คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การแข่งขันของสองทีมใหญ่ ที่เป็นแชมป์ และ รองแชมป์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลที่แล้ว กลับมาฟาดฟันกันอีกครั้ง แค่เกมส์นัดที่ 8 ถือว่าเป็นการเปิดศึกกันได้ไวตั้งแต่ช่วงต้น และเป็นทางฝั่งรองแชมป์อย่างอาเซน่อล ที่เปิดบ้านเฉือน แมนเชสเตอร์ ซิตตี้ ไปด้วยสกอร์ 1-0 เป็นการเก็บชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตตี้ ภายใต้การคุมทีมในลีก ของเป็บ กวาดิโอล่า เป็นครั้งแรก ในเกมส์นี้มีประเด็นที่น่าสนใจอะไรบ้าง 1. เกมส์ชิงเหลี่ยม ใส่แท็กติกกันแบบเขี้ยวลากดิน เป็นเกมส์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากพลาด เจ้าบ้านพึ่งแพ้มาในบอลถ้วยยุโรป ผู้มาเยือนก็พึ่งแพ้ให้กับ วูฟ ในสัปดาห์ก่อน แต้มก็ไม่หนีกัน อยู่ในพื้นที่ลุ้นแชมป์ทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างพลัดการทำเกมส์ในรูปแบบที่ถนัด ซึ่งทั้ง 2 ทีม ดูไม่ต่างกัน คือครองบอล และคอยดูพื้นที่เข้าทำ ค่อยลำเลียงหาช่อง ฝ่ายรับก็รับให้รัดกุม พร้อมสวนกลับ ภาพรวมจากสถิติ ดูทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำได้ดีกว่าไม่มาก ใช้คำว่าเบียด สูสีกันสุดๆ ใครพลาดพร้อมโดนสวนทันที และเป็นฝั่งทีมเยือน ที่โดนลูกโยนยาวใส่แผงหลังในช่วงท้ายเกมส์ เล่นงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็โดนเจ้าบ้านกดดันอยู่พักใหญ่ ถือเป็นการแก้เกมส์ของอาร์เตต้าที่ทำได้ถูกจุดเลยทีเดียว2.ฮาแลนด์ ผู้หายไป ซาลิบาปราการหลังเวิร์ดคลาส เรียกได้ว่า เงียบกริบ เลยทีเดียวสำหรับกองหน้าตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตตี้ ไม่มีจังหวะได้ยิงเลย ซาลิบาเอาอยู่ทุกจังหวะ เมื่อเขาได้บอล สิ่งที่ต้องเจอคือ ซาลิบา เขาโดนเก็บเรียบก่อนจะได้พลิกบอลทุกครั้ง แรงปะทะ การดวล ฮาแลนด์แพ้ราบคาบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองคนนี้เจอกัน และทุกครั้ง ฮาแลนด์ก็เล่นไม่ออก ส่วน ซาลิบา นี่ก็ไม่ใช่กองหน้าเวิร์ดคลาสคนแรกที่เขาเจอ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ครั้งเขาโดนปล่อยให้ มาเซย ยืมตัวไปใช้งาน คิเลี่ยน เอ็มปับเป้ เพื่อรวมชาติของเขาที่เล่นให้กับ เปเอชเช ก็โดนเก็บมาแล้วเช่นกัน 3.โควาซิซ รอดจากใบแดงได้อย่างไร เป็นคำถามที่ใครดูเกมส์นัดนี้หลายคนคงสงสัย จากจังหวะแรกที่เสียบเขาไปที่ข้อเท้าของมาตินโอเดการ์ด ซึ่งผู้ตัดสินก็ให้เพียงใบเหลืองเท่านั้น ยังไม่ทันได้หายสงสัย อีกไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็วิ่งเข้าไปเสียบใส่ ดีแคน ไรซ์ เข้าที่ข้อเท้าคล้ายกับจังหวะแรก แต่เขากับรอดตัวไม่โดนคาดโทษเพิ่ม บรรดาคอมเม้นเตเตอร์ ทั้งอดีตนักฟุตบอล และอดีตผู้ตัดสิน ส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาควรโดนใบแดง ถึงแม้ VAR จะเป็นเครื่องมือช่วยตัดสิน แต่สุดท้าย ผู้ตัดสินในสนามก็ต้องใช้ดุลยพินิจ ตัวเองตัดสินอยู่ดี สรุปคำตอบเรื่องนี้คงต้องไปถาม ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินชี้ขาดในเกมส์นี้ย้อนกลับไปใน ฤดูการ 2021/2022 นัดที่ วูฟ เปิดบ้าน แพ้ อาเซน่อล 0-1 เขาคือผู้ตัดสินที่แจก สองใบเหลืองใน 5 วินาที ให้กลับกาเบียล มาตินเนลี่และโดนไล่ออกไป จากจังหวะไปผลักไม่ให้ผู้เล่น วูฟทุ่มเร็ว และวิ่งตามไปกระแทกด้านหลังผู้เล่นที่รับบอลทุ่มกำลังกระชากบอลหนีเขา และนี่คือผู้ตัดสินคนเดียวกัน จริงๆนะ4. โอเดการ์ด กัปตัน 8 ปอด และร่างทรงอาร์เตต้า คงจะอธิบายได้เห็นภาพสุดๆ กับบทบาทของกัปตันคนนี้ เขาคือผู้เล่นที่วิ่งขึ้นไป เพลสซิ่ง แดนบนคู่แข่งจนสุด และวิ่งไล่บอลไปทั่วไม่หยุดในจังหวะเกมส์รับ และในจังหวะที่ไม่มีบอล เขาก็วิ่งหาช่องเพื่อรับบอลและทำเกมส์ต่อ และในบางจังหวะก็พาบอลหนีแนวรับคู่แข่ง และนี่คือกัปตันทีม ที่เล่นแบบนี้เต็มเกมส์ ไม่มีหมด ไม่มีเหนื่อย เรียกได้ว่าทุ่มเทสุดๆ และอีกบทบาทหนึ่งที่เขาได้รับ คือการจัดการแท็คติก คอยสั่งการเพื่อนรวมทีมตลอดเวลา เปรียบเสมือนว่า เขาคือผู้จัดการทีมอีกคนที่ลงมาเล่น หลายจังหวะเขาสั่งให้เพื่อนวิ่งบีบขึ้นมา และบางจังหวะก็ลงไปต่ำ คอยตะโกนจัดแนวรับ สั่งการให้ปิดพื้นที่ ซึ่งถ้าดูในภาพรวม ผู้เล่นต้องเข้าใจแท็คติกอย่างมาก และการสร้างแรงกระตุ้นแบบนี้จากตัวเขา ส่งผลต่อเพื่อนรวมทีม ที่พร้อมใจเล่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบไม่เสียสมาธิ5.อาร์เซน่อลกำลังเติบโต วิธีการเล่นที่ดู สุขุมรอบคอบขึ้น ไม่เร่งจังหวะบุก แบบมุทะลุดุดันเหมือนปีก่อน มีผ่อนหนักผ่อนเบา ครองเกมส์ได้อย่างเหนียวแน่น พร้อมเข้าทำเมื่อมีจังหวะ บ่อยครั้งที่ผ่านมา อาเซน่อลมักเป็นทีมที่ ขึ้นไปขึงจนสุดแดนคู่แข่ง และพยายามเข้าทำเรื่อยๆ และโดนตัดบอลสวนกลับ แพ้ยับอยู่เป็นประจำ ยิ่งการเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตตี้ ของเป็บ กวาดิโอล่า มันเหมือนเกมส์ที่ทุกคนนึกภาพออกว่า ยังไงไอ้ปืนใหญ่คงเละไม่เป็นท่าแน่นอน เพราะการผูกปีแพ้ตลอด นั่นคือบทเรียนในอดีตในเกมส์นี้เราเห็นความแตกต่างของอาเซน่อล ที่ต่างออกไปจากเดิม คุมพื้นที่ตัวเองให้เหนียวแน่น ไล่ในพื้นที่ที่ควรไล่บอล อาร์เตต้าเสริมได้ตรงจุด การมาของ ดีแคน ไรซ์ คือความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด การเป็น กองกลางตัวรับสไตล์โฮลดิ้งฟุตบอลที่เขามีอยู่ สร้างความแตกต่าง ในหลายเกมส์ที่ผ่านมา แต่บทบาทสไตล์ Box to box ในเกมส์นี้ที่เขาได้รับก็ทำได้เนียนตาไม่ต่างกัน และการปรับแท็กติกของอาร์เตต้า ที่เปลี่ยนตัวสำรองลงมาเปลี่ยนเกมส์ ความอันตรายมากขึ้นจากมาตินเนลี่ ที่คอยเผาเกมส์รับฝั่งซ้าย การเปิดบอลยาวของปาเตย์ ในจังหวะเปลี่ยนจังหวะเกมส์ โดยมี ไค ฮาแวตซ์ คอยพักบอลอยู่แดนหน้า โทมิยาสุ กับบทบาท อินเวิร์ส ฟูลแบ็ค ที่เติมจนสุดเส้น เหล่านี้คือการนำมาซึ่งประตูชัยเกมส์หน้าในบ้านแมนเชสเตอร์ ซิตตี้ หวังว่าทั้งสองทีมจะมีตัวผู้เล่นแบบฟูลทีม คงเป็นเกมส์ที่สนุกอีกเกมส์ และมันอาจเป็นเกมส์ตัดสินแชมป์ หากการยืนระยะของอาร์เซน่อล ยังทำได้ดีไม่พลาดตกม้าตายอีกรอบ การเสริมผู้เล่นในตลาดมกราคม อาจจะเป็นอีกปัจจัย ที่แชมป์จะเปลี่ยนมือภาพปก Facebook : ArsenalGabriel Martinelliภาพประกอบ Facebook : Arsenalภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5X twitter : OptaAnalystภาพที่ 3 Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์