เมื่อวันก่อนภัสได้รับข่าวดีจากทาง Onscene ว่าบทความของตัวเองได้รับรางวัลอันดับ 3 จากกิจกรรมเขียนสนุก แจกสนั่น ชื่อกิจกรรมนี้หรือเปล่านะ ภัสจำไม่แม่น (เขิน) และพบว่าบทความที่ได้รับรางวัลคือบทความที่ภัสเขียนแนะนำเคล็ดลับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองนั่นเองค่ะ เพื่อฉลองขอบคุณนักอ่านและทาง Onscene ที่เป็นเว็บไซด์ที่น่ารัก ดูแลนักเขียนใหม่ตัวน้อยๆ อย่างภัสมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มเขียนบทความแรก วันนี้ภัสจึงขอเอาเคล็ดลับการฝึก ‘พูด’ ภาษาอังกฤษของตัวเองมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้นำไปปรับใช้กันค่ะ วิธีนี้บอกเลยว่าสุดยอดมากๆ ตรงนี้เราสามารถฟังพูดเองได้แม้ไม่มีคู่สนทนา ไม่ต้องเขินอาย เพียงแค่หาเวลาว่างฝึกเป็นประจำทุกวัน รับรองว่าความเป็นเลิศทางภาษาไม่หนีไปไหนแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงไปเลยยย ก่อนอื่นภัสขอเรียกวิธีการฝึกนี้ว่า ‘การคุยกับคนในจินตนาการ’ ค่ะ ซึ่งการฝึกแบบนี้มันก็เหมือนการจำลองว่ามีใครสักคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆ อยู่ตรงหน้า หรืออยู่ภายในห้องเดียวกับเรา และสิ่งที่เราต้องทำง่ายๆ ก็คือการเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งวันให้กับบุคคลในจินตนาการของเราฟังค่ะ ว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง ไปทำธุระอะไรที่ไหนกับใครมา และรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ทำ เจอเรื่องอะไรแปลกๆ เหตุการณ์ตลกๆ หรือเผลอไปทำอะไรซุ่มซ่ามที่ไหนไว้ในวันนั้นก็ให้เล่าระบายออกมาให้หมดเลยค่ะ ซึ่งการทำเช่นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการ ‘บ่น’ กับตัวเองก็ได้ค่ะ Step การเล่าเรื่องจะไม่ตายตัวค่ะ คิดอะไร รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาเลย วิธีการนี้ภัสพบว่านอกจากจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้ว ยังทำให้ตัวเองเป็นคนพูดเก่ง พูดมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อเราไปพบผู้คน (ที่ไม่ใช่คนในจินตนาการ) เราจะพบว่าเราจะคิดเรื่องอะไรในหัวได้มากมาย และมีเรื่องให้ได้ฝอยกับทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักกันอย่างเรียกได้ว่าน้ำไหลไฟดับเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าจะให้ภัสแนะนำ Step เรื่องเล่าว่าควรจะเริ่มพูดอะไรบ้าง ภัสขอแนะนำเป็นแบบนี้ละกันค่ะ… 1. What did you do today? หรือ Who did you meet? (วันนี้ทำอะไรมาบ้าง หรือวันนี้ไปเจอกับใครมาบ้าง) 2. How was it? How did you feel? (เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง รู้สึกอย่างไร) 3.What did I wear or What did I eat today? How was it? (วันนี้แต่งตัวยังไง วันนี้ข้าว 3 มื้อกินอะไรมาบ้าง แล้วรสชาติเป็นยังไงบ้าง) ถ้าเป็นอาหารภัสแนะนำให้ลอง Act เหมือนว่ากำลังนั่งคุยกับเพื่อนต่างชาติเลยค่ะ และพยายามอธิบายว่าอาหารที่ตัวเองกินคืออะไร ใส่อะไรบ้าง รสชาติเป็นยังไงบ้าง เพราะภัสพบว่าในชีวิตจริง ถ้าต้องไปทานข้าวกับคนต่างชาติ มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะไม่พูดถึงวัตถุดิบและรสชาติอาหารเพื่ออธิบายให้คุณท่านทั้งหลายเข้าใจ) 4.When did I arrive home? What did I do after arriving home? (ถึงบ้านตอนกี่โมง ทำอะไรต่อหลังจากกลับถึงบ้าน) 5. What do I plan to do before going to bed?(มีแพลนว่าจะทำอะไรก่อนนอนคืนนี้บ้าง อาจจะเป็นการมาส์กน้า อ่านหนังสือ หรือดู Netflix) 6. What do I plan to do tomorrow? (แพลนสำหรับพรุ่งนี้คืออะไร) ภัสแนะนำให้หาเวลาพูดกับบุคคลสมมติในทุกๆ วัน แต่อย่าลืมนะคะ! ต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่ไหนเห็นในที่สิ่งคุณทำอยู่ เพราะพวกเขาอาจจะตกใจและเกิดกลัวจนไม่อยากอยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกับคุณเลยก็เป็นได้ค่ะ เพราะฉะนั้นสถานที่ที่ภัสแนะนำจะเป็นตอนกำลังอาบน้ำ (แอบกระซิบว่าใช้บ่อยมากๆ) ในห้องนอน กำลังปะแป้งแต่งตัวหรือโบกครีมบำรุงผิว (อันนี้ใช้บ่อยหนักกว่าข้อแรกอีกค่ะ ยิ่งเวลาทาครีมนะ ภัสทาไปด้วยพูดไปด้วยราวกับตัวเองเป็น Beauty Blogger เลยล่ะค่ะ มีการบอกด้วยว่ายี่ห้ออะไร ซื้อจากไหน ใช้ดีมั้ย) (เขิน)ตอนขับรถไปทำงานคนเดียว (ถ้ากระจกรถเป็นฟิมล์ใสก็ทำให้เนียนๆ กันด้วยนะคะ จะหาหูฟังหรืออะไรมาใส่ก็ทำ) สุดท้ายนี้ต้องไม่ลืมว่าควรจะ ‘พูดอย่างมั่นใจ’ เพราะในเวลานี้ไม่มีใครสามารถมานั่งจับผิดคุณได้อีกแล้วล่ะค่ะ เรื่องแกรมม่า กฎร้อยแปดพันเก้าอะไรก็ตามโยนทิ้งไปก่อน พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจอย่าพูดอยู่ในลำคอ คำศัพท์ไหนที่นึกไม่ออกก็เปลี่ยนการอธิบายเป็นแบบอื่นไปก่อนแล้วทันทีที่ว่างให้กลับไปนั่งหาว่าที่จะพูดเมื่อกี้มันต้องใช้คำศัพท์ว่าอะไร ครั้งหน้าเวลาพูดจะได้ไม่ติดขัดอีก เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยย เป็นยังไงบ้างคะ น่าสนุกใช่มั้ยล่ะ อาจจะดูบ้าบอ พิลึกไปสักหน่อย แต่เคล็ดลับนี้สุดยอดมากๆ เลยล่ะค่ะ ขอแค่หมั่นฝึกฝนทุกวันทั้งภาษาและความมั่นใจจะไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน อย่าลืมนะคะว่าทุกวันนี้ถ้ายังไม่ได้ภาษาที่สอง อนาคตการทำงานก็ค่อนข้างลำบากเลยล่ะค่ะ ฝึกเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อโอกาสการที่ดีในวันข้างหน้านะคะ ภัสจะเป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วกลับมาพบกับเคล็ดลับการเรียนภาษาดีๆ ได้ใหม่ในครั้งหน้า บ๊ายบาย :’)