ภาพ - flickr.comเขาเขียนกันไปทำไม “อยากได้ตังค์” เป็นเหตุผลที่เหมาะสมและชอบธรรมยิ่งนักในโลกทุนนิยมเช่นนี้อ่าว ไม่จริงเหรอ ถ้าให้คุณทำงานฟรี จะทำไหมหละชายวัยสามสิบต้น ๆ รูปร่างท้วมและมีสี่ตา เรียนจบเศรษฐศาสตร์ ชื่นชอบการดูหนัง และรักการเขียนวิจารณ์ จึงเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างอิสระ เป็นทั้งนักเขียน และอาจารย์พิเศษด้านภาพยนตร์ตามมหา’ลัย คือนิยามฉบับย่อของ ‘พี่ต่อ-คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง’ ผู้คลอดหนังสือความหนาสองร้อยยี่สิบกว่าหน้า เล่มที่มีชื่อพ้องกับชื่อเพลงไทยที่ยุคสมัยหนึ่งเคยฮิตติดชาร์ต …‘เพียงชายคนนี้เป็นอาจารย์พิเศษ’ (ใช่-เขาไม่ใช่ผู้วิเศษ)ภาพ - Salmon Booksอย่างที่เราเข้าใจ ‘อาจารย์’ ไม่ใช่อาชีพที่ใครอยากเป็นก็เป็นได้ ไม่ได้มาด้วยการสุ่มจับใบดำใบแดง หรือต้องถูกจับไปปรับทัศนคติก่อน บางคนเก่ง ฉลาดมาก แต่สื่อสารไม่เข้าใจ คงไม่สามารถเป็นอาจารย์ที่ดีได้พี่ต่อในบทบาทนักเขียน บันทึกประสบการณ์ตัวเองในบทบาทอาจารย์พิเศษ ถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังทั้งในและนอกห้องเรียนลงบนหน้ากระดาษ ด้วยสไตล์การเขียนที่ ‘โหด มัน ฮา’ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา และมีความเป็นกันเอง เหมือนสเตตัสเฟซบุ๊คของเขา หลังอ่านจบเล่ม ผมสัมผัสได้ว่าพี่ต่อสื่อสารผ่านตัวหนังสือเพื่อสรุปความคิด พลางทบทวนความรู้สึกตัวเอง และสะท้อนมุมมองหลายอย่างที่ได้จากการเป็นอาจารย์ ประหนึ่งกำลังเขียนไดอารี่ ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา มีทั้งเรื่องสุขและเศร้าคลุกเคล้ากัน (แม้ส่วนใหญ่เป็นอย่างหลัง) สามารถสังเกตได้จากหลายบรรทัดในเล่ม เช่นว่า “ปัญหาของลูกศิษย์ร้อยพ่อพันแม่ สิ่งที่ผมทำได้คือรับรู้ถึงการมีอยู่และยอมรับในความหลากหลายของมนุษย์” และ “ขณะผมเป็นอาจารย์ของลูกศิษย์ เหล่าลูกศิษย์ก็เป็นอาจารย์ของผมเช่นกัน” ภาพ - flickr.comหากผู้อ่าน (เคย) เป็นนักศึกษา คงเล้าโลมตัวหนังสือไปพร้อมกับหัวเราะเยาะเรื่องราวสุดเศร้าของพี่ต่อ ไม่ใช่สิ, น่าจะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนเป็นอาจารย์มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้อ่านที่เป็นอาจารย์ คงอ่านไปผงกหัวหงึก ๆ ตามไปด้วย รู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมชะตากรรม (เพลงมา …จากวันนี้จะมีเรา เราและนาย) ส่วนผู้อ่านที่อยากเป็นอาจารย์ เล่มนี้เปรียบได้กับบทเรียนว่าอย่าเป็นอาจารย์เลย หันไปทำอย่างอื่นเถอะ! (ไม่หรอก ก็แค่ลองนั่งนิ่ง ๆ ตั้งสติ ก่อนจะถามตัวเองว่า “บทบาทนี้มันใช่สำหรับเราหรือเปล่า”)แล้วทำไมพี่ต่อถึงเลือกมาเป็นอาจารย์พิเศษ ผมพอเดาคำตอบได้ว่า จากลูกศิษย์มากหน้าหลายตา เขาหวังเพียงมี ‘นักศึกษาคนนั้น’ จะแค่คนสองคน หรือสามคนก็ดี คนที่ตั้งใจ สนใจ และเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาถ่ายทอด ไม่จำเป็นต้องจดจำทุกสิ่งที่เขาสอนได้ทั้งหมด แต่ได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างจากสิ่งที่เขาถ่ายทอด แล้วนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อไปภาพ - freepik.comเช่นเดียวกับอีกเหตุผลที่พี่ต่อลงมือเขียน ในใจเขาภาวนาให้มี ‘นักอ่านบางคน’ ถูกสะกิดความคิดด้วยตัวหนังสือ ไม่ใช่แค่อ่านจบแล้วก็แล้วกันไป แต่ได้เปิดความคิดของตัวเองให้กว้างขึ้น ขยายต่อจากสิ่งที่เขาเขียน…นอกเหนือจากที่ ‘เขา’ นั้นได้ทำพิธีลงยันต์ให้หนังสือผู้อ่านและเพิ่มจำนวนเงินในบัญชีตัวเองแล้ว.