในรสชาติ 5. นำใบย่านางล้างให้สะอาดใส่น้ำประมาณ 500 มิลลิลิตร จากนั้นใช้มือคั้นจนได้น้ำสีเขียวเข้ม สามารถนำไปปั่นได้เช่นกัน จะไม่สามารถใส่ทั้งใบจะต้องนำมาปั่นหรือใช้มือสองข้างของเราขยี้ได้จนน้ำของใบย่านางออก เหลือเพียงกากที่ละเอียดของใบย่านาง หลังจากนั้นก็จะนำไปกรองเพื่อให้ได้เพียงน้ำใบย่านาง เตรียมนำไปใส่หม้ออ่อมบอนได้ สามารถใส่ได้เลยเมื่อพร้อม อาจจะใส่พร้อมเห็ดหรือข่าได้ แต่จะต้องระวัง อย่าใส่ครั้งเดียวต้องค่อยๆใส่ ทีละนิด ประโยชน์ของใบย่านาง เมื่อนำมาปรุงอาหารยิ่งให้คุณค่าทางอาหารด้วย ช่วยรักษาโรคด้วย บางคนนั้นเป็นโรคเบาหวาน หรือต้องการลดหุ่นสามารถที่จะดื่มน้ำใบย่านาง ทำให้อาการของโรคดีขึ้น แต่จะต้องไม่ทานที่เข้มข้นจนเกินไป เพราะอาจะทำให้ร่างกายนั้นได้รับสารบางอย่างมากเกินไป จากที่เป็นผลดีอาจจะเป็นผลร้ายต่อร่างกายได้ จึงต้องผสมน้ำเล็กน้อยให้ไม่ข้นจนเกินไป หรือจะนำไปทำเป็นวุ้นทานก็ได้เช่นกัน 6. นำหวายที่แช่น้ำไว้ใส่ลงไปในหม้อในขณะที่น้ำเดือด ประมาณ 5 นาที หวายก็จะสุกสามารถที่จะยกลงมาทานได้แล้ว ซึ่งในขั้นตอนนี้จะต้องไม่ลืมและระวังหน่อย เพราะว่าการใส่หวายนั้นจะใส่ลงไปในหม้อที่กำลังเดือด เมื่อใส่ลงไปแล้วไม่ให้คน แต่สามารถนำช้อนนำไปกดให้น้ำท่วม เพื่อที่ว่าหวายนั้นจะสุกง่าย เมื่อใส่หวายลงไป ให้นำฝาหม้อนั้นมาปิดไว้เลย แล้วรอจนกว่าหวายจะสุกค่อย ปิดไฟ เมื่อหวายสุกอาจจะเปิดหม้อชิมในรสชาติได้เหมือนกัน ถ้าหากว่ายังไม่พอหรืออาจจะรสชาติเข้มข้น รสจัดเกินไป อาจจะใส่น้ำใบย่านางเพิ่มได้ หรืออาจจะเพิ่มน้ำปลา แต่ส่วนมากจะไม่ใส่เพิ่ม เพราะว่ารสชาติอาจจะพอดีเวลาที่แกงเย็น ส่วนมากในขั้นตอนนี้จะไม่ปรุง ทุกอย่างดูนุ่มหน้าตาน่ารับประทาน 7. ใส่ไข่มดแดง สามารถใส่ก่อนหรือหลังได้ ไข่มดแดงนั้นสุกง่าย อาจจะใส่ในช่วงสุดท้ายได้ สิ่งที่ไม่ลืมในขั้นตอนสุดท้ายอาจจะใส่ใบแมงลัก เพื่อให้หอม ไม่มีอะไรผิดขั้นตอนเพราะว่าสุดท้ายแล้ว วัตถุดิบทั้งหมดนั้นจะต้องลงไปในหม้อเหมือนเดิม ใครจะใส่อะไรก่อนหลังได้หมด เมื่อเรียบร้อยหน้าตาอาหารจะมีหน้าตาดังภาพ มีความหลากหลายทางเครื่อง หน้าตาอาจจะไม่ดีแต่ขอบอกว่ารสชาติ ทานแล้วหยุดไม่ได้อย่างแน่นอนแต่ถ้าใครบอกว่าหวายขม ให้ลองมาชิมดูฝีมือของแม่ ขมแทบจะไม่มีอร่อย 8. ขั้นตอนสุดท้ายคือใส่ใบแมงลัก จากนั้นปิดไฟ ตักใส่จานทานได้เลย อาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้านหรืออาหารที่มีทานทั่วไปตามท้องถิ่น บางที่อาจจะมีอาหารที่มีความคล้ายในเรื่องของการทำ แต่อาจจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งการทำอาหารนั้นคนที่ชอบทำอาหาร มีศิลปะในตัวเพราะว่าในการทำอาหารแต่ละเมนูนั้นจะต้องมีการจัดระบบ ในการทำที่ละเอียด ไม่ว่าจะในเรื่องของการเตรียมวัตถุดิบจนถึงจัดจาน บางคนที่พยายามที่จะทำอาหารหลายรอบแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะว่าทำแล้วไม่อร่อย ไม่มีใครทาน เชื่อว่าคนที่ทำอาหารทุกคนคงจะเหมือนกัน ในเวลาที่เรานั้นทำอาหารเราจะต้องนั่งมองว่า คนที่เรานั้นทำให้ทานเขาทานแล้วอร่อยไหม เขายอมกินให้ไหม เหลือเยอะไหม อาหารจึงเหมือนสิ่งที่เชื่อมมิตรหรือทำให้เรานั้นมีเพื่อน และอีกอย่างอาหารยังทำให้เราไม่เหงาเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว เราอาจจะบอกว่าแต่ละวันไม่รู้จะทานอะไร คิดไม่ออก แต่สำหรับคนที่ชอบทำอาหารทานเอง ในหนึ่งวันของเขานั้นจะมีเมนูคิดไว้แล้วในเวลาที่ไปตลาด กลับมาจะเตรียมอุปกรณ์พร้อมเตรียมเสร็จทำในเวลาอันรวดเร็ว อย่าลืมเรียนรู้ในวัฒนธรรมของการทานอาหารในแต่ละที่ไปด้วย เพราะว่าบางครั้งการที่เราไปในสถานที่อื่นแล้วมีวัฒนธรรมที่ต่างจากที่เราเคยอยู่จะได้ปรับตัวได้ อย่างเช่นการทานอาหาร ในท้องถิ่นการทานอาหารจะทานหน้าบ้านใครไปใครมาจะชวนมาทานด้วยกันเป็นมารยาท แต่ตามจริงแล้วคนที่ถูกชวนไม่ค่อยมีใครจอดรถแล้วเดินลงมาทานกับเรา แต่ด้วยความที่เขาผ่านไปผ่านมาก็เรียกทักทายกันตามปกติ ดูแล้วเห็นถึงความน่ารักอบอุ่นในชุมชนไม่เงียบเหงา ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !