เชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นพิษ จนคุณภาพอากาศแย่เป็นอันดับหนึ่งของโลกเมื่อสัปดาห์ก่อน ปัญหาฝุ่นควันเกิดขึ้นมานานกว่าสิบปีและกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อ.ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ พูดถึงปัญหาความซับซ้อนและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับฝุ่นควันพิษหรือ PM 2.5 ไว้หลายปัญหาด้วยกัน ปัญหาที่ 1 การทำเกษตรเชิงเดี่ยว การเผาพืชไร่ อาจจะเป็นเพราะรัฐค่อนข้างเกรงใจบริษัทใหญ่มากไป จริง ๆ แล้วต้องคุยกับบริษัทใหญ่ เพราะว่าบริษัทใหญ่ ๆ ขณะนี้นอกจากจะส่งเสริม(เกษตรเชงเดี่ยว)ในประเทศแล้ว ยังส่งเสริมที่เมียนมาร์ กัมพูชา และที่ลาวด้วย ในที่สุดควันเหล่านั้นก็กลับมาที่ประเทศเราอีก เพราะฉะนั้นมันต้องเจรจา มีนโยบายที่ชัดเจนกับบริษัท เรื่องการส่งเสริมเกษตรเชิงเดี่ยงแบบนี้ ว่าจะต้องลดเพราะมันส่งผลกระทบทั้งพื้นที่ป่า และเรื่องฝุ่นควันด้วย ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ ปัญหาที่ 2 ควันจากรถยนต์ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ การที่จะบอกให้คนหยุดขับรถยนต์เป็นเรื่องที่ยากมาก และก็จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนจะรู้สึกว่ามันไม่สะดวกสบาย ติดขัดไปหมดทุกอย่างแล้วระบบขนส่งสาธารณะของเราอีกล่ะ? ตอนนี้ก็มีข่าวดีมานิดนึงเห็นบอกว่ามีสมาคมกลุ่มรถแดง ร่วมกับขนส่งฯพยายามที่จะเช็กเรื่องควันดำ เท่าที่เห็นก็ทำได้ในระดับหนึ่ง ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ ปัญหาที่ 3 ไฟป่า การลักลอบเผา ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน นโยบายป่าก็ไม่ค่อยชัด เขตป่าอนุรักษ์เป็นเขตที่มีความขัดแย้งมาตลอด ระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านไม่ญาติดีต่อกัน เพราะฉะนั้นความร่วมมือจึงไม่มี ถ้าเราวิเคราะห์ลงไปลึก ๆ แล้วจะเห็นว่ามันเป็นปัญหาเชื่อมโยงกับนโยบายด้วย ขอบคุณรูปภาพจากhttps://pixabay.com/th/ ถ้ารัฐให้ชาวบ้านดูแลป่า ชาวบ้านจะช่วยป้องกันไฟและการลักลอบเผา พวกเราสภาลมหายใจ เราเพ่งไปที่สะเมิงมานะครับ ชาวบ้านดูแลป่าประมาณ 70,000 ไร่ ทำแนวกันไฟทุกปีทำอย่างดีเลย ก็มีกติกาของชุมชนว่าถ้าเกิดไฟที่ไหนทุกคนจะต้องไปช่วยกันดับไฟซึ่งแบบนี้มีหลายพื้นที่นะครับ ถ้าหากให้ชาวบ้านเข้ามาดูแลป่าปัญหาไฟป่า การลักลอบเผาก็จะลดน้อยลงต้นไม้ก็จะเจริญงอกงามขึ้นเมื่อมีคนดูแลเอาใจใส่ ปัญหาฝุ่นควันพิษหรือ PM 2.5 ก็จะลดลงและจะทำให้จังหวัดเชียงใหม่กลับมามีภูมิสภาพอากาศที่เหมือนเดิม