เสียงแมวร้องเหมียว..เหมียวนี่ ทำให้เราตกหลุมรักเค้าได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะคะเนี่ย แต่การที่จะนำสัตว์อะไรมาเลี้ยงก็แล้วแต่ เรามีความจำเป็นที่จะต้องพร้อมจะเข้าใจพวกเขา ทั้งลักษณะนิสัย สัญชาตญาณตามเป็นธรรมชาติต่าง ๆ ที่เขาแสดงออกมา รวมไปถึงสุขภาพบางอย่างที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ ซึ่งต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเราเช่นเดียวกัน เกิดเป็นทาสอย่าให้เสียชาติเกิด รวมสิ่งที่ทาสแมวต้องเรียนรู้ EP.2 เราจะพาไปทำความรู้จักความเป็นเหมียวและข้อควรเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตระหว่างคนและแมว เป็นไปอย่างมีความสุขที่สุดกันค่ะภาพจาก pixabay com 1. สุขภาพเป็นอย่างไร อุจจาระบ่งบอกได้แม้การสื่อสารกับมนุษย์อาจจะดูยากในบางครั้ง แต่อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ก็สามารถแสดงออกมาทางการขับถ่ายได้นะคะ นั่นแสดงว่าทุก ๆ ครั้งที่แมวขับถ่าย เราควรสังเกตสีและลักษณะของอุจจาระไว้ด้วยเช่นกัน หากอุจจาระมีลักษณะเหลวเป็นน้ำ มีกลิ่นเหม็น อาจเป็นอาการท้องเสียหรือปัญหาจากระบบขับถ่ายต่าง ๆ อุจจาระแข็งเป็นก้อนคล้ายก้อนหินเล็ก ๆ น้องอาจมีอาการท้องผูก ควรเพิ่มอาหารที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น การเข้าไปนั่งขับถ่ายในกระบะทรายนาน ๆ ก็บ่งบอกสุขภาพได้เช่นกัน หากเจ้านายนั่งอยู่นาน แต่ปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ออก อาจเป็นอาการของโรคนิ่ว โรคเกี่ยวกับระบบปัสสาวะหรืออุจจาระได้ ภาพจาก pixabay.com 2. การขับถ่ายเป็นที่ ฝึกได้ไม่ยากเกินไปนอกจากจะสะดวกต่อการทำความสะอาดแล้ว การขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ยังส่งผลดีต่อสุขภาพเจ้าเหมียวมาก ๆ อีกด้วยนะคะ เพราะเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าเขาขับถ่ายในที่ที่มีความสะอาดกับตัวเขามากพอ การปล่อยขับถ่ายนอกบ้าน อยากให้เป็นตัวเลือกท้าย ๆ เพราะมันค่อนข้างเสี่ยงต่อเชื้อโรคพอสมควร การฝึกแมวให้ขับถ่ายในกระบะทรายที่ทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดกับทางเจ้าเหมียวและพี่ทาสนั่นเองค่ะ ภาพจาก pixabay.com 3. เลี้ยงแบบปิด vs เลี้ยงแบบปล่อยนอกบ้านแม้ส่วนตัวนกยูงจะมองการเลี้ยงแบบปิดดีกับเจ้าแมวของเรามากที่สุด แต่ก็อยากจะแชร์ข้อดี ข้อเสียของการเลี้ยงทั้ง 2 แบบ มาให้พี่ ๆ ทาสได้อ่านเช่นเดียวกันค่ะ ข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงแบบปิดต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ ว่าการเลี้ยงแบบปิดไม่ได้หมายความว่าเลี้ยงแบบกักขัง แต่หมายถึงว่าน้องอยู่ในสายตาเราตลอดเวลา อาจเลี้ยงไว้ภายในบ้านโดยไม่ได้ขังไว้ในห้องใดห้องหนึ่งตลอดหรือขังกรงตลอดเวลา ถ้าเป็นแบบนั้นน้องจะเกิดความเครียดได้ง่ายเอามาก ๆ การพาออกไปเดินข้างนอกบ้างก็เป็นสิ่งที่ลดความเครียดได้มากทีเดียว และเพื่อความปลอดภัยควรใช้สายจูงด้วยนะคะ ซึ่งข้อดีเด่น ๆ ของการเลี้ยงแบบปิด คือลดความเสี่ยงต่อเชื้อโรค อุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ถึง 99 % ส่วนข้อเสียก็อย่างที่กล่าวไป ว่าหากจำกัดบริเวณมากจนเกินไป น้องก็อาจเกิดความเครียดได้ เพราะฉะนั้นเล่นกับน้องบ่อย ๆ พาออกไปชื่นชมธรรมชาติ ส่องนก ตากลมบ้างก็จะดีมาก ๆ เลยค่ะส่วนการเลี้ยงแบบปล่อย ข้อดีก็คือน้องจะได้ใช้ชีวิตแบบตามใจต้องการ อยากไปไหนก็ได้ไป แต่ก็อย่าลืมนะคะ ว่าข้างนอกมีทั้งอันตรายจากเชื้อโรค อุบัติเหตุ รวมไปถึงคนใจร้ายที่อาจไม่ชอบแมวด้วยเช่นกัน หากมีความจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงแบบปล่อยหรือเจ้านายบ้านไหนที่ชอบหนีออกจากบ้าน GPS สำหรับสัตว์เลี้ยงก็เป็นตัวเลือกที่ดี โดยห้อยไว้กับปลอกคอ เราจะได้ดูความเคลื่อนไหวของน้องได้อยู่ตลอดเวลา โดยสามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ตามแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้เลยค่ะ ภาพจาก pixabay.com 4. นมโค โอ้โห! ไม่ดีกับแมวในนมโคจะมีส่วนผสมของน้ำตาลแลคโตสอยู่ ซึ่งระบบย่อยอาหารของแมวไม่สามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ได้ อาจจะมีการเข้าใจผิดกันไปว่าแมวแพ้นมโค แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่แพ้มันคือน้ำตาลแลคโตสนั่นเองค่ะ อาการแพ้ก็มีตั้งแต่ท้องเสีย ท้องผูก มีปัญหากับระบบย่อยอาหาร โดยหากท้องเสียรุนแรงก็อันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น ในการเลือกนมให้แมว จึงควรให้เป็นนมแพะหรือนมโคชนิดที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตสจะได้ปลอดภัยไร้กังวลนะคะ ภาพจาก pixabay.com 5. การขับก้อนขน (hair ball) นั้นเป็นกลไกของร่างกายอย่างที่ทราบกันว่าแมวเป็นสัตว์ที่มักทำความสะอาดร่างกาย โดยการเลียขนตามส่วนต่าง ๆ ดังนั้น ขนที่เข้าไปอยู่ในปากก็จะเข้าสู่ร่างกายในที่สุด ร่างกายไม่สามารถย่อยก้อนขนนั้นได้ การขับก้อนขนจึงมีความจำเป็นมาก ๆ โดยส่วนมากแมวจะขับออกมาทางการอ้วกหรืออุจจาระ อาหารที่เราเลือกให้น้องแมวก็มีส่วนทำให้น้องขับก้อนขนออกมาได้นะคะ ตั้งแต่อาหารเม็ดชนิดที่ช่วยขับก้อนขน ต้นข้าวสาลีอ่อนที่ช่วยกระตุ้นการอาเจียน ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ถ้าหากไม่มีการขับก้อนขนออกมา ก็จะทำให้น้องแมวป่วยได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลน้องแมวในเรื่องนี้กันด้วยนะคะ ภาพจาก pixabay.com 6. แมวสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องอ้วนและแมวอ้วนไม่ใช่แมวที่สุขภาพดีเสมอไปแม้ว่าแมวอ้วนจะดูนุ่มนิ่ม น่าฟัด น่ากอดแต่สิ่งที่พี่ ๆ ทาสควรระมัดระวังคือโรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำหนักตัวที่มากด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับการอุดตันของไขมัน ไปจนถึงการเคลื่อนไหวร่างกายที่เชื่องช้า ก่อให้เกิดการสะสมของไขมันและน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน โรคต่าง ๆ จะตามมาอีกเยอะเลยล่ะค่ะการให้อาหารที่เป็นเวลาก็ช่วยลดปัญหาตรงนี้ได้นะคะ ใครที่ให้น้อง ๆ ทานแบบบุฟเฟ่ต์ คือเทไว้ให้ตลอด อาจจะต้องปรับเป็นการเทให้เป็นเวลาไม่ต้องเทบ่อย ๆ เป็นการฝึกนิสัยน้องไปในตัวได้ การพาออกไปเดินชมธรรมชาติเพื่อให้น้องแมวได้ขยับร่างกายก็สำคัญเช่นกัน หากมีเวลาก็ควรพาน้องขยับร่างกายได้ก็ดีค่ะหรือถ้าไม่สะดวกออกไปข้างนอกก็เล่นกับน้อง ๆ ในบ้าน โดยใช้ของเล่นแมวหลอกล่อก็ช่วยได้อีกทางหนึ่ง ภาพจาก pixabay.com 7. พยาธิปรสิตพิชิตได้ สุขภาพกายแข็งแรงไม่ว่าจะเลี้ยงแบบปล่อยหรือแม้แต่ระบบปิด การถ่ายพยาธิยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอนะคะ ด้วยสัญชาตญาณนักล่าของแมว มักจะชอบไล่จับสัตว์ต่าง ๆ อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นหนู จิ้งจก ตุ๊กแก แมลงสาบ ซึ่งในร่างกายของสัตว์เหล่านี้มักมีพยาธิชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่ เมื่อน้องแมวไปกัดหรือจับสัตว์นั้นมา ก็ทำให้พยาธิเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งพยาธิเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมายมหาศาลเลยล่ะค่ะ เช่น พยาธิเม็ดเลือด พยาธิหัวใจ เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้น้องแมวอายุสั้น น้ำหนักลดและถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้นจึงควรพาน้อง ๆ ไปถ่ายพยาธิเป็นประจำทุก ๆ เดือนนะคะสำหรับวันนี้ เราก็ได้เนื้อหาสาระเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวไปหลายข้อ แมวก็ไม่ต่างจากคนเลยค่ะที่ต้องการได้รับการดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เมื่อได้ดูแลเขาแล้วก็ควรจะดูแลให้ดีที่สุด รับรองว่าน้องแมวจะมอบความสุข ความอุ่นใจให้กับพี่ ๆ ทาสได้อย่างแน่นอน ภาพปกจาก pixabay.com