เก้าข้อเพื่อก้าวข้ามการอกหักรักร้าง( บทความสุขภาพจิต) ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตจากการอกหักรักร้างมีอยู่จำนวนมากในสังคม และผู้เขียนได้ให้การช่วยเหลือมาเป็นจำนวนมาก แต่ละรายใช้เวลาแตกต่างกันเพราะปัจจัยทางจิตวิทยาส่วนบุคคลและครอบครัวทุกคนต่างกัน บางรายใช้เวลานานถึงหกเดือน บางรายใช้เวลานานถึงสองปีกว่าจะดีขึ้น และอยากจะบอกว่าทุกๆคนก็สามารถช่วยเหลือได้เช่นกัน ผู้ที่มีอาการอกหักรักร้างทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรังนั้น จะส่งผลต่อปัญหาทางสุขภาพกายและสุขภาพจิตมากมาย เช่น ทำให้ หดหู่ ห่อเหี่ยวหม่นหมอง ซึมเศร้า ไม่สนใจตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายและบุคลิกภาพทรุดโทรม หลงลืม ความจำเสื่อม บางรายอาจแยกตัวออกจากสังคมและอาจถึงขั้นป่วยด้วยโรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้า จนถึงขั้นทำร้ายตัวเองและผู้อื่นได้ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ต้องดูแลผู้ที่มีอาการอกหักรักร้าง ควรมีวิธีเอาใจใส่เก้าประการดังต่อไปนี้1) ควรมองว่าเขากำลังเป็นทุกข์และร้องขอความช่วยเหลือมิใช่เรียกร้องความสนใจ ผู้ที่อกหักรักร้างอาจจะมีบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป เช่น ไม่สนใจตัวเอง หรือสนใจตัวเองมากขึ้น อาจร้องไห้คร่ำครวญ และอาจพยายามทำร้ายตัวเอง การแสดงออกเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาทางจิตใจของผู้ที่อกหักรักร้างที่กำลังพยายามจะปรับตัวปรับใจให้กลับมาอยู่ในสภาวะสมดุลย์ ผู้ให้การช่วยเหลือควรมองว่าการแสดงออกทุกอย่างคือการร้องขอความช่วยเหลือมิใช่เรียกร้องความสนใจ การมีทัศนคติเช่นนี้จะทำให้เรามีอารมณ์และความคิดอยากจะช่วยเหลือให้เขาพ้นทุกข์นั่นเอง2) เปิดโอกาสให้เขาได้ระบายอารมณ์ความรู้สึกออกมา การเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอาการอกหักรักร้างได้ระบายอารมณ์ความรู้สึกต่างๆออกมา อาจด้วยการเล่าให้เราฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเราต้องรับฟังโดยไม่เบื่อและฟังอย่างตั้งใจใส่ใจฟังอย่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจ และยอมรับการแสดงออกของเขาโดยไม่ตำหนิและไม่ประเมินใดๆทั้งสิ้น จะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นตามลำดับ คนอกหักรักร้างทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังเปลียบเหมือนหัวอกกลัดหนอง ดังนั้นต้องให้เขาระบายนออกมา แต่เป็นหนองทางใจทางอารมณ์และความรู้สึกนั่นเอง3) ควรกระตุ้นให้เขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะอกหักรักร้างส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าตนเองไร้คุณค่า ดังนั้นหากผู้ให้การช่วยเหลือพยายามชี้ชวนให้เขามองเห็นคุณค่าของตนเองโดยค้นหาและชี้ชวนให้เขาเห็นว่าเขามีคุณงามความดีอื่นๆอีกมากมายที่ควรภาคภูมิใจ ตลอดจนชี้ให้เขาเห็นว่ายังมีบุคคลอื่นอีกที่รักเขาแบบไร้เงื่อนไขใช่เชิงชู้สาวเช่น พ่อแม่ปู่ย่าตายายและเพื่อนสนิท เป็นต้น4) ชักชวนให้เขาทำกิจกรรมที่มีความสุข ผู้ที่อยู่ในภาวะอกหักรักร้างจะมีกลุ่มสารเคมีในสมองที่ทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์คือสารคอร์ติซอล (cortisol) สารนอร์เอพิเนฟรีน (norepinephrine) สารอะดรีนาลีน (adrenaline) หลั่งออกมามาก ดังนั้นการชวนให้เขาทำกิจกรรมต่างๆที่เขาชื่นชอบและมีความสุขเช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ดูหนังร้องเพลง หรือกิจกรรมนันทนาการอื่นๆที่เขาชอบจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มสารแห่งความสุขคือสารเอ็นดอร์ฟิน (endorphin) และสารเซโรโทนิน (serotonin) หลังออกมามากขึ้น นอกจากนั้นการทำกิจกรรมต่างๆอย่างช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการอกหักรักร้างได้อีกด้วย5) ชวนให้เขาเอาใจใส่ตัวเองและเข้าสังคม ผู้ที่อกหักรักร้างมักไม่ค่อยสนใจตัวเอง การมีเพื่อนที่รู้ใจจะช่วยทำให้เขาไม่รู้สึกอ้างว้างเดียวดาย ทั้งยังเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและมิตรภาพอีกด้วย โดยการหันมาดูแลตัวเองทั้งการปรับปรุงบุคลิกภาพเสื้อผ้าหน้าผม และเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆทางสังคมจะช่วยให้เกิดบรรยากาศใหม่ๆเข้ามาทดแทนความคิดและอารมณ์ความรู้สึกที่หมกมุ่นอยู่กับสถานการณ์อกหักรักร้าง ซึ่งจะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ตามลำดับ6) ควรดูแลเขาอย่างสม่ำเสมอจนกว่าเขาจะปรับตัวได้ การดูแลใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอ โดยไร้การตำหนิติเตียนและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ นอกจากจะช่วยให้ผู้ที่อกหักรักร้างไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว เรายังควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงด้วยว่าเขาปรับตัวได้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าคนที่เคยมีความคิดฆ่าตัวตาย ความคิดนั้นหายไปหรือยังอยู่ หรือบรรเทาเบาบางลงหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลืออย่างเป็นระบบต่อไป7) หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อารมณ์เศร้าหมอง ผู้ที่อยู่ในภาวะอกหักรักร้างจะอยู่ในภาวะที่อารมณ์เครียดวิตกกังวลและเศร้าหมอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้จิตใจเศร้าหมองหรือหวนคิดถึงอาการและอารมณ์ที่ผิดหวัง เช่น ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่เดิมที่เคยไปด้วยกันบ่อยๆ ไม่ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยไปด้วยกัน และไม่ควรฟังเพลงหรืออ่านบทกลอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความผิดหวังและอกหักรักร้าง ควรรับฟังเพลงที่สนุกสนานรื่นเริงและมีเนื้อหาเชิงให้กำลังใจจะส่งผลดีกว่า8) ศึกษาและปฎิบัติธรรมตามศาสนาที่ตนเองนับถือ การได้ศึกษาและปฎิบัติธรรมตามศาสนาที่ตนเองนับถือจะช่วยให้สามารถปรับตัวได้ในระดับหนึ่งเช่นในพระพุทธศาสนาสอนว่าทุกอย่างมีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป หรืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง พร้อมทั้งมั่นเจริญภาวนา การคิดเช่นนี้จะช่วยให้ทำใจยอมรับได้ว่าความรักนั้นก็มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเฉกเช่นทุกปรากฏการณ์ในชีวิตนั่นเอง สำหรับท่านที่เป็นคริสต์ศาสนิกชน การได้อธิษฐานถึงพระผู้เป็นเจ้า การหนุนใจ การวางใจในพระเจ้า และเชื่อว่าทุกอย่างพระเจ้าทรงนำก็จะทำให้ทำใจได้อย่างดีเยี่ยม9) การไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษา หากปฏิบัติทั้งแปดข้อที่กล่าวมาแล้วผู้ที่อกหักรักร้างยังปรับตัวไม่ได้มากกว่าสองสัปดาห์ขึ้นไป ควรไปพบพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยการให้การปรึกษาเชิงจิตวิทยา ทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรม (cognitive behavioral therapy) กระทั่งใช้ยาเพื่อลดความเครียด ความวิตกกังวลและความซึมเศร้าร่วมด้วย จะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในภาวะอกหักรักร้านมีอาการดีขึ้นในที่สุด หากทุกท่านได้ช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะอกหักรักร้าง และมีทัศนคติที่เป็นบวกนั่นคือมองว่าเขาอยู่ในภาวะสูญเสียและเจ็บป่วยด้านจิตใจและร้องขอความช่วยเหลือมิใช่ร้องความสนใจ จะช่วยให้เราปฏิบัติได้ทั้งเก้าข้อด้วยความจริงใจเต็มใจและเมตตากรุณา ก็จะลดปัญหาผู้ป่วยทางจิตและผู้ที่คิดฆ่าตัวตายจากปัญหาอกหักรักร้างได้ในที่สุดเครดิตภาพ :ภาพปก / Tumisu : pixabayภาพ 1 / geralt, ภาพ 3 / StockSnap : pixabayภาพที่ 2 โดยผู้เขียนรศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญานักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊คประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy ,ไอดีไลน์ac6555อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !