เกิดอะไรทำไมบ้านร้างล้นเมือง วันก่อนผู้เขียนเดินออกมาหาอะไรท่านแต่ขากลีบด้วยความที่คิดอะไรไม่รู้กับอีกทางที่มา เป็นทางที่ผู้เขียนเคยใช้ตั้งแต่สมัยเด็กๆแต่ก็ไม่ได้เดินผ่านมานานมากเพราะมันมืดและเปลี่ยวก็เลยเกิดความกลัว ซอยนี้ผู้เขียนเองก็มีเพื่อนอยู่ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน ไม่รู้ทำไมนึกอยากไปดูที่บ้านของเพื่อนแต่พอเข้ามาในซอยกลับเจอแต่บ้านร้างหลังที่เพื่อนเคยอยู่ ที่วันนี้ไม่ไม่มีคนอยู่แล้ว ก็เลยนึกแปลกใจว่าในบ้านเราทำไมมันมีบ้านเก่าบ้านร้างมากมายกันขนาดนี้ แล้วต่างประเทศจะเป็นอย่างไรว่าหาคำตอบกัน บ้านที่ไม่มีไฟส่องสว่างยามค่ำคืนโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นรก บ้านร้างหรือบ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัยกำลังเป็นปัญหาที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบมานาน จากวิกฤตประชากรลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้บ้านที่ว่างกลายเป็นบ้านร้าง วิกฤตนี้จะส่งผลกระบทอย่างไรบ้างกับญี่ปุ่น และมีการแก้ปัญหานี้อย่างไรและประเทสไทยบ้านเราหล่ะเสี่ยงกับวิกฤตแบบนี้กันมั้ยจากวิกฤตประชาการลดลงสู่ปัญหาบ้านร้างในญี่ปุ่นในปี 2018 มีผลสำรวจออกมาว่า ในประเทศญี่ปุ่นมีบ้านร้าง 8.5 ล้านหลัง หรือ 14% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าในปี 2033 บ้านว่างในประเทศญี่ปุ่นอาจเกิน 30% หรือ 22 ล้านหลัง ว่ากันง่ายๆบ้านร้างอาจมากกว่าจำนวนของครัวเรือนในญี่ปุ่น บ้านร้างพวกนี้รู้จักกันในชื่อ AKIYA จากปัญหาโครงสร้างประชากรญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี และมีอัตราการเกิดที่น้อยแต่ผู้สูงอายุกับมีมากขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยก็ลดความต้องการลงไปด้วย ในช่วงการแพร่ละบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในญี่ปุ่นเดินทางกลับประเทศของตนบวกกับมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดทำให้ประชากรญี่ปุ่นลดลงไปอีก ในต่างจังหวัดที่เราเห็นตามข่าวและในหนังหรือสื่อต่างๆก็จะมีบ้านที่ทิ้งร้างเป็นจำนวนมากสาเหตุที่เป็นตัวเร่งคือคนรุ่นใหม่ๆย้ายถิ่นฐานเข้าไปอยู่ในเมืองและที่สำคัญคนญี่ปุ่นสมัยใหม่นิยมการเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ขายบ้านที่อยู่ในต่างจังหวัด คำตอบง่ายๆคือบ้านในชนบทของปนะเทศญี่ปุ่น ขายตต่อยากมากๆ เพราะไม่เป็นที่ต้องการ หากจะเก็บไว้เก็งกำลังก็ไม่ตอบโจทย์ของตลาดบ้านเก่าในญี่ปุ่น เพราะราคาที่ดินและอสังหาบ้างพื้นที่ของญี่ปุ่นเริ่มนิ่งแบบไม่ขยับมานานมากแล้ว จะแต่ต่างจากประเทศไทยที่ราคายังค่อนข้างดีอยู่ คนที่เป็นเจ้าของบ้านบางที่ก็ไม่ได้ใช่ชื่อผู้รับมรดก หากเสียชีวิตก็ไม่มีคนสืบทอดบางครั้งลูกหลานก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นกันหมดบ้านก็เลยต้องถูกทิ้งร้าง คนจำนวนมากยอมที่จะไม่รับมรดกบ้านเพราะเหตุผลข้อใหญ่ๆก็คือการจ่ายภาษีที่แพง คนญี่ปุ่นต้องจ่ายภาษีบ้านตั้งแต่บ้านหลังแรก (ไม่เหมือนกกับไทยที่ไม่ได้จ่าย) เพราะหากพวกเขามีบ้านหลังที่สองก็ต้องจ่ายอีกเท่าหนึ่งและต้องเสียค่าบำรุงรักษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าประกัน เราถึงภาษีมรดกหากจะทุบบ้านทิ้งให้เหลือแต่ที่ดินเปล่าก็ต้องเสียค่าลื้อถอนและจ่ายภาษีที่ดินเปล่าหลายคนจึงเลือกที่จะปล่อยบ้านให้รกร้าง ปัญจุบันในญี่ปุ่นมีบ้านที่ไม่สามารถระบุตัวตันเจ้าของได้มากถึง 11% หากไม่จัดการปัญหาบ้านร้างเหล่านี้ก็จะกระทบกับชุมชน อย่างปัญหาสุขอนามัยบ้านร้างบางหลังกลายเป็นที่ทิ้งขยะเป็นที่อยู่อาศัยของแมลงและสัตว์มีพิษและสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคต่างๆญี่ปุ่นกับนโยบายแก้ปัญหาบ้านร้างล้นเมืองเดือนเมษายน ปี 2564 ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นปรับปรุงกฎหมายจดทะเบียนอสังหาเพื่อเร่างแก้ปัญหาบ้านเรือนอาคารที่ถูกทิ้งมีการปรับเงินเจ้าของที่ ที่ไม่มีการขึ้นหรือจดทะเบียนผู้รับมรดกเราไปถึงบ้านบางหลังรัฐบาลสามารถโดนกรมสิทธิ์ไปเป็นของรัฐได้หาจำเป็น ประเทศญี่ปุ่นเคยก่อตั้งธนาคารอากิยะ (AKIYA BANK) ที่เป็นช่องทางการซื้อขายบ้านว่างราคาถูกราคาเริ่มต้นที่ 50000 เยน ประประมาณ 14000 ไปจนถึงหลักแสนบาท ส่วนบ้านที่สถาพใช้งานไม่ได้แล้วรัฐก็ทำการแจกให้ฟรีไปเลย รัฐบาลญี่ปุ่นยังให้ค่าสนับสนุนการซ่อมแซมบ้านด้วยสูงสุด 4000000 เยนและพร้อมในชาวต่างชาติซื้อขายบ้านในญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้รัฐบาลท้องถิ่นยังได้คิดภาษีค่าสิ่งปลูกสร้างและภาษีบ้างว่างบ้านร้างอีกด้วย เช่นที่เกียวโตที่กำลังเจอปัญหาหนี้สินท้วมเพราะประชากรลดลงผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเลยเก็บภาษีบ้านว่างให้มากขึ้น ทางด้านเอกชนเองก็เรงเห็นข้อนี้ด้วยบริษัทหลายแห่งในญี่ปุ่นทำโครงการปรับปรุงบ้านที่ถูกทิ้งร้างให้กรายเป็นพื้นที่ชุมชน เช่นร้านอาหารร้านกาแฟศูนย์กีฬาหรือแม้กระทั่งสถานพยาบาล บางที่เป็นที่พักรายวันก็มีเหมือนกัน จากญี่ปุ่นมองย้อนมาไทยสำหรับประเทศไทยบ้านว่างก็มีข้อมูลจากการวิจัยของ AREA ว่าบ้านว่างในไทยมี 1.3 ล้านหลัง (บ้านทั่วประเทศไทยมีประมาณ 27.7 ล้านหลัง) หรือคิดเป็นประมาณ 4.7% ของบ้านทั่งประเทศ (พูดให้เห็นภาพคือบ้าน 21 หลังจะมีร้างอยู่ 1 หลัง) ก็ยังถือว่าน้อยกว่าญี่ปุ่น บ้านว่างเหล่านี้ถ้าหากว่าปล่อยทิ้งไว้แน่นอนว่าไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ในแง้มุมของอสังหาแน่นอนว่าส่งผลโดยตรงเพราะจะทำให้ อุปทานสะสมเยอะมากขึ้นขายต่อขายออกก็อยากตามไปด้วย เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวดีไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อข้าวของราคาแพงค่าครองชีพแพงสวนทางกับค่าแรงที่ต่ำที่สำคัญประเทศไทยบ้านและที่ดินไม่ใช้ของที่จะจับจ่ายกันได้ง่าย (ไม่ใช้ของราคาถูก) มีการซื้อเพื่อเก็งกำไรก็มากมายยิ่งดันราคาอสังหาขึ้นไปสู่งมาเท่าไหร่ ถึงจะเป็นบ้านมือสองก็ตาม และย้อนมาดูฝั่งผู้ซื้อจริงๆ หรือเรียกกันว่า (เรียวดีมาน) ส่วนใหญ่เป็นคนรายได้น้อยและปานกลาง นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้วบ่อยครั้งจะติดปัญหาการกู้สินทรัพย์ไม่ผ่านเลยเป็นว่าพราดโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยอย่างน่าเสียดาย พูดกันง่ายคือประเทศไทยเรามีบ้านที่ขายเยอะแต่ไม่มีคนซื้อDemand Supply หรือ อุปสงค์ อุปทาน ไม่เท่ากัน คนที่มีกำลังซื้ออาจจะไม่เยอะ ซึ่งก็แปลว่าคนไทยไม่ต้องการบ้าน แต่ประเด็นใหญ่ๆติดอยู่ที่ราคา โจทย์คือจะทำอย่างไปให้อสังหามีคาราที่ต่ำและถูกลงและคนทุกกลุ่มเอื้อมถึงปัจจัยเหล่านี้ได้ (เป็นข้อสรุปที่ยังไม่มีคำตอยมานาน) #จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพจาก pixabay.com Tama66 - ปก/2ivabalk - 1pixel2013 - 3kerttu - 4Bergadder - 5เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !