เคล็ดไม่ลับ เลือกซื้อ KALIMBA แบบถูกใจ ใช่เลย! ชั่วโมงนี้คงไม่มีเครื่องดนตรีชิ้นไหนที่จะฮอตสุดๆ เท่ากับเจ้ากล่องไม้สี่เหลี่ยมที่มีชื่อว่า “KALIMBA” (คาลิมบา) เพราะนอกจากจะมีขนาดเล็ก พกพาสะดวกแล้ว เจ้าเครื่องดินตรีชิ้นนี้ยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย (กำเงินไปสองร้อยกว่าบาทก็ซื้อได้แล้ว) คาลิมบา เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของแอฟริกาที่มีต้นกำเนิดมากว่า 3,000 ปี แล้ว ในยุคแรกๆ คาลิมบาทำมาจากไม้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงลิ้นเสียง (ซี่โลหะ) ที่เราใช้นิ้วโป้งดีดก็ทำมาจากไม้ด้วยเช่นกัน ในยุคหลัง (ราวๆ พันกว่าปีที่ผ่านมา) ได้มีการดัดแปลงลิ้นเสียง โดยใช้วัสดุที่เป็นโลหะมาแทนที่ไม้ ผลลัพธ์ก็คือ นอกจากจะทนทานกว่าแล้ว ลิ้นเสียงโลหะยังให้เสียงตัวโน้ตที่ชัดเจน ดังกังวาน และมีหางเสียงที่ยาวกว่าลิ้นเสียงที่ทำจากไม้ ซึ่งทำให้สามารถนำไปใช้เล่นกับแนวเพลงต่างๆ ได้อย่างสะดวก สำหรับใครที่อยากเล่นเครื่องดนตรีเป็นสักชิ้น โดยต้องมีราคาไม่แพงมากนัก สามารถเรียนรู้ ฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง ‘คาลิมบา’ เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ และวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเลือกซื้อ คาลิมบา แบบถูกใจ ใช่เลย! ตามไปดูกันเลยครับ.. ทำไมต้อง Kalimba เชื่อว่าคำถามแรกของคุณก็คือ ทำไมต้องเป็น ‘คาลิมบา’ ด้วย? เครื่องดนตรีชนิดนี้มีอะไรดีกันแน่ เพื่อช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจ ผมมีเหตุผลที่คู่ควรกับการเสียเงินซื้อเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้มาหัดเล่นครับ เรียนรู้ง่าย สามารถฝึกหัดจากเว็บไซต์และจากแชนแนลสอน 'คาลิมบา' ออนไลน์บนยูทูบได้เป็นเครื่องดนตรีที่เสียงไม่ดังมาก ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องเสียงรบกวนเพื่อนบ้านเสียงของคาลิมบาช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายเหมาะสำหรับวันพักผ่อนยาวๆดูแลรักษาง่าย เป็นเครื่องดนตรีที่ทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ ได้ดีอัพเกรดอุปกรณ์ได้ เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่หลายคนยังไม่รู้ว่าสามารถทำได้ ถ้าคุณเริ่มเบื่อเสียงแบบเดิมๆ ของลิ้นเสียงที่ติดตั้งมาให้ หรืออุปกรณ์ชำรุดเสียหายจากการเล่นที่หนักหน่วง คุณสามารถเปลี่ยนลิ้นเสียงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีอะไหล่ที่คุณภาพดีกว่าเดิมให้เลือกอัพเกรดตามใจชอบ Tines (ลิ้นเสียง) วัสดุหลักที่มีผลกับเสียงมากกว่าที่คุณคิด คาลิมบา เป็นเครื่องดนตรีที่สร้างเสียงขึ้นมาโดยใช้นิ้วโป้งดีดบริเวณ ’ลิ้นเสียง’ (แถบซี่เหล็กคล้ายกับส้อม) เสียงจะสะท้อนเข้าไปในกล่องไม้ที่ทำหน้าที่คล้ายกับตู้ลำโพง แถบซี่เหล็กที่ว่านี้ ไม่ได้ทำมาจากเหล็กเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำมาจากโลหะชนิดอื่นๆ ซึ่งจะให้เสียงที่แตกต่างกัน เป็นคุณสมบัติที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อเสียง าลิมบา ที่วางขายส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยบอกรายละเอียดในส่วนนี้กัน แต่สำหรับผู้ผลิตอะไหล่และชุดอัพเกรดคาลิมบาจะลงรายละเอียดในส่วนนี้เอาไวด้วย ซึ่งผู้เล่นสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของโลหะชนิดต่างๆ ได้จากเว็บไซต์คาลิมบาที่มีอยู่ทั่วโลก เราไปดูตัวอย่างของวัสดุที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ทำลิ้นเสียงกันว่ามีอะไรบ้างเหล็กกล้ากันสนิม : ขึ้นชื่อว่าเหล็กกล้าย่อมมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แถมยังกันสนิมด้วย แบบนี้ก็หายห่วงเวลาเล่นไปนานๆ แล้วเหงื่อออก เพราะคาลิมบาของคุณจะไม่เป็นสนิมเลยโลหะรีไซเคิล : โลหะที่ถูกรีไซเคิลมาจากอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ทำลิ้นเสียง เช่น พวกอะลูมิเนียม เหล็ก สังกะสี สแตนเลส และเหล็ก เป็นต้นอลูมิเนียมอัลลอยด์ : เป็นโลหะผสมที่มีอลูมิเนียมเป็นธาตุหลักรวมกับธาตุอื่นๆ เช่น สังกะสี แมงกานีส แมกนีเซียม เป็นต้น อลูมิเนียมอัลลอยด์มีความนิ่มมากกว่าเหล็ก แต่ก็มีความเหนียวทนทานด้วย 10 คีย์ หรือว่า 17 คีย์ เลือกแบบไหนดี คาลิมบา ที่วางขายส่วนใหญ่จะมีลิ้นเสียงหรือแผงซี่เหล็กจำนวน 17 และ 10 อัน นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพกพาที่วางบนฝ่ามือได้สบายๆ ซึ่งได้ลดจำนวนลิ้นเสียงลงเหลือ 5-7 อัน (หรือ 5-7 คีย์เสียง) จำนวนลิ้นเสียงเป็นตัวกำหนดระดับเสียงของตัวโน้ตที่เราสามารถเล่นได้ ยิ่งมีลิ้นเสียงมากก็สามารถเล่นโน้ตที่มีระดับเสียง สูง-ต่ำ ได้มากกว่านั่นเอง สำหรับมือใหม่ ที่ไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเลย แนะนำให้เลือกคาลิมบาที่มีลิ้นเสียง 7 อัน ซึ่งเท่ากับจำนวนโน้ตสากล 7 ตัวพอดี สามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงที่เราต้องการ และไม่ต้องกังวลว่าคุณจะอ่านโน้ตไม่ออก เพราะบนลิ้นเสียงจะมีสัญลักษณ์แทนตัวโน้ตทั้งแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ C, D, E,.. และแบบตัวเลข 1, 2, 3,.. ใครสะดวกจดจำสัญลักษณ์แบบไหนก็แล้วแต่ความชอบเลย ส่วนใครที่เล่นเครื่องดตรีชนิดอื่นๆ มาก่อน และต้องการหัดเล่นคาลิมบาเพิ่มเติม แนะนำให้คุณเลือกใช้แบบ 17 คีย์ จะตอบสนองการเล่นเพลงต่างๆ ได้ครอบคลุมมากที่สุด ลำตัวกลวง หรือ ลำตัวตัน เลือกแบบไหนดี? บางคนสงสัยว่า คาลิมบา ที่วางขายกันเกลื่อน มีให้เลือกทั้งแบบลำตัวกลวง (คล้ายกับกีต้าร์หรืออูคูเลเล่) และลำตัวตัน (เหมือนกีต้าร์ไฟฟ้า) ถ้าจะซื้อมาหัดเล่นควรเลือกแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด คำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ คุณต้องไปลองเล่นครับว่าชอบเสียงแบบไหนมากกว่ากัน! แนวทางของเสียงหรือเอกลักษ์ณ์เฉพาะตัวของคาลิมบาที่มีลำตัวกลวงก็คือ ให้ความกังวานของเสียงมากที่สุดในกลุ่ม เพราะลำตัวที่กลวงจะทำหน้าที่เหมือนกับตู้ลำโพงที่ข่วยขยายเสียงให้ดังกังวาน ยิ่งถ้าทำมาจากไม้คุณภาพดีด้วยแล้ว ก็จะยิ่งได้ยินรายละเอียดของเสียงที่ผ่านเนื้อไม้อย่างชัดเจน ลืมบอกไปว่าคาลิมบาที่มีลำตัวกลวง จะมีโพรงเสียงกลมๆ อยู่ตรงกลางด้วยนะครับ เหมือนกับกีต้าร์โปร่งนั่นเอง บางยี่ห้ออาจจะเจาะรูเป็นรูปทรงต่างๆ อันนี้ก็แล้วแต่การออกแบบของผู้ผลิตแต่ละรายครับ (จากภาพเป็น คาลิมบาแบบลำตัวตันทั้งหมดไม่มีมีโพรงเสียงด้านใน และมีน้ำหนักมากกว่าคาลิมบาลำตัวกลวง) ส่วนคาลิมบาที่มีลำตัวตันจะทำมาจากแท่งไม้ตัน และวัสดุที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น พลาสติกแข็งหรืออะคริลิค เป็นตัน เสียงของคาลิมบาที่มีลำตัวตันจะให้ความคมชัดของตัวโน้ตมากที่สุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความกังวานของเสียงที่ลดลง เพราะคาลิมบาประเภทนี้จะไม่มีโพรงเสียงด้านใน เวลาเราเล่นเสียงที่ได้ยินจะมาจากการสะท้อนระหว่างแผ่นซี่เหล็กกับแท่งไม้นั่นเอง บางคนอาจจะถูกใจใจกับเสียงแนวนี้ เพราะมันดังกรุ๊งกริ๊งๆ ฟังแล้วเหมือนระฆังแก้ว แต่ใครที่ชอบเพลงแนวอะคุสติกอาจจะบอกว่าเสียงมันแข็งเกินไป อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ทางที่ดีที่สุดคือ ไปลองเล่นให้หมดทุกแบบครับ ถ้าคุณชอบเสียงแนวไหนก็ซื้อแบบนั้นมาหัดเล่นเลย ประเภทของไม้ที่ใช้ทำ Kalimba สำหรับ “ไม้ (Tone wood)” ที่นำมาทำคาลิมบามีหลายประเภทด้วยกัน แต่ละประเภทจะมีเอกลักษณ์ของเสียงแตกต่างกัน และส่งผลกระทบโดยตรงต่อโทนเสียงของคาลิมบาด้วย ไม้เนื้อแข็งจะมีการสั่นพ้องของเสียงที่ก้องกังวานกว่าพวกไม้เนื้ออ่อนที่มักจะดูดซับเสียงเอาไว้ในตัว แต่ก็ไม่ใช่ไม้เนื้อแข็งทุกประเภทที่จะนำมาใช้ทำคาลิมบาได้ทั้งหมด และข้อมูลต่อไปนี้ก็เป็นประเภทของไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำคาลิมบามากที่สุด (จากภาพ เป็นไม้มะฮอกกานี ซึ่งได้รับความนิยมนำมาทำเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด รวมถึงคาลิมบาด้วยเช่นกัน)ไม้โร้สวูด (Rosewood) : เป็นไม้เนื้อแข็งสีน้ำตาลแดงเข้ม มีลายไม้ที่สวยงาม และมีความแข็งแรงทนทาน คาลิมบาที่ทำจากไม้โรสวูดจะให้โทนเสียงกลางแหลมเป็นหลัก และมีความลุ่มลึกของเสียงมากเป็นพิเศษด้วย แน่นอนว่าด้วยลายไม้ที่สวยงามทำให้มันมีราคาค่อนข้างแพงไม้โคอะ (KOA) : เป็นไม้เนื้อแข็งอีกประเภทที่มีเนื้อไม้สีน้ำตาลแดง ลายไม้มีสีเข้มเห็นได้ชัดเจน คาลิมบาที่ทำจากไม้โคอะจะให้โทนเสียงกลางค่อนไปทางเสียงแหลม แต่มีความนุ่มและเสียงใสกว่าไม้โรสวูด และด้วยลายไม้ที่สวยงามจึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูงเช่นกันไม้มะฮอกกานี (Mahogany) : เป็นไม้เนื้อแข็งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการเครื่องดนตรี เพราะเป็นวัสดุหลักที่ผู้ผลิตเครื่องดนตรีหลายชนิดเลือกใช้ คาลิมบาก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย มะฮอกกานีเป็นไม้ที่มีสีน้ำตาลเหลืองเข้มผสมกัน ลายไม้ไม่สวยเหมือนกับโรสวูดและโคอะ แต่ให้เสียงที่มีความสมดุลในย่านเสียงต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะเสียงกลางที่จะตอบสนองได้ดีเป็นพิเศษ ด้วยราคาของไม้มะฮอกกานีที่ไม่แพงเหมือนไม้ชนิดอื่นๆ จึงทำให้ผู้ผลิตคาลิมบาส่วนใหญ่เลือกใช้ไม้ชนิดนี้กันมากไม้เมเปิ้ล (Maple) : เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลายไม้สีขาวเหลืองผสมกันได้อย่างลงตัว ไม้ชนิดนี้มีความเหนียวและเนื้อไม้แกร่งมาก เสียงคาลิมบาที่ทำจากไม้เมเปิลจึงค่อนข้างมีเสียงเฉพาะตัวมากๆ เพราะให้โทนเสียงที่สดใสกังวาน ย่านเสียงต่ำค่อนข้างนุ่มลึก และเสียงพุ่งมากเป็นพิเศษไม้วอลนัท (walnut) : เป็นไม้เนื้อแข็งอีกประเภทที่มีลายไม้ชัดเจนและสวยงาม เป็นไม้ที่หาได้ง่ายเพราะมีอยู่มาก ราคาไม่แพงมาก ไม้วอลนัทจึงถูกนำมาใช้ทำเครื่องดนตรีหลายชนิด คาลิมบาที่ทำจากไม้วอลนัทเสียงจะคล้ายๆ กับไม้เมเปิล แต่จะมีความนุ่มนวลและอบอุ่นขอเสียงมากกว่าเมเปิลไม้ไผ่ (Bamboo) : เครื่องดนตรีหลายชนิดที่ทำมาจากไม้ไผ่มีมานานแล้ว เช่น พวกเครื่องสายต่างๆ แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก เพราะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร แหล่งของไม้ไผ่ที่ใหญ่ที่สุดก็มาจากเป็นประเทศจีน คาลิมบาหลายยี่ห้อที่ผลิตจากจีนก็ทำมาจากไม้ไผ่เช่นกัน ซึ่งเสียงของมันก็ไพเราะไม่แพ้กับไม้ชนิดอื่นๆ ถ้าคุณขอบเสียงหวานใสๆ นุ่มนวล ไม่ดังมาก เหมือนกับเสียงของลมที่พัดผ่าน คาลิมบาไม้ไผ่เป็นตัวเลือกของคุณครับ บทสรุปสำหรับแนวทางเลือกซื้อคาลิมบาสำหรับมือใหม่หัดเล่น ถ้าคุณเคยเล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่นมาก่อนละก็ แนะนำให้เลือกคาลิมบาที่มี 17 คีย์ จะตอบสนองการเล่นได้ยืดหยุ่นมากที่สุด ส่วนใครที่ไม่เคยเล่นเครื่องดนตรีใดๆ มาก่อนเลย คุณควรเริ่มต้นจากคาลิมบา 7 คีย์ ก่อน เมื่อเล่นเป็นแล้วจะเปลี่ยนมาใช้คาลิมบาที่มีจำนวนคีย์มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร สำหรับการเลือกไม้ที่ใช้ทำคาลิมบานั้นไม่ต้องคิดให้มากครับ ง่ายที่สุดคือไปลองเล่นหลายๆ ตัว ชอบเสียงตัวไหน ก็ซื้อตัวนั้นกลับไปเล่นบ้านเลย ง่ายดี ^ ^ ขอบคุณภาพ : ( ภาพหน้าปก, freepik, freepik, pixabay, freepik )